สนธิได้ฤกษ์สิ้นปีเลิกอัยการศึก

โต้อ๋อย-ข้อมูลผิดก๊กสนธยาซบชท.


"พล.อ.สนธิ"อ้างไม่กังวลคลื่นใต้น้ำ ชี้"แม้ว"หม่ำข้าวรมต.อิเหนาเป็นเรื่องปกติเวลาไปต่างแดน มั่นใจต่างชาติเริ่มเข้าใจสถานการณ์ในไทยมากขึ้น ย้ำไม่ใช้กฎหมู่ แต่ใช้กระบวนการยุติธรรมจัดการความผิด"ทักษิณ" แย้มไม่เกินสิ้นปียกเลิกกฎอัยการศึกแน่ จี้"จาตุรนต์"ออกมาให้ข้อมูลทหารรีดไถนักการเมือง ปชป.ได้ทีเย้ยซ้ำอย่าทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ "วิษณุ"เผยเหตุคะแนนนิยม"คมช.-รัฐ"วูบเพราะไม่จัดการ"แม้ว"ขั้นเด็ดขาด อนุคตส.ชงคดีทุจริตรถดับเพลิงกทม.- คดีภาษี"บรรณพจน์"เข้าชุดใหญ่ลงมติเชือด ประธานกกต.ตั้งกรรมการสอบสวน-ตรวจสอบสำนวนค้างเก่า ชี้มีเจ้าหน้าที่จงใจดองให้หมดอายุความ ฉลองวันเกิดพรรคชาติไทยครบ 32 ปีคึกคัก สมาชิกหน้าเก่าใหม่เข้าร่วมงานคับคั่ง "สนธยา"นำกลุ่มชลบุรีแห่ซบรังเก่า เผยหารือ"สมศักดิ์-สุชาติ"ก่อนตัดสินใจ ยังอึกอักนั่งเก้าอี้แม่บ้าน "เติ้ง" ยิ้มกริ่มเป็นฝ่ายค้านทีไรได้กลับมาเป็นรัฐบาลทุกครั้ง

-"สนธิ"จี้"จาตุรนต์"เปิดตัวทหารรีดไถ

วันที่ 19 พ.ย. เวลา 09.00 น. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) กล่าวถึงนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุมีนายทหารจากกองทัพภาคที่ 3 ไปรีดไถอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยว่า อยากให้นายจาตุรนต์ช่วยให้ข้อมูลหน่อย เราจะได้ไปดูแลคนที่ไม่เรียบร้อยในกองทัพมาพิจารณาลงโทษต่อไป ตนได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวไปหลายวันแล้ว ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 3 ยืนยันมาหลายครั้งว่าไม่มี ตนก็ถามไปหลายครั้ง เรียกมาถามทุกส่วนก็ไม่มี เพื่อความมั่นใจ เพราะเรื่องดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบกับกองทัพซึ่งสังคมมองอยู่ จึงอยากให้ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องเชิญนายจาตุรนต์มาเพื่อขอข้อมูลหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดการปฏิรูปขึ้น ตนไม่เคยได้พบนายจาตุรนต์เลย แต่ก่อนหน้านี้เจอกันบ่อย ซึ่งคงต้องมีการหารือกันว่าจะเอาอย่างไร แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ติดต่อกัน ไม่ต้องห่วงเพราะปกติคุ้นเคยกันอยู่ เมื่อถามว่าคาดว่านายจาตุรนต์มีจุดประสงค์อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คิดว่านายจาตุรนต์ไม่ใช่คนมีนัยอะไรลึกซึ้ง หมายถึงเป็นคนตรงไปตรงมา ดังนั้นอาจจะมีข้อมูลอะไรบางอย่างไปถึง จึงได้สื่อออกมาจากความรู้สึก

-ยันต้องส่งทหารไปเฝ้า

เมื่อถามว่าแสดงว่านายจาตุรนต์ได้รับข้อมูลที่บิดเบือน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อาจจะมีลักษณะที่ว่าทหารกับนักการเมืองท้องถิ่นเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น การพบปะพูดคุยผลัดกันเลี้ยงก็คงมี ซึ่งนายจาตุรนต์คงทราบดี หากนายจาตุรนต์ปรารถนาดีกับเราก็ต้องให้ข้อมูลเรา และถ้าเราเข้าใจตรงกันแล้วความสมานฉันท์ก็จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นอย่างนี้จะเกิดความหวาดระแวงกันไปทั่ว ตนจึงคิดว่าเลิกดีกว่า เลิกสิ่งต่างๆเหล่านี้แล้วมาช่วยกัน

เมื่อถามว่าเมื่อเกิดข้อกล่าวหาเช่นนี้จะกู้ภาพลักษณ์ของกองทัพอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนคงไปบังคับคนพูดไม่ได้ แต่อยากจะสื่อว่ากองทัพพูดเสมอว่าประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของกองทัพ ซึ่งเป็นนัยที่สำคัญว่ากองทัพและประชาชนเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นลูกหลาน ถ้าเรามาแยกแยะอย่างนี้ชาติบ้านเมืองก็ลำบาก ต่อไปในอนาคตตนอยากให้ดึงเอาเส้นแบ่งระหว่างทหารกับประชาชนออกเสียแล้วทำให้เป็นเนื้อเดียวกัน ตามแบบอย่างของประเทศมหาอำนาจหลายประเทศที่ทหารกับประชาชนเขาเป็นเนื้อเดียวกัน

เมื่อถามถึงพรรคไทยรักไทยไม่สบายใจที่คมช.ส่งทหารตามอดีตส.ส.ของพรรค พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่คำว่าตาม แต่เป็นการเฝ้า เพราะหน้าที่ของกองทัพคือการเฝ้าระวังอยู่แล้ว ต้องเข้าใจว่าเรามีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย จึงต้องรู้ก่อนว่าอะไรจะเกิด แต่ยืนยันว่าจะไม่ให้กระทบกระเทือนกับวิถีชีวิต

-ลั่นไม่สน"แม้ว"เคลื่อนไหว


เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ วนเวียนอยู่แถบประเทศเพื่อนบ้านในขณะที่คลื่นใต้น้ำในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือยังมีอยู่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนไม่ได้ซีเรียสกับคลื่นใต้น้ำนัก แต่การเฝ้าระวังเป็นหน้าที่ของเรา ส่วนการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่น่ามีผลอะไร เพราะเรามีแนวทางชัดเจน นายกฯก็ให้แนวทางเอาไว้ ในฐานะกองทัพต้องนำแนวทางนั้นมาปฏิบัติ ไม่ได้หวาดระแวงหรือหวั่นวิตก เมื่อถามว่าหากไม่ซีเรียสกับคลื่นใต้น้ำแล้วใช้เหตุผลอะไรที่คงกฎอัยการศึกอยู่ในปัจจุบัน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราต้องแยกเรื่องความมั่นคงของประเทศ เพราะประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ความปลอดภัยของประชาชนเป็นหน้าที่ที่ทหารต้องระวัง อะไรที่เป็นภัยเราจะหามาตรการมาช่วยให้ประชาชนปลอดภัยมากที่สุด

เมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่าคลื่นใต้น้ำที่เคยคาดว่ามีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ขณะนี้ลดลงหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เชื่อว่าค่อยๆลดลง เวลายิ่งยืดยาวไปก็จะลดน้อยลง เพียงแต่เราต้องทำความเข้าใจกับประชาชนซึ่งสมุดปกขาวที่ทำออกมาชี้แจงเหตุผลทุกอย่าง จะเรียบร้อยในช่วงปลายเดือนนี้

-ยันปกติ"ทักษิณ"หม่ำข้าวรมต.อินโด

เมื่อถามถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ไปรับประทานอาหารร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศอินโดนีเซียจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ไม่ได้กระทบ ตามปกติแล้วเวลาผมไปต่างประเทศ คนที่คุ้นเคยกันอย่างรัฐมนตรีหลายคนก็มารับประทานข้าวด้วย อย่าถือเป็นเรื่องสำคัญเลย ถ้าไปต่างประเทศแล้วไม่มีคนคุยด้วยก็คงเหงา ดังนั้นคงมีการชวนเพื่อนเก่าๆมารับประทานข้าว อย่างผมไปมาเลเซีย ก็มีอดีตผบ.ทบ.มารับประทานข้าวด้วย หรือไปกัมพูชาก็มีทั้งกระทรวงกลาโหมมา เรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องปกติ"

เมื่อถามว่ายืนยันเหมือนพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯหรือไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะกลับประเทศเมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ข้อมูลนี้ตนได้จากสื่อ เอาไว้ถ้าได้ยินจากปากของท่านเอง แล้วจึงจะตอบคำถามนี้ เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่ามีการโอนเงินกว่าพันล้านบาทจากพ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำเพื่อโค่นล้มคมช. พล.อ.สนธิ หัวเราะ และปฏิเสธจะตอบคำถามดังกล่าว

-เปรยคมช.เช็กบิลใครไม่ได้

เมื่อถามว่าประชาชนอยากทราบว่าจะดำเนินการกับพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ทำตามกฎหมายเท่านั้น ไม่มีอะไร ดีกว่าการใช้กฎหมู่เพราะบ้านเมืองใช้กฎหมู่ไม่ดี เราก็ไม่ชอบอย่างนั้น จะทำอะไรต้องมีกฎเกณฑ์ ประเทศประชาธิปไตยต้องมีรากฐานของรัฐธรรมนูญที่วางไว้ เมื่อถามว่ามีเสียงเรียกร้องว่าอยากให้เช็กบิลพ.ต.ท.ทักษิณโดยเร็ว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คมช.คงเช็กบิลใครไม่ได้ นอกจากเช็กตัวเองให้เรียบร้อยเท่านั้น

เมื่อถามถึงความคืบหน้าของการรื้อคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่อัยการสูงสุดและผบ.ตร.สั่งไม่ฟ้อง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องไปถามอัยการสูงสุดกับตำรวจว่าความคืบหน้าเป็นอย่างไร แต่ตนได้มอบหมายไปหมดแล้ว

เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่ที่ขณะนี้คมช.ถูกหลายฝ่ายโจมตีเรื่องการทำงานมาก พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมชาติและเรื่องปกติของการเมืองไทย เพราะเราไม่เคยเป็นนักการเมือง เราเป็นนักการทหาร แต่พอมาอยู่สักพักหนึ่ง เราก็เรียนรู้วัฒนธรรมทางการเมืองพอสมควร ในแต่ละวันถือเป็นบทเรียนทำให้เรามีประสบการณ์มากยิ่งขึ้นแน่นอนว่าเราอ่อนหัด แต่สิ่งที่ผ่านมาคือประสบการณ์ที่เราต้องรีบปรับปรุงเปลี่ยนแปลง

-"บิ๊กบัง"ยันไม่ใช่พี่เลี้ยงรัฐบาล


เมื่อถามว่ายังคงจะเป็นพี่เลี้ยงให้รัฐบาลหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ใช่ เราไม่ได้เป็นพี่เลี้ยง ตอนนี้คมช.ไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว หมดแล้ว จะไปทำโน่นทำนี่ไม่ได้แล้ว ตอนนี้ได้แต่เฝ้าดูว่ารัฐบาลจะทำอะไร แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเราก็เข้าไปดูแล เมื่อถามว่าประชาชนต้องการให้คมช.เด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาของประเทศ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่อย่างเดียวคือปลดนายกฯ อย่างอื่นไม่มี ไปดูในรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ชัดเจน ดังนั้น จะให้ผมและคมช.ไปทำอะไรไม่ได้แล้ว เรามีอำนาจอยู่เพียงแค่ 14 วัน ซึ่งหมดลงแล้ว ทุกคนอาจจะบอกว่าคมช.ทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะเราไม่มีหน้าที่ มีองค์กรอิสระขึ้นมาทำหน้าที่ต่อจากนี้ไปแล้ว

"ที่ผมเชิญน้องๆมาเพราะอยากจะพูดให้ฟัง หลายคนอึดอัดว่าคมช.ไม่ทำโน่นทำนี่ จริงๆแล้วคมช.หมดอำนาจไปตั้งแต่ 14 วันแรก พอมีรัฐบาล มีครม. ก็ถือว่าคมช.จบแล้ว แต่ยอมรับว่าเรื่องการประชาสัมพันธ์ถือเป็นจุดอ่อนของเรา แต่ยังหวังว่าจะให้ทหารกับประชาชนกลายเป็นเนื้อเดียวกันให้ได้ เพราะต้องเข้าใจว่าทหารเป็นรั้วของประเทศ และภัยของชาติก็มีมาก อย่าลืมว่าขณะนี้ทรัพยากรของประเทศบนดินหมดไปแล้ว ไม่ทราบว่าวันข้างหน้าต้องแย่งกันหรือไม่ เมื่อเป็นอย่างนั้นกองทัพต้องเข้มแข็ง รัฐบาลต้องดูแลกองทัพให้มีอำนาจดูแลทรัพยากรและประโยชน์ของประเทศชาติ ถ้ากองทัพอ่อนแอ อะไรจะคืออำนาจต่อรองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ นี่คือสิ่งที่ต้องเข้าใจตรงกัน อย่าแตกแยก" พล.อ.สนธิกล่าว

