ศาลอนุญาตฝากขัง12วันอร่าม แสงอรุณคนสนิทเสธ.แดง


พ.ต.ท.สมชาย เชยล้อมขำ พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ควบคุมตัวนายอร่าม แสงอรุณ อายุ 49 ปี ชาว จ.นครราชสีมา

คนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มาฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 8-19 ต.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานบุคคลสำคัญอีก 30 ปาก ประกอบกับมีเหตุผลที่จะให้ศาลออกหมายขังผู้ต้องหาได้ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 ขณะที่พนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันตัวด้วย เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นกลุ่มบุคคลที่นิยมความรุนแรงก้าวร้าว มีหรือใช้อาวุธปืนและมีส่วนร่วมในการก่อความวุ่นวาย ก่อความไม่สงบ แม้ว่าเหตุการณ์รุนแรง ความวุ่นวายต่างๆ จะสงบลงแล้ว แต่สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันยังไม่เป็นที่ไว้วางใจจากเหตุการณ์รุนแรงและความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากปล่อยตัวไปอาจจะหลบหนี หรืออาจก่อความวุ่นวายหรือก่อเหตุร้ายดังกล่าวอีกได้ ดังนั้นจึงขอคัดค้านการประกันตัวเพื่อความมั่นคงปลอดภัยภายในราชอาณาจักรและความสงบเรียบร้อยของประเทศไทย

คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน พ.ย.52 ถึง พ.ค. 53 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน ผู้ต้องหาซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธปืนสงครามที่มีความร้ายแรงของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ได้ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายโดยเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำซึ่งมีวัตถุประสงค์ขู่เข็ญบังคับรัฐบาลให้ยุบสภาโดยทันที โดยผู้ต้องหาเป็นกลุ่มการ์ดของพล.ต.ขัตติยะ หรือ เสธ.แดง ซึ่งเป็นหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธของกลุ่ม นปช. มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน M 79 ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง เสธ.แดง ในการก่อวินาศกรรม ปะทะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และร่วมกันก่อเหตุรุนแรง วุ่นวายต่างๆ เช่น บุกรุกรัฐสภา , บุกรุกสถานีดาวเทียมไทยคม , ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ที่โรงแรมเอส ซี ปาร์ค , เหตุการณ์รุนแรงบริเวณสี่แยกคอกวัว , เผาสถานที่ราชการและเอกชน และ เผาห้างสรรพสินค้าในเขต กทม. จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก

โดยผู้ต้องหามีส่วนร่วมก่อให้เกิดการชุมนุมที่ไม่สงบเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยทำให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ซึ่งไม่ใช่การใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญที่จะเดินขบวนชุมนุมหรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือ พฤติการณ์ผู้ต้องหาเป็นการร่วมรู้เห็นเป็นใจโดยมีเจตนาร่วมกันกระทำผิดฐานก่อการร้าย และเนื่องจากผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ถูกจับและยังไม่ได้มีการออกหมายจับในความผิดฐานก่อการร้าย แต่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและอัยการที่ร่วมสอบสวน พิจารณาเห็นว่ามีพยานหลักฐานตามสมควรเพียงพอว่าน่าจะได้กระทำผิดอาญา ที่มีโทษจำคุกเกินกว่า 3 ปี หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตราย จึงได้แจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบ ว่า ร่วมกัน หรือสนับสนุนให้มีการกระทำผิดฐานก่อการ้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 - 3 ประกอบมาตรา 83 , 86 ซึ่งมีอัตราโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 3 - 20 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 - 1,000,000 บาท และเห็นว่ามีเหตุที่จะขอให้ศาลออกหมายขังผู้ต้องหาได้ ขณะที่สอบสวนปากคำผู้ต้องหาแล้ว ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาว่าไม่ได้กระทำผิด ศาลพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์