“เมธี-จตุพร”เปิดศึกสาวไส้กันเอง-แดงร้องUN

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายเมธี อมรวุฒิกุล พยานคดีก่อการร้าย เข้าพบ นายธาริต เพ็งดิษฐ์  อธิบดี ดีเอสไอ

โดยใช้เวลาเพียง 15 นาที จากนั้น นายเมธี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยอ้างว่าถูก นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. โทรศัพท์ข่มขู่ทำร้าย และกล่าวหาว่าทรยศคนเสื้อแดง นายเมธีจึงต้องการให้ดีเอสไอร้องขอต่อศาลเพื่อขอให้ถอนประกันนายจตุพร พร้อมกันนี้ยังกล่าวถึงนายจตุพรว่าไม่เคยดูแลคนเสื้อแดง เวลาที่ถูกจับหรือเดือดร้อน รวมทั้งเวลาเคลื่อนไหวในจุดต่างๆ โดยนายเมธีได้เล่าถึงเหตุการณ์บุกสถานีไทยคมว่า นายจตุพรคอยแต่สั่งการอยู่บนรถ และพาคนเสื้อแดงไปสู่ความหายนะ ส่วนเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ที่สี่แยกคอกวัว นายจตุพรก็ไม่มาร่วมกับคนเสื้อแดง แต่กลับอยู่ที่เวทีราชประสงค์ ดังนั้น ขอให้ยุติการสร้างภาพเรียกคะแนนจากมวลชน ส่วนเงินบริจาคของคนเสื้อแดง 68 ล้านบาท ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องรู้เรื่องเงินบริจาคทั้งหมด 3 คน รวมถึงนายจตุพรก็รู้เห็น แต่ขณะนี้เงินทั้งหมดถูกโกง โดยคนที่เก็บเงินไว้ได้หนีไปอยู่ประเทศมาเลเซีย แล้ว คนเสื้อแดงต่างก็รู้ว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ได้โกงก็ควรเอาหลักฐานมาพิสูจน์ เปิดเผยกัน ไม่ใช่ให้ญาติเป็นผู้เก็บเงินแล้วหลบหนีไป 
         
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการแถลงข่าวของนายเมธี


นายเมธีได้ท้าให้นายจตุพรออกมาต่อสู้กันตัวต่อตัว โดยใช้ถ้อยคำเปรียบเทียบนายจตุพรอย่างรุนแรง และยังบอกให้นายจตุพรไปดูแลภรรยาหลวงของตนเอง โดยระบุว่านายจตุพรมีสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่ภรรยาที่ชายหาดแห่งหนึ่งซึ่งมีคนเสื้อแดงเห็น 

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่นายเมธี เข้าพบเพื่อขอให้ถอนการประกันตัวนายจตุพร

เนื่องจากอ้างว่าถูก นายจตุพรโทรศัพท์มาข่มขู่ ในขณะที่อยู่ในโครงการคุ้มครองพยานว่า เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงจะพิจารณาว่าควรดำเนินการเพิ่มระดับการคุ้มครองพยานให้กับนายเมธีหรือไม่ ทั้งนี้ยืนยันว่าแม้นายเมธีจะอยู่ในการคุ้มครองพยาน แต่ก็สามารถใช้โทรศัพท์ได้ตามปกติ ดังนั้นการที่นายเมธีอ้างว่าได้รับโทรศัพท์ข่มขู่จากนายจตุพร จึงไม่ได้ผ่านเจ้าหน้าที่ที่ให้การคุ้มครอง แต่นายเมธียืนยันว่าเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาคือเบอร์เดิมที่ใช้ติดต่อกับนายจตุพร ส่วนกรณีญาติของแกนนำ นปช.โกงเงินบริจาค 68 ล้านบาทแล้วหนีไปอยู่ประเทศมาเลเซียนั้น เป็นเรื่อง
        
นายธาริต ยังกล่าวถึงกรณีที่ประเทศกัมพูชาออกมาตอบโต้ว่าไม่เคยให้กลุ่มนปช.ใช้ค่ายทหารในการฝึกอาวุธว่า 

เป็นเรื่องของกระทรวงต่างประเทศในการชี้แจง แต่ในส่วนของดีเอสไอซึ่งได้มอบหมายให้ชุดปฏิบัติการนำโดย พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย เป็นผู้รับผิดชอบได้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงมาให้ทราบพร้อมเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นควรแจ้งให้กระทรวงต่างประเทศรับทราบ อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันนี้ ตนจะขอหารือในที่ประชุม ศอฉ. เพื่อหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธาริต ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงกรณีที่มีการระบุว่ากลุ่มนักรบแดงเข้าไปฝึกอาวุธในประเทศกัมพูชา