-เผยนานาชาติเริ่มเข้าใจ

เมื่อถามว่าที่บอกว่าหน้าที่ของคมช.คือปลดนายกฯ แต่ขณะนี้ยังคงเชื่อมั่นในตัวพล.อ.สุรยุทธ์อยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เชื่อได้อย่างไร ต้องเชื่ออยู่แล้ว แล้วที่พูดถึงอำนาจปลดนายกฯนั้นเป็นเพียงหน้าที่ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น เมื่อถามว่าหมายความว่าหากพล.อ.สุรยุทธ์ไม่ทำอะไรร้ายแรงก็จะไม่ปลดออกจากตำแหน่ง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กว่าจะหาคนทำงานเสียสละอย่างนี้ได้ คิดว่าพวกตนสนุกกันมากหรือไงที่มาเป็นอย่างนี้ อย่างตอนนี้สื่อยังด่าเราอยู่เลย ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงเรื่องความเข้าใจของประชาชน ซึ่งเคยให้นโยบายไปแล้วว่าอยากให้ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของกองทัพ และพยายามเข้าถึงประชาชนมากที่สุด ซึ่งก็มีโครงการหลายอย่าง แม้จะไม่สำเร็จในสมัยที่ตนเป็นประธานคมช.อยู่ แต่หากให้ประชาชนเกิดความเข้าใจได้ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว

เมื่อถามว่าขณะนี้ครบเวลา 2 เดือนแห่งการรัฐประหาร มีความเป็นห่วงอะไรอีกหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะรัฐบาลเดินไปได้ดีมากๆ เห็นได้จากการประชุมเอเปก ที่ประธานาธิบดีสหรัฐก็เข้าใจเหตุการณ์บ้านเมืองดีกว่าหลายคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสบายใจมากๆ เพราะสหรัฐเป็นประเทศใหญ่ ความสำเร็จนี้มาจากทูตสหรัฐที่เข้าใจประเทศไทยดี และทำข้อมูลทั้งหมดของประเทศไทยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนปฏิรูปจนถึงขณะนี้เล่าให้ประธานาธิบดีสหรัฐรับทราบมาตลอด ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตนดีใจมากที่สุดเพราะเราเป็นห่วงว่านานาประเทศจะมองประเทศไทยไม่ดี เพราะมีกฎอัยการศึกอยู่ รวมทั้งเพิ่งผ่านการปฏิรูปไป แต่การหารือเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว

-แย้มไม่เกินสิ้นปียกเลิกอัยการศึก

เมื่อถามว่าพอใจกับการทำหน้าที่ของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า หากรัฐบาลยังคงอยู่บนพื้นฐาน 4 ป.เช่นนี้ คิดว่าจะพัฒนาประเทศไปได้ในระยะเวลาสั้นๆนี้ และตอนนี้แนวทางก็เป็นไปได้อย่างดี เพราะประเทศเราเองก็มีไม่กี่จุดที่จะต้องแก้ไข

ผู้สื่อข่าวถามว่าภายในปี 2549 นี้จะสามารถยกเลิกฎอัยการศึกได้หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "คงไม่ถึงปีหรอก เดี๋ยวก็คงเลิกแล้ว ซึ่งทั้งหมดจะต้องคุยกับนายกฯก่อน เพราะขึ้นอยู่กับนายกฯ" เมื่อถามว่าแต่นายกฯระบุว่าการยกเลิกกฎอัยการศึกขึ้นอยู่กับคมช. พล.อ.สนธิ กล่าวว่า หมายความว่าหากนายกฯเห็นว่าควรยกเลิกก็ต้องมาคุยกับคมช. ถ้าคมช.บอกว่าโอเค เรียบร้อย ไม่มีอะไร นายกฯต้องนำเรื่องเข้าครม.เพื่อออกเป็นมติครม.ยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึก ที่ผ่านมาก็คุยกัน แต่ไม่ได้พูดในรายละเอียด

-"อารีย์"เข็ดไม่ขอเพิ่มรมช.อีกแล้ว


เมื่อถามถึงข่าวปฏิวัติซ้อน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่าไปสนใจ เป็นไปไม่ได้ แม่ทัพภาคที่ 1 นั่งอยู่ที่นี่ เป็นไปไม่ได้ พวกเรารักกันค่อนข้างมาก เมื่อถามถึงการย้ายผบ.พันจำนวน 136 ตำแหน่ง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นการย้ายตามวาระ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ขอให้ไปถามแม่ทัพภาคเพราะแม่ทัพเป็นคนย้าย เมื่อถามว่าการปรับย้ายครั้งนี้เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวปฏิวัติซ้อนหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เมื่อถามถึงความขัดแย้งในคมช.ด้วยกันระหว่างพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผช.ผบ.ทบ. กับพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เห็นมีเลย

ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 หรือ บน.6 นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่รู้สึกน้อยใจที่การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ไม่มีการเพิ่มสัดส่วนของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย "ผมไม่ได้บอกว่าน้อยใจ เรามีแค่ไหนเราก็มีแค่นั้น เรามี 2 คน เราก็ทำงานได้ แต่ถ้าเรามี 5 คนก็ดี แต่ผมไม่ได้น้อยใจ คนเดียวผมก็ทำและคงไม่เสนอขอนายกฯเพื่อให้เพิ่มรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงมหาดไทยแล้ว"

-"ประสิทธิ์"ฟิตรุกพบ"แอ้ด"

นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ว่า จะเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันจันทร์ที่ 20 พ.ย. เวลา 16.00 น. เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน จากนั้น จะขอเข้าพบพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับทราบขอบเขตการทำงาน เพราะเท่าที่ทราบตามข่าว นายกฯจะมอบหมายให้ดูแลงานด้านกฎหมาย ส่วนเรื่องอื่นยังไม่ทราบ

"ผมพร้อมทำหน้าที่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไร เพราะเพิ่งเดินทางกลับถึงประเทศไทย ยังไม่ทราบขอบเขตของงานที่ได้รับมอบหมาย ผมจะขอเข้าพบนายกฯ ภายหลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ขณะนี้ยังพูดอะไรได้ไม่มาก เพราะยังไม่มีข้อมูล" นายประสิทธิ์ กล่าว

-"มาร์ค"ย้ำคมช.ต้องแจงเหตุยึดอำนาจ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนบทความลงในเว็บไซต์ส่วนตัว www.abhisit.org ระบุถึงการเร่งประกาศแผนคืนอำนาจเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นหลังรัฐบาล และคมช.ได้ปฏิบัติหน้าที่มา 2 เดือนว่า 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนเริ่มรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจมากขึ้น รัฐบาล คมช. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ถูกวิจารณ์ในทางลบจากเหตุการณ์และการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทำให้บรรยากาศความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเสื่อมความนิยมในรัฐบาลกลายเป็นความเสี่ยงของประเทศอีกครั้ง ดังนั้น การฟื้นฟูความเชื่อมั่นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยรัฐบาลและคมช.ต้องเริ่มชี้แจงอย่างจริงจังถึงเหตุผลการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะประเด็นว่าเหตุใดรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และกลไกประชาธิปไตยตามปกติจึงไม่สามารถดำเนินไปได้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าการรัฐประหารไม่ได้ทำเพื่อแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อีกทั้งต้องแสดงความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขการทุจริตและการละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อได้ข้อสรุปในการกระทำผิดแล้ว ผู้ที่ทำผิดไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ หรือนักธุรกิจ ต้องถูกลงโทษอย่างจริงจัง ไม่มีการประนีประนอม เพื่อช่วยให้ผู้นำรัฐบาล และประธาน คมช.มีความน่าเชื่อถือ และจะต้องทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและกลไกต่างๆขับเคลื่อนโดยตระหนักถึงภาระหน้าที่ข้างต้น ซึ่งเดิมพันของประเทศมีอยู่สูงมาก การดำเนินการต่อไปจึงไม่เปิดโอกาสให้มีความผิดพลาดบกพร่องได้

-แนะประกาศ4ฉันทามติ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ภารกิจสำคัญที่สุด คือการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะนี้กระบวนการที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวใช้เวลายาวนานเกินความจำเป็น จึงควรเร่งดำเนินการทุกขั้นตอนเพื่อให้มีการฟื้นฟูประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยคณะผู้นำชุดใหม่ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้ได้ฉันทามติในเรื่องต่อไปนี้ คือ 1.การที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องรับรองสิทธิ และเสรีภาพตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2540 กำหนดเครื่องมือกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุล ไม่ปล่อยให้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตกไปอยู่ในมือของกลุ่มคนหรือคนเพียงคนเดียว 2.เร่งผลักดันให้สิทธิแก่ประชาชนในการฟ้องร้องคดีทุจริตโดยตรงต่อศาลได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 3.ต้องมีความเป็นประชาธิปไตย โดยผู้นำฝ่ายบริหารจะต้องมาจากการเลือกตั้ง และมีอำนาจที่จะบริหารให้บรรลุเป็นไปตามนโยบายและพันธสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน และ4.ต้องแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับธนกิจการเมืองและผลประโยชน์ทับซ้อนที่เรื้อรังมานาน ซึ่งถ้าได้ฉันทามติในประเด็นเหล่านี้แล้ว กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นไปอย่างเร็วและมีทิศทางที่ชัดเจน และจะได้เห็นการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง

-ปชป.ฉะ"แม้ว"เล่นเกมบั่นทอนรัฐบาล


เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกดดัน และเล่นเกมกับรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เป็นการเล่นเกมบั่นทอนความสงบภายในชาติ ทำให้ภารกิจในการสร้างความสมานฉันท์ของรัฐบาลมีความลำบากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่าปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นลอยๆโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เกิดจากความตั้งใจและวางแผนไว้แล้ว เพราะการเดินทางไปประเทศต่างๆแล้วมีข่าวเล็ดลอดออกมานั้น สื่อจะไม่สามารถทราบได้เลยถ้าไม่มีคนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ บอกให้บุคคลภายนอกทราบ รวมทั้งกรณีที่มีช่างภาพและสื่อมวลชนทั้งในฮ่องกงและอินโดนีเซีย รู้กำหนดการเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะไปช็อปปิ้ง กินข้าวในฮ่องกง แม้แต่การไปอินโดนีเซียก็มีช่างภาพไปรอถ่ายภาพ

"อยู่ดีๆ คุณทักษิณจะไปไหน ช่างภาพไม่มีรู้หรอกถ้าไม่บอกเพราะคุณทักษิณไม่ใช่นักฟุตบอลดังระดับโลก เดินไปไหนคนเห็นหน้าจำได้ หรือดาราฮอลลีวู้ดที่มีชื่อเสียง เล่นหนังมา 20-30 ปี ไปไหนคนรู้จักหมดมันไม่ใช่ ดูได้จากการประชุมเอเปกที่ประเทศเวียดนาม พวกเราที่เป็นสื่อมวลชนให้ชี้รูปผู้นำที่ยืนอยู่ขอถามว่ามีประชาชนคนไทยกี่คนที่จะบอกได้ว่าคนนั้นเป็นผู้นำ ประเทศไหน นอกจากคนที่อยู่ในอำนาจมานานๆ หรือมีข่าวปรากฏทางสื่อตลอด ฉะนั้นเรื่องคุณทักษิณก็เช่นเดียวกัน จะต้องมีคนมากระซิบมาบอกว่าจะไปไหน" นายองอาจกล่าว

-เคลื่อนไหวเพราะมีวาระซ่อนเร้น

นายองอาจ กล่าวต่อว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการสร้างภาพ สร้างข่าวการเคลื่อนไหว เพราะถ้าพ.ต.ท.ทักษิณต้องการเดินทางเงียบๆ ส่วนตัว สื่อจะไม่มีทางรู้ได้เลยถ้าคนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณไม่ออกมาบอก ซึ่งภาพที่ออกมาล้วนแล้วกดดันเพื่อจะเล่นเกม และทำสงครามจิตวิทยากับคมช. และรัฐบาล แม้กระทั่งไปรับประทานอาหารกับรัฐมนตรีของอินโดนีเซียในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เลือกไปรับประทานอาหารที่ร้าน"คูเดต้า"ความหมายคือรัฐประหาร ซึ่งคงไม่ใช่ความเคลื่อนไหวลอยๆแน่ เพราะร้านอาหารอยู่ติดทะเลดีกว่านี้มีตั้งเยอะทำไมไม่ไปรับประทาน

นายองอาจ กล่าวว่า ขอถามว่าอดีตนายกฯ เคลื่อนไหวเล่นเกมเหล่านี้เพื่ออะไร คงไม่ใช่กดดันเล่นเกม หรือทำสงครามจิตวิทยาเหล่านี้เพื่อความสะใจของตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เคลื่อนไหวเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองอย่างแน่นอน พ.ต.ท.ทักษิณตราบใดที่ยังมีสถานะเป็นบุคคลสัญชาติไทยอยู่ย่อมมีสิทธิ์เดินทางไปประเทศไหนในโลกก็ได้ แต่การเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ประเทศไทยตลอดเวลา ชี้ให้เห็นว่าเป็นวาระซ่อนเร้นอย่างหนึ่ง ก่อให้เกิดปัญหากับรัฐบาล ต้องถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประโยชน์จากประเทศนี้ไปมากพอแล้ว วันนี้ควรถึงเวลาที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติบ้าง วิธีการที่จะทำได้ง่ายๆ คือควรหยุดสร้างเงื่อนไข สร้างความไม่ไว้วางใจระหว่างคนไทยในชาติ เพราะถ้าตราบใดที่ยังเคลื่อนไหว ยังทำสงครามจิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง คิดว่าความไม่ไว้วางใจกันระหว่างคนไทยในชาติก็จะขยายออกไปเรื่อยๆ

- ไล่บี้คมช.อย่ามัวแต่ตั้งรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่าพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคมช.ระบุไม่มีกฎหมายที่จะจัดการกับพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ นายองอาจ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปไหนเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่อยากชี้ให้เห็นว่านี่คือกระบวนการต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติ อยู่ดีๆช่างภาพอินโดนีเซียจะรู้จักพ.ต.ท.ทักษิณได้อย่างไร ถ้าไม่มีใครไปกระซิบบอก ซึ่งก็คือกระบวนการ ถ้าคมช.ยังไปหลงเกมตั้งรับก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่ควรสนับสนุน และช่วยเหลือการทำงานของหน่วยงานต่างๆว่าติดขัดอะไรไม่ว่าป.ป.ช. หรือคตส.

นายองอาจ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันครบ 2 เดือนที่คมช.เข้ามาสู่อำนาจ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าคมช.เจอตอ เจอปัญหาเกินกว่าที่จะคาดคิด ซึ่งเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุและหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงกดดันจากกลุ่มอำนาจเก่าที่ยังเล่นสงครามจิตวิทยา ขณะที่คมช.ยังไม่สามารถต่อกรได้เฉียบคมพอ รวมถึงแรงเสียดทานจากภายใน และคมช.ยังจับทางแก้ไขได้ไม่สะเด็ดน้ำ และยังสะดุดขาตัวเองที่ตั้งนายทหารระดับสูงเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ แม้จะเป็นเจตนาดี แต่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน และคมช.ยังไม่สามารถจัดการให้ประชาชนเข้าใจในความเลวร้าย 4 ข้อของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นเหตุผลนำมาสู่การยึดอำนาจได้

-เร่งกวาดขยะใต้พรมรัฐบาลทักษิณ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าคมช.ก็มีจุดแข็งด้วยเหมือนกันคือพล.อ.สนธิ ซึ่งยังไม่มีภาพของการติดยึดในอำนาจ แต่ขอถามว่าจุดแข็งเหล่านี้จะอยู่นานแค่ไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับการกระทำของคมช.และรัฐบาลที่จะต้องสร้างจุดแข็งอื่นๆให้เกิดขึ้นพร้อมกันด้วย อีกทั้งคมช.ยังดำเนินการในลักษณะตั้งรับกับการเคลื่อนไหวในกลุ่มอำนาจเก่าคือพ.ต.ท.ทักษิณ และพลพรรคที่ทำให้รัฐบาลต้องออกมาโต้ตอบและแก้เกมรายวัน ทำให้คมช.หรือรัฐบาลแทบจะไม่มีเวลา หรือช่องทางที่จะนำเสนอผลงานให้ประชาชนเห็นเด่นชัด

"คมช.ควรจะพลิกเกมจากการตั้งรับมาเปิดเกมรุก ที่คมช.ควรดำเนินการอย่างจริงจัง คือพยายามกวาดขยะที่ซุกอยู่ใต้พรมในรัฐบาลที่แล้วออกมาให้ประชาชนเห็นชัดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตรงนั้นจะชี้ให้เห็นถึงเหตุผลการเข้ามายึดอำนาจ จะก่อให้เกิดการยอมรับในหมู่ประชาชนถึงผลร้ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา และคมช.ต้องกระทำทุกวิถีทางให้ประชาชนมั่นใจว่าการปฏิรูปการเมืองใหม่จะเกิดผล 1 ปีข้างหน้า จะไม่ทำให้ปัญหาเดิมๆในช่วงรัฐบาลเก่ากำเริบขึ้นมาอีก ไม่ว่าการทุจริตการเลือกตั้ง การใช้เงินซื้อเสียง การทุจริตเชิงนโยบาย การมีผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้มีอำนาจในบ้านเมือง รวมถึงการใช้อำนาจรัฐโดยไม่ชอบธรรม ถ้าคมช.สามารถพลิกเกมจากการตั้งรับมาเปิดเกมรุกได้ก็จะช่วยลดปัญหาต่างๆที่คมช.เผชิญอยู่ในขณะนี้"นายองอาจ กล่าว

-เย้ย"อ๋อย"อย่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ


นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยระบุมีทหารรีดไถบังคับข่มขู่อดีตส.ส.ไทยรักไทยและเรียกร้องให้คมช.เปิดเผยรายชื่อทหารว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง นายจาตุรนต์ต้องพูดให้หมด เพื่อยืนยันสถาบันศักดิ์ศรีนักการเมืองโดยรวม และถ้าเป็นเรื่องจริงโดยลูกพรรคที่มาให้ข้อมูลไม่กล้ายืนยันเป็นพยาน ต้องลงโทษลูกพรรค หรือต้องลงโทษตัวเองที่ถูกลูกพรรคหลอก ถ้าเรื่องพูดไม่จริงเชื่อว่าคนระดับนายจาตุรนต์ควรรู้ว่าจะต้องรับผิดชอบอย่างไร เพราะการหลอกด่าคนอื่น สถาบันอื่นฟรี โดยไม่มีข้อเท็จจริง ก็ไม่เหมาะกับการเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ซึ่งผู้มีพฤติกรรมเช่นนี้เหมาะเป็นเด็กเลี้ยงแกะเท่านั้น

-"วิษณุ"เผยเคยเตือน"แม้ว"อย่าโทษม็อบ

นายวิษณุ เครืองาม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) อดีตรองนายกฯ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าในช่วงที่เป็นรองนายกฯเคยเตือนพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เมื่อประชาชนไม่พอใจรัฐบาล เราอย่าพูดว่าประชาชนถูกหรือผิด รัฐบาลถูกหรือผิดไม่ต้องพูด เมื่อกระแสความไม่พอใจรัฐบาลมีมากขึ้น แล้วรัฐบาลไปสยบให้มันสงบไม่ได้ ถูกผิดไม่ต้องพูดแต่ทางสุดท้ายมันจะลงคือ ถ้าไม่มีการจัดการจี้นายกฯให้ออก ก็ต้องจัดการกับนายกฯรุนแรงหรือยึดอำนาจ ใครที่อ่านประวัติศาสตร์ 74 ปีเมืองไทย จะรู้จะพูดได้อย่างนี้เพราะสมัยก่อนพระยามโนปกรณ์ท่านดื้อเขาก็จี้ให้ท่านออก เมื่อถึงเวลาที่นายควง อภัยวงศ์ ดื้อเขาก็ปฏิวัติ ถึงเวลาที่จอมพลป.เขาก็วางยา หรือยิงใส่บังเอิญท่านไม่เป็นอะไร

นายวิษณุ กล่าวว่า สาเหตุที่ลาออกจากรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตนไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ มาช่วยรัฐบาลเพราะนึกว่าต้องการใช้งานทางวิชาการทางกฎหมาย แต่พอมาระยะหนึ่งมันเกินจากเรื่องกฎหมาย มันเป็นเรื่องของการเมือง ซึ่งตนไม่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญในสิ่งเหล่านั้น หรือไปร่วมตัดสินชะตากรรมเหล่านั้น ทั้งนี้ ตนไม่ได้ติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณมา 5 เดือนแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยด้วย เรื่องปรึกษาก็ไม่มี เมื่อถามว่าก่อนหน้าที่จะมาเป็นสนช. มีใครทาบทามให้มาเป็นรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี และไม่เอา

-คะแนนนิยมคมช.-รัฐวูบเหตุไม่เช็กบิล

เมื่อถามว่าความเชื่อถือของรัฐบาลกับคมช.ทำไมหล่นวูบไปในช่วงนี้ อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า คงมีหลายเหตุ แต่เหตุหนึ่งคือการยึดอำนาจครั้งนี้ เมื่อเปลี่ยนจากคปค.มาเป็นคมช.โดยขอไม่มีอำนาจพิเศษ ไม่เหมือนการยึดอำนาจที่ผ่านๆมาอย่างรสช. เมื่อสลายตัวก็ยังคงอำนาจบางอย่างไว้ ทำให้กำราบได้เยอะ อย่างน้อยก็เขียนเสือให้วัวกลัว คือปราม แต่ครั้งนี้ พล.อ.สนธิ มาบอกเองพร้อมยกมือไหว้ว่าอย่าเถียงอะไรกันนัก ร่างให้มันเสร็จ ประกาศใช้เร็วๆจะได้มีรัฐบาลแล้วจะได้ทำงานไป คมช.จะได้ถอยกลับมาอยู่ในที่ตั้งเป็นความตั้งใจของเขาอย่างนั้น

"อีกอันที่ไปเกี่ยวโยงคือมันมีกระแสความรู้สึกไม่ชอบรัฐบาลที่แล้วอยู่มาก ไม่ชอบนายกฯทักษิณอยู่มาก เหตุที่ไม่ชอบเพราะเชื่อว่าผิด เขาอยากเห็นการจัดการ ฉะนั้นเมื่อยึดอำนาจเสร็จ เขาอยากเห็นการจัดการให้มันเฉียบขาด และเมื่อมันไม่เฉียบขาดก็เกิดการเรียกร้องว่าคุณทำให้มันฉียบขาดหน่อยได้ไหม ซึ่งจริงๆหากทำกันตั้งแต่ก่อนวันที่ 1 ต.ค.ก็พอทำได้ แต่พอหลัง 1 ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่มีรัฐมนตรี คมช.หมดอำนาจแล้ว รัฐธรรมนูญเกิดขึ้นแล้ว เขาไม่รู้จะจัดการอย่างไรให้เฉียบขาด ถ้าถามว่าแล้วทำไมไม่รีบฟันเสียตั้งแต่ตอนนั้น คำตอบที่เดาคือเขาอยากให้ใช้กระบวนการที่ดูแล้วมีกติกา เพราะทั่วโลกมองประเทศไทยมีการยึดอำนาจ กับเรื่องตั้งเงินเดือนก็ยังมีปัญหาถกเถียงกันไม่จบ และไม่เคยมีในประเทศไทย เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาเขามี เพียงแต่ไม่โวยวายกัน" นายวิษณุ กล่าว

-โต้ข่าวตั้งธงร่างรัฐธรรมนูญ


เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ที่บอกว่าการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีธงอยู่ก่อนแล้ว นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่จริง ตนยืนยันได้ วันนี้จะพูดแบบตีปลาหน้าไซดักหน้าก่อนก็ไม่เป็นไร เอาไว้คอยดูก่อนแล้วจะเห็น เขาไปร่างกันมาไม่มีใครไปชี้แนะออกมาได้หรอก วันนี้ใครบ้างอยู่ใน 100 คนนั้น ใครเป็นกรรมาธิการ 35 คนก็ไม่รู้ แต่พอรู้แล้วจะส่งซิกนั้น ตนว่าทำกันทุกคนทุกฝ่ายทุกพรรคก็ทำ

ต่อข้อถามว่าการร่างรัฐธรรมนูญควรมีตัวแทนพรรคการเมืองเข้ามาด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทราบว่าเขาตั้งใจจะเชิญพรรคการเมืองมาอยู่แล้วเพื่อแสดงความเห็น ซึ่งตนเสนอแนะว่าหากมีการแสดงความเห็นจากพรรคการเมืองควรมีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ทราบกันเลยว่าใครมีความคิดเห็นอย่างไร โดยวิธีนี้ไม่ต้องไปนั่งร่าง ซึ่งตนได้ส่งสัญญาณบอกคนที่เกี่ยวข้องไปแล้วว่าควรทำอย่างนี้ วิธีที่ดีคืออย่าส่งเอกสารมา เพราะคนอื่นไม่เห็น "คุณมาเลยแล้วถ่ายทอดสด 7 วัน 7 คืน เอกสารเอามายื่นด้วย ชี้แจงและถ่ายทอด จะได้รู้ว่าใครมีกึ๋นอย่างไรบ้าง บางคนเวลาให้สัมภาษณ์จะพูดว่ารัฐธรรมนูญใหม่น่าจะอย่างนั้นอย่างนี้ พอเอาเข้าจริงไม่เสนอหรือเสนอตรงข้าม เชื่อว่าการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่มีธง และเห็นด้วยกับการป้องกันส.ส.หรือส.ว.ลาออกจากตำแหน่งโดยไม่มีสาเหตุแล้วรัฐต้องจัดการเลือกตั้งที่ทำให้สูญเสียเงินงบประมาณ"

-ครป.ฉะรัฐ-คมช.ไร้ผลงาน

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงว่า จากการติดตามตรวจสอบการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รัฐบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ตลอดทั้งองค์กรต่างๆ ในเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา เห็นว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้ง 4 ข้อ ยังค้างคาใจประชาชนว่าเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน คมช.กำลังกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหามากขึ้นโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะการนำนายทหารเข้าไปนั่งเป็นประธานกรรมการรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง แม้จะมีเจตนาดี แต่เปลืองตัว

เลขาธิการ ครป. กล่าวว่า คณะกรรมการที่คมช.ตั้งขึ้น เพื่อพิสูจน์ความผิดและการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลชุดที่แล้ว ไม่ได้จัดลำดับความสำคัญของปัญหาหลัก ปัญหารอง และขาดผลงานที่เป็นรูปธรรม ล่าช้า อีกทั้งสถานการณ์การเมืองในภาพรวมขณะนี้เต็มไปด้วยข่าวสารและข่าวลือ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการยึดอำนาจซ้อน คมช.ขาดเอกภาพ คลื่นใต้น้ำขยายตัว ทำให้บรรยากาศสังคม การเมืองอึมครึม แม้แต่ คมช. รัฐบาล และสนช. เริ่มประเมินสถานการณ์ต่างกัน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือ คมช.และรัฐบาล จะต้องชี้แจงสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารต่างๆกับสังคมให้มากขึ้น และต้องเร่งกอบกู้สถานการณ์ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนในทุกด้าน

-สอบตกด้านสื่อสารกับสังคม

"งานด้านการสื่อสารกับสังคมถือว่าสอบตกอย่างสิ้นเชิง ทั้ง คมช. และรัฐบาล ขาดการประชาสัมพันธ์ผลงาน การแจ้งข่าวสารกิจกรรม โดยเฉพาะการใช้สื่อเพื่อเป็นเครื่องมือของการฟื้นฟูความสมานฉันท์ในสังคม แทบไม่เห็นการริเริ่มที่เป็นระบบ เช่น ยังไม่มีมาตรการสื่อสารเชิงรุกเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแท้จริง และลดความหวาดระแวงเคลือบแคลงใน คมช. และรัฐบาล" นายสุริยะใส กล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านในขณะนี้นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเจตนาชัดเจนในการทำสงครามจิตวิทยากับ คมช. และรัฐบาล ที่เพิ่มความถี่และหลากหลายขึ้น ดังนั้น คมช. และรัฐบาล ควรยื่นคำขาดหรือใช้ประเด็นการถือหนังสือเดินทางเป็นเงื่อนไขกำกับบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ หากพบว่ายังทำสงครามจิตวิทยาไม่หยุด ก็ควรจะยกเลิกหนังสือเดินทางทางการทูตทันที

-จับตาสภาร่างรัฐธรรมนูญ


นายสุริยะใส กล่าวถึงการติดตามการร่างรัฐธรรมนูญว่า แม้จะไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าคัดเลือกเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ เพื่อเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็จะติดตามการร่างรัฐธรรมนูญอย่างใกล้ชิด หากเห็นว่ารัฐธรรมนูญก้าวหน้ากว่าฉบับปี 2540 จะร่วมรณรงค์ให้ประชาชนร่วมสนับสนุน แต่หากดูแล้วไม่ก้าวหน้าก็จะต้องเรียกร้องไม่ให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รับร่างรัฐธรรมนูญ

ด้านนายพิภพ ธงไชย กรรมการ ครป. กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่า การเพิ่มรัฐมนตรีอีก 2 คน หากเพิ่มโดยคำนึงถึงภารกิจหลัก 4 ข้อที่ได้ประกาศไป ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนการติดตามการร่างรัฐธรรมนูญของสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้น ในปลายเดือนม.ค.2550 ครป.จะเปิดเวทีคู่ขนานไปกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อระดมความคิดเห็น โดยมอบหมายให้แกนกลางทุกเครือข่ายในทุกจังหวัดเลือกตัวแทนเข้ามาร่วมร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เป็นต้นร่าง

-ชท.ชื่นมื่นฉลอง32ขวบ

เวลา 08.00 น. ที่ทำการพรรคชาติไทย พรรคชาติไทยจัดงานครบรอบ 32 ปี การสถาปนาพรรคชาติไทย โดยมีนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยคุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา ภริยา น.ส.กัญจนา นายวราวุธ และครอบครัว รวมทั้งผู้บริหารและแกนนำพรรค อาทิ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายนิกร จำนง นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค น.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ โฆษกพรรค นอกจากนั้นยังมีนายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ อดีตกรรมการบริหารพรรค

เวลา 08.09 น. นายบรรหาร เป็นประธานทำพิธีพราหมณ์บริเวณชั้น 2 ของตำหนักพระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา จากนั้นเวลา 09.00 น. ได้นิมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว) และพระสงฆ์รวม 9 รูป ทำพิธีสงฆ์ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการ นายบรรหาร ได้ทำพิธีเปิดร้านกาแฟ "ชาติไทย คอฟฟี่" โดยกล่าวว่า ตนบอกอย่างไม่อาย แนวคิดเปิดร้านกาแฟมาจากเห็นพรรคประชาธิปัตย์เปิดร้านกาแฟ ตนก็บอกว่าพรรคชาติไทยน่าจะมีบ้าง ตนจึงให้นายวราวุธไปดำเนินการ เชื่อว่าร้านกาแฟพรรคชาติไทยมีคุณภาพไม่แพ้ระดับโรงแรม ราคาก็ไม่แพงเพียงแก้วละ 40 บาทเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีตัวแทนพรรคการเมืองและบุคคลสำคัญเข้าร่วมแสดงความยินดีจำนวนมาก อาทิ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผบ.ทบ. ทหารคนสนิทพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ นายอรรคพล สรสุชาติ รองหัวหน้าพรรคมหาชน เป็นตัวแทนพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรค นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรค และม.ล.อภิมงคล โสณกุล รองโฆษกพรรค เป็นตัวแทนนำช่อดอกไม้ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคโดยนายบรรหาร ได้ฝากคำพูดถึงนายอภิสิทธิ์ว่า "ฝากไปบอกหัวหน้าพรรค 2 คำ เหมือนเดิม"

-"สนธยา"นำทีมชลบุรีซบรังเก่า


จากนั้นนายบุญถึง ผลพานิชย์ รองหัวหน้าพรรคประชาราช เป็นตัวแทนนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรค นำกระเช้าดอกไม้ร่วมอวยพร โดยนายบรรหาร กล่าวฝากไปถึงนายเสนาะว่า "ฝากคิดถึงป๋าเหนาะด้วย เพราะเคยอยู่พรรคชาติไทยมาก่อน เป็นน้องชายของผม ขอให้เงียบๆบ้าง อย่าด่าใครให้มาก เพราะคนที่ถูกด่าเขาไปแล้ว" นอกจากนั้นยังมีนายประสพ บุษราคัม คณะทำงานฝ่ายกฎหมายและการเมือง พรรคไทยรักไทย เป็นตัวแทนนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรค เข้ามอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีด้วย

ต่อมาเวลา 09.30 น. นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แกนนำกลุ่มชลบุรี และอดีตเลขาธิการพรรคชาติไทย นำทีมอดีตส.ส.กลุ่มชลบุรี เข้าแสดงความยินดี โดยนายสนธยา ได้นำตะกร้าใส่กระบอกข้าวหลามจำนวน 10 กระบอก มามอบให้กับนายบรรหาร โดยนายสนธยา ได้ยื่นกระบอกข้าวหลามให้นายบรรหาร แกะดูด้านในซึ่งพบว่าเป็นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคของกลุ่มชลบุรีจำนวน 10 คน ได้แก่ นายสนธยา นายวิทยา นายอิทธิพล คุณปลื้ม , นายสง่า ธนสงวนวงศ์ ,นายอัมรินทร์ ตั้งประกอบ ,นายสุรสิทธิ์ นิติวุฒิวรรักษ์ ,นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ,นายอุทัย มณีรัตนโรจน์ อดีตส.ส.ชลบุรี , นายชาญยุทธ เฮงตระกูล และนายสมชาย สหชัยรุ่งเรือง ส่วนนายวุฒิชัย และนายสิทธิชัย กิตติธเนศวร รวมทั้งนายนิโรจน์ สุนทรเลขา จะยื่นใบสมัครในภายหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายบรรหาร เปิดรายชื่อผู้สมัครออกดู ก็มีสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่นำเสื้อแจ๊คเก็ตสีขาว สัญลักษณ์ของพรรคชาติไทยมาสวมให้กับสมาชิกใหม่ทั้ง 13 คน พร้อมทั้งกล่าวว่า "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน"

-หารือ"สมศักดิ์-สุชาติ"ก่อนรีเทิร์น

นายสนธยา กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบสถาปนาพรรคปีที่ 32 ตนในฐานะอดีตสมาชิกพรรคชาติไทย และพี่น้องจึงถือเป็นวันดีที่จะกลับเข้ามาเป็นสมาชิกของพรรคชาติไทยอีกครั้ง ที่ผ่านมาพรรคชาติไทยถือเป็นบ้านที่อบอุ่น หัวหน้าพรรคเป็นผู้นำที่ให้ความรักความอบอุ่นให้กับลูกพรรคเสมอมา ตนพร้อมด้วยอดีตส.ส.กลุ่มชลบุรี จึงจะเข้ามาเป็นลูกพรรคและลูกหลาน เพื่อสร้างแนวทางทำงานให้เกิดประโยชน์กับประเทศ

อดีตเลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมาสมัคร ได้หารือกับแกนนำและประชาชนในพื้นที่จ.ชลบุรี รวมถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ซึ่งทุกฝ่ายเห็นด้วย และสนับสนุน ทั้งนี้การที่ตนเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคอีกครั้งไม่ได้มีเงื่อนไขว่าจะต้องดำรงตำแหน่งใด ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคและที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคจะมอบหมาย การกลับมาเป็นความตั้งใจเดิมว่า หากเกิดการเปลี่ยนแปลงจากพรรคไทยรักไทย ก็จะต้องกลับมาพรรคชาติไทย ที่ผ่านมาตนคุยกับพรรคชาติไทยมาตลอด ผูกพันกันมากกว่าหัวหน้ากับลูกพรรค เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ เหมือนครอบครัวเดียวกัน

-ยังอึกอักเก้าอี้แม่บ้านปลาไหล

"กลุ่มชลบุรีมีทั้งหมด 21 คน วันนี้ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยแล้ว 10 คน ส่วนที่เหลือจะทยอยมาสมัครในภายหลัง ซึ่งรวมๆแล้วอาจจะเกิน 21 คนด้วยซ้ำ" นายสนธยา กล่าวและว่า ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคจะมอบหมาย ตอนนี้ยังไม่ขอพูดอะไร ขอทำหน้าที่สมาชิกพรรคไปก่อน

ด้านนายบรรหาร กล่าวว่า ต้องขอบคุณนายสนธยาและคณะที่จากไป 2-3 ปีแล้วยังไม่เปลี่ยนแปลง เคยเป็นอย่างไรก็เป็นแบบเดิม ยังคงกลับมาร่วมยินดีกับตนตลอดทุกเทศกาล ต่างกับบางคนที่ออกไปจากพรรคแล้วก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตนไม่อยากเอ่ยชื่อว่าเป็นใคร ทั้งนี้ตนและนายสนธยา สนิทสนมกันทั้งในด้านการเมือง และมีความผูกพันกับครอบครัวของนายสนธยา ซึ่งการผูกพันทางการเงินไม่นานก็หมด แต่ความผูกพันทางใจถึงตายแล้วก็ไม่หมด จะตามไปตลอดทั้งชาตินี้และชาติหน้า

"ผมประทับใจคำพูดของนายสนธยาที่บอกจะอยู่กับพรรคชาติไทย ทั้งในฐานะลูกพรรคและลูกหลาน ซึ่งผมอยากให้นายสนธยามาใช้นามสกุลศิลปอาชา เป็นนามสกุลแฝงที่ 2 เป็นสนธยา คุณปลื้ม ศิลปอาชา ก็ได้ และถือเป็นเรื่องแปลกที่ทุกครั้งพรรคชาติไทยเป็นฝ่ายค้านมักได้กลับมาเป็นรัฐบาล" นายบรรหาร กล่าว

-"ประภัตร"โวอดีตส.ส.ย้ายมาอีกเพียบ

นายบรรหาร กล่าวอีกว่า การจัดงานสถาปนาพรรคชาติไทยครบรอบ 32 ปี ตนไม่แน่ใจว่าจะขัดกับประกาศ คปค.หรือไม่ จึงมอบให้นายนิกร ทำหนังสือสอบถามเลขาธิการ คมช. ซึ่งได้รับคำตอบว่าสามารถจัดได้เพราะถือเป็นงานประเพณีที่ถือปฏิบัติมานาน แต่ขอให้ระวังคำพูด จะขัดกับประกาศฉบับที่ 15 ของ คปค. วันนี้ตนจึงไม่สามารถพูดหาเสียงได้ แม้จะคันปากแต่กลัวจะผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม วันนี้นอกจากจะมีสมาชิกและผู้บริหารพรรคยังได้รับเกียรติจากผู้ใหญ่ที่ตนรู้จักดี คือพล.อ.วิชิต ที่แม้ว่าจะไม่ได้มายื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค แต่ก็มาดูบรรยากาศไว้ก่อน

ด้านนายประภัตร กล่าวว่า เชื่อว่าการกลับมาเป็นสมาชิกพรรคของกลุ่มชลบุรีจะทำให้พรรคชาติไทยแข็งแกร่งมากขึ้น ส่วนเรื่องตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น คงต้องแล้วแต่ที่ประชุมพรรคพิจารณา หากเห็นว่านายสนธยากลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคแล้วจะทำให้พรรคเข้มแข็งมากขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตามนอกจากกลุ่มชลบุรีแล้ว ขณะนี้ได้มีสมาชิกพรรคอื่นประสานเข้ามา ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกัน แต่เชื่อว่าภายในเวลา 1 ปีนี้ จะมีอดีตส.ส.ย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพิ่มเติมด้วย

-ข้องใจกกต.ชุดเก่าปล่อยคดีหมดอายุ


นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบสำนวนร้องเรียนที่ใกล้จะหมดอายุความในเวลา 1 ปี ซึ่งเบื้องต้นมี 1,000 กว่าสำนวนที่ใกล้จะหมดอายุความ เนื่องจากต้องการทราบว่าเป็นความบกพร่องในส่วนใดที่ทำให้สำนวนค้างจนใกล้จะหมดอายุความ และนำมาแก้ไข ทั้งนี้ หากเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ที่กระทำการโดยตั้งใจทิ้งเรื่องให้ผ่านระยะเวลา 1 ปี อาจจะมีความผิด

"หลังจากทำงานมาได้ 2 เดือน พบว่าสำนวนร้องเรียนที่เสนอเข้ามามีปัญหาจำนวนมาก รวมทั้งอดีตกกต.ที่ถูกฟ้องกรณีการสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แต่ไม่ได้แจ้งกับผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ ทำให้เกิดผลกระทบกับการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้นๆ ส่วนนี้ก็มีอยู่บ้างแต่ไม่มาก นอกจากนี้กรรมการทุกคนยังข้องใจว่าในช่วงที่ตำแหน่ง กกต.ว่างลง กลับมีสำนวนร้องเรียนที่หมดอายุเป็นจำนวนมาก จึงสงสัยว่าช่วงที่อดีตกกต.ยังทำหน้าที่อยู่ ทำไมไม่ให้อดีตