...ผายลม ไยต้องถอดกางเกง?

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาวิพากษ์

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ


พลันที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาวิพากษ์คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ในหลายประเด็น เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ไม่ว่าการที่ทหารเข้าไปในบอร์ดรัฐวิสาหกิจเยอะๆ ไม่เหมาะสม ต้องสร้างความสมานฉันท์ให้กับเพื่อนข้าราชการที่ไม่เลือกรุ่น ไม่เลือกพวกรุ่น อย่าทำให้เกิดคำว่า รัฐบาลรุ่น 6 และส่งเสียงเชียร์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "ของแสลงสำหรับ คมช." กลับประเทศ

วลี "ผายลม ไยต้องถอดกางเกง" ก็น่าสนใจขึ้นมาทันที

น่าสนใจด้วยภาวะ "ผายลม" เป็นเรื่องส่วนบุคคล และเป็นเรื่องพึงปกปิด และกระทำอย่างมิดชิด


ภาวะผายลมแล้วต้องถอดกางเกง อันเป็นภาวะของความไม่ปกติ


พล.อ.ชวลิตบอกเองว่า เหล่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเป็นน้อง จึงมีหน้าที่ที่จะต้องดูแล มีอะไรก็บอกเขา ต้องให้ความเมตตาดูแลเขา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นทหารด้วยกัน เห็นหัวอกหัวใจกัน

ซึ่งมองจากท่าทีนี้ การวิพากษ์วิจารณ์ ติติงซึ่งย่อมเป็น "กลิ่นอันไม่พึงประสงค์" อาจจะดำเนินการเป็นการ "ภายใน" หรือให้เป็น "ส่วนตัวได้"

แต่ พล.อ.ชวลิต ก็จงใจบอกต่อสาธารณะ

ขณะเดียวกัน ยังมีภาวะผายลมแล้วต้องถอดกางเกง อันเป็นภาวะของความไม่ปกติอีกด้วย หากปกติ แค่ผายลมก็คงไม่มีใครคิดไปถึงเรื่องการถอดกางเกง เช่นเดียวกัน นอกจากการติติง ที่ถูกทำให้เป็นเรื่องต่อสาธารณะแล้ว

น่าสังเกตอีกว่า ยังมีข่าว "ไม่ปกติ" พ่วงมาด้วย


มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ชวลิตมีการพูดคุยกับคนใกล้ชิดว่าเตรียมทหารอาจทำปฏิวัติซ้อน

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน


เป็นกระแสข่าวว่า พล.อ.ชวลิตมีการพูดคุยกับคนใกล้ชิดว่า เตรียมทหารรุ่น 9 อาจทำปฏิวัติซ้อนขึ้นมา ซึ่งน่าสังเกตว่า พล.อ.ชวลิตไม่ได้ปฏิเสธ แต่บอกทีเล่นทีจริง เป็นเพียงการพูดเล่น แต่การพูดเล่นดังกล่าว ทำให้เกิดระลอกคลื่นบนผิวน้ำ ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรงกว่าคลื่นใต้น้ำที่มีคนห่วงใยเสียอีก

นี่เองทำให้วลี ภาวะ "ผายลม ไยต้องถอดกางเกง" น่าสนใจขึ้นมา น่าสนใจว่า พล.อ.ชวลิตมีเป้าหมายอะไร

แน่นอน คงไม่ชื่นมื่นอย่างภาพที่แสดงออกในช่วงค่ำวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ "พล.อ.ชวลิต" เปิดบ้านพักซอยปิ่นประภาคม นนทบุรี เลี้ยงอาหารญี่ปุ่นแกนนำ คมช. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา


"คำแนะนำ" ที่ควรแก้ไขในระยะเวลา 1 ปี


ที่คำติติง ลดดีกรี เป็นการให้ "คำแนะนำ" ที่ควรแก้ไขในระยะเวลา 1 ปีเท่านั้น

เช่น 1. การแก้ปัญหาความยากจน ซึ่ง พล.อ.ชวลิตแสดงความเป็นห่วงกรณีการแก้ปัญหาความยากจน โดยอยากให้ทางกองทัพรีบนำไปแก้ไขโดยเร่งด่วน

2. ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พล.อ.ชวลิตตั้งข้อสังเกตถึงการแก้ปัญหาที่ผ่านๆ มาว่า ยังทำไม่ถูกทาง เนื่องจากปัญหาในภาคใต้ที่ผ่านมาไม่เป็นเอกภาพ แต่ขณะนี้คิดว่าเริ่มเป็นเอกภาพขึ้นแล้ว แต่ต้องใช้เวลา รวมถึงกรณี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าว "คำขอโทษ" อาจเกิดผลเสียตามมา สำหรับแนวทางแก้ปัญหา พล.อ.ชวลิตเสนอให้ท้องถิ่นเป็นผู้แก้ปัญหา ไม่ใช่มาจากส่วนกลาง

3. การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ที่จะแก้ปัญหาอย่างไม่จบสิ้นถ้าข้างบนเป็นผู้กระทำ เพราะผลประโยชน์อาจตกอยู่กับคนรวยบางกลุ่ม ในขณะที่คนยากจนกลับไม่ได้รับ แต่ควรให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เป็นคนจัดการว่าใครมีฐานะยากจนจริง

เพราะต้องไม่ลืมว่า ก่อนงานเลี้ยงสร้างภาพดังกล่าว พล.อ.สนธิได้ตอบโต้ พล.อ.ชวลิตค่อนข้างรุนแรง และเปิดเผยข้อมูลที่คนข้างนอกไม่ทราบในบางเรื่องด้วย


พล.อ.สนธิย้อน พล.อ.ชวลิต ว่า ใครจะปฏิวัติ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร


โดยเรื่องการปฏิวัติซ้อนนั้น พล.อ.สนธิย้อน พล.อ.ชวลิต ว่า ใครจะปฏิวัติ การที่พูดอะไรออกมาแสดงว่าต้องมีอะไรในใจ ซึ่งเจาะไม่ได้ว่าคิดอะไรในใจ คิดแบบนี้กำลังทำให้บ้านเมืองไปกันใหญ่แล้ว

พร้อมทั้งยืนยัน เตรียมทหารรุ่น 9 เป็นลูกน้องตนเองจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 ก็ให้ความไว้วางใจมาก รักกันมาก หรือ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ยิ่งเป็นไปไม่ได้

และเปิดโปงว่า เคยมีการประชุมศิษย์เก่าศูนย์อำนวยการพิเศษกองทัพบก 315 เมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมาสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ มีการพูดถึงเรื่องการปฏิวัติ เป็นการพูดเพื่อให้คนอื่นปฏิวัติ ซึ่งขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่

พล.อ.สนธิยังบอกอีกว่า เรื่องบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่ง สงสัย พล.อ.ชวลิตอยากให้ใครนั่งในบอร์ดหรือเปล่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาจให้ผลประโยชน์กับลูกน้อง แต่เราก็ตอบแทนไม่ได้

พร้อมกับตั้งข้อสังเกตที่ พล.อ.ชวลิตพูดเปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย ว่า

"เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องลึกๆ อีกเรื่องหนึ่งก็ได้ เป็นสิ่งที่ พล.อ.ชวลิตกำลังต่อรองอะไรบางอย่าง พล.อ.ชวลิตกำลังพูดเพื่อต่อรองอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของลูกน้อง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน กำลังนั่งคิดกันอยู่ว่าเรื่องอะไรกันแน่ ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่าผมขึ้นเครื่องบินไปพม่ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับเงิน 500 ล้านบาทอะไรทำนองนี้"

เปิดโปงกันขนาดนี้ เป้าหมายที่ พล.อ.ชวลิตมาวิพากษ์ คมช. ต่อสาธารณะ เพื่อนำไปสู่การกินข้าวเคลียร์ใจแถมด้วยการแนะนำ 3 ประเด็น จึงดูไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร


การเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต มีอะไรผูกโยงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ


ยิ่งหากไปฟัง "แหล่งข่าว" ใน คมช. ชี้ว่า

1) พล.อ.ชวลิตเคลื่อนไหวเช่นนี้ เพราะมีอะไรบางอย่างผูกโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมีความพยายามกดดันเพื่อเปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย

2) นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต บางคนไม่ได้รับพิจารณาเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจบางแห่ง จึงต้องแสดงปฏิกิริยา

3) คนรอบข้างที่เคยทำให้ พล.อ.ชวลิตเสียหายมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงขณะนี้มีขบวนการกลุ่มอำนาจเก่าจับมือกับคนรอบข้าง พล.อ.ชวลิตพยายามสร้างข่าวลือเรื่องการปฏิวัติซ้อน เพื่อพยายามสร้างความแตกแยกใน คมช.

ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า คมช. มองเรื่องนี้ มีเป้าหมาย ไม่ธรรมดา

ที่ไม่ธรรมดา ก็เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่พุ่งเข้าไปหา พล.อ.ชวลิต

ไม่ว่า อดีต ส.ส.ไทยรักไทย ที่เป็นคนของพรรคความหวังใหม่ ได้เข้าไปผลักดันให้ พล.อ.ชวลิตฟื้นพรรคความหวังใหม่

ปรากฏว่า พล.อ.ชวลิตยังไม่ปฏิเสธ เพียงแต่บอกว่าให้ใจเย็นๆ รอให้สถานการณ์ชัดกว่านี้ในการขยับทางการเมือง พร้อมกันนี้ยังกำชับให้อดีต ส.ส. รวมกลุ่มกันไว้ และรอดูความชัดเจนในอีก 1-2 เดือน

ขณะเดียวกัน แกนนำพรรคไทยรักไทยที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้เทียวไล้เทียวขื่อ เข้าไปหา พล.อ.ชวลิต หลายรอบ

พร้อมๆ กับมีกระแสข่าวว่า มีความพยายามที่จะให้ พล.อ.ชวลิต ซึ่งไม่มีภาพความเป็นอริกับ คมช. เป็นแกนกลางที่จะดึงอดีต ส.ส.ไทยรักไทยเอาไว้ ซึ่งจะไม่เป็นเป้าในการถูกกดดันจาก คมช. เหมือนการไปรวมกลุ่มกันเอง


มีการทาบทาม พล.อ.ชวลิต ให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย


เรื่องนี้ไปไกลถึงขนาดมีกระแสข่าวว่ามีผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทยทาบทามให้ พล.อ.ชวลิตมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทยแล้ว

การที่ออกมาเรียกร้องคล้ายกรุยทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ เป็นเสมือนการแสดงน้ำใจต่อกัน

และการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ในการวิพากษ์ คมช. ครั้งนี้น่าจะเป็นเพราะต้องการออกมาแสดงบทบาทก่อนกลับเข้าสู่การเมือง และแสดงถึง "ความมีราคา" ของตัวเอง

ต้องไม่ลืมว่า คำพูดของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณควรจะกลับประเทศหลังจากมีรัฐธรรมนูญ และมีการเลือกตั้งเสร็จแล้ว นั้นส่งสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนว่า การเลือกตั้งภายใน 1 ปีเศษๆ ข้างหน้า พ.ต.ท.ทักษิณคงหมดสิทธิที่จะมาทวงอำนาจคืน

โอกาสจึงเป็นของทุกคน

เมื่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายบรรหาร ศิลปอาชา นายเสนาะ เทียนทอง เคลื่อนไหวได้ แล้วทำไม พล.อ.ชวลิตจะเคลื่อนไหวไม่ได้

ซึ่งว่าไป พล.อ.ชวลิต ก็ถือเป็นผู้ใหญ่ และมีบารมีพอสมควร

การทิ้งระเบิดเข้าใส่ คมช. ด้วยการวิพากษ์การทำงาน แล้วปิดท้ายด้วยกระแสข่าว "ปฏิวัติซ้อน" อันนำไปสู่ดินเนอร์ระหว่าง พล.อ.ชวลิต กับ คมช.

คนที่แอบหัวเราะหึ-หึ อย่างพึงใจ ก็น่าจะเป็น พล.อ.ชวลิต เพราะทำให้มีราคาทางการเมือง ขนาด คมช. ยังต้องเกรงใจ

ขณะเดียวกัน ยังส่งสัญญาน "ไมตรี" ไปยังอีกฟาก คือ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยการเรียกร้องให้มีการอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อาจทำให้อดีต ส.ส.ไทยรักไทย จำนวนไม่น้อย กลับมาฝากฝีฝากไข้ พล.อ.ชวลิต อีกครั้ง ในฐานะคนกลางที่ต่อเชื่อมได้สองฟาก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรพิจารณาก็คือ แล้วสภาพทางการเมืองอันแท้จริงของ พล.อ.ชวลิตขณะนี้เป็นอย่างไร

รถไฟขบวน พล.อ.ชวลิต ได้ผ่านสถานีสุดท้ายของอำนาจไปอย่างทุลักทุเล ด้วยพิษ "ต้มยำกุ้ง" เมื่อปี 2540 ไปแล้วใช่หรือไม่

ถ้าใช่ ก็น่าตั้งคำถามว่า พล.อ.ชวลิตหลงเหลือศักยภาพที่จะกลับมาสู่ "อำนาจ" อีกหรือไม่

อาจจะมีความอยาก แต่ศักยภาพไปไม่ได้

ก็น่าห่วงใย

ว่ากันที่จริงแม้ พล.อ.ชวลิตกับลูกน้องที่ใกล้ชิด จะมีข่าวคราวมาตลอดว่ามีส่วนในการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน แต่ถามว่า นอกเหนือจากการได้เสียเงินเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าว คมช. แล้ว

ในฟากของ พล.อ.ชวลิต ได้อะไรบ้าง เพียงแค่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ก็ยังเป็นปัญหาอย่างที่รู้กัน

นี่มันก็สะท้อนภาวะที่เป็นจริงได้ชัดว่า พล.อ.ชวลิต "ขนาดไหน"

ดังนั้น การที่มีหลายฝ่าย "วิ่งเข้าหา" ก็คงต้องแยกแยะให้ดี เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเคลิ้มไปไกล

ยิ่งเห็นการสั่นไหวของสถานการณ์ด้วยคำพูดของตนเอง แล้วปักใจเชื่อ นี่คือของจริง ก็อาจจะพลาดได้

พลาด ด้วยการรีบถอดกางเกง ทั้งที่แค่ ผายลม เท่านั้น


ขอขอบคุณ :

บทความพิเศษจาก
(มติชนสุดสัปดาห์)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์