ว่ากำลังตรวจสอบรายละเอียดอยู่ เพราะเราจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนกว่านี้ ข้อมูลจาก 11 คนเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่จะนำมาสืบสวนสอบสวนต่อ และเป็นที่น่าสังเกตว่าทั้ง 11 คนให้การตรงกันซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลทางการข่าวที่ว่าการระดมคนเป็นชุด เป็นทีมงานเพื่อก่อความไม่สงบ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนกว่านี้ เมื่อถามว่าข้อมูลที่ดีเอสไอมีอยู่เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองหรือนักการเมืองหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า บางส่วนเราไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอเวลาทำงานอีกระยะหนึ่ง ต่อข้อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่า ดีเอสไอดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีเจตจำนงจะดิสเครดิตทางการเมือง นายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอไม่ได้สอบสวนตามลำพัง แต่มีหน่วยงานด้านความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมสอบสวนด้วย ซึ่งทุกอย่างทำตามข้อเท็จจริงไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องแต่งเรื่องสร้างเรื่องเพื่อใส่ความใคร 
               
ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 13.00 น.  นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน กล่าวถึงกรณีที่นายเมธี อมรวุฒิกุล ดาราเสื้อแดง

ร้องเรียนต่อ ดีเอสไอว่า นายจตุพรโทรศัพท์ข่มขู่คุกคาม และร้องให้ถอนประกันเพื่อความปลอดภัย ว่า ขอยืนยันว่าไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าก็ไม่เคยคุยโทรศัพท์พูดคุยกับนายเมธีมาก่อน เคยเจอกันก็เห็นว่าเป็นดารา แล้วไปป้วนเปี้ยนอยู่หน้าเวทีคนเสื้อแดง แล้วขอขึ้นเวที ก็เลยให้ขึ้น แต่พอเห็นกิริยาอาการแล้วแปลก ไม่ว่าจะตอนที่ไปชกคนแก่หน้าพรรคเพื่อไทยเก่า หรือขึ้นเวทีปราศรัยหยาบคาย
หรือขึ้นไปแล้วทำท่าทางชกมวย จึงเคยบอกผ่านนายอริสมันต์ ขอให้ นายเมธีหยุดพฤติกรรมอย่างนี้ เป็นถึงดาราทำอย่างนี้คนเขารับกันไม่ได้ 
         
นายจตุพร กล่าวว่า หลังจากนั้นเมื่อเกิดข่าวเกี่ยวกับดารา แล้วนายเมธี พูดจาไม่เป็นลูกผู้ชาย ตนก็ต่อว่าผ่านสื่อ ว่าคนอย่างนี้จะเป็นคนเสื้อแดงได้ยังไง

ในเมื่อคุณเป็นคนยังไม่ได้เลย ไม่มีลูกผู้ชายที่ไหนกินในที่ลับไขในที่แจ้ง รวมทั้งเรื่องที่ทรยศพวกพ้อง เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากคดีปล้นปืน ส่วนเรื่องเงินบริจาค 68 ล้านบาท ก็ต้องบอกว่าเงินบริจาคมีไม่ถึงนั้น แต่มีเพียงประมาณ 37 ล้านบาท และต้องใช้จ่ายทุกวันในการชุมนุม 68 วัน ทั้งค่าเวที เครื่องเสียง รถไฟฟ้า ค่าข้าว ใช้ไปทุกวันก็หมดไปตลอด ก่อนเลิกชุมนุมเงินก้อนนี้มีอยู่เท่าใดก็ยังไม่ทราบ ดังนั้นที่นายเมธีบอกว่าเงินบริจาคถูกโกงโดยญาติแกนนำแล้วตนรู้เรื่องก็ขอให้บอกมาให้ชัดว่าใครเป็นใคร 
       
  
นายจตุพร ยังกล่าวถึงการเตรียมยื่นหนังสือร้องต่อนายบันคีมูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาล ว่าจะขัดขวางหรือไม่


ซึ่งก็อยากเรียกร้องความใจกว้างจากคนในรัฐบาล และยังยืนยันว่ากระบวนการยื่นหนังสือจะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที และจำนวนคนไม่เกิน 10 คน แต่หากรัฐบาลขัดขวาง ก็อาจจะต้องชวนคนเสื้อแดงเป็นหมื่นไปร่วมยื่นหนังสือด้วยกัน ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาล ซึ่งการยื่นหนังสือต่อเลขายูเอ็น ก็เป็นเรื่องปกติที่นานาชาติเขาทำกันอยู่แล้ว ส่วนการอ้างว่ากลัวความปลอดภัย ก็ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไร ในเมื่อรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความปลอดภัย แล้วจะกลัวอะไรกับคนไม่ถึง 10 คน นอกจากนี้รัฐบาลก็สามารถยื่นข้อมูลภาครัฐให้กับเลขาฯยูเอ็นได้ แต่นี่เป็นข้อมูลของภาคประชาชน ที่ต้องการเสนอข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองไทย

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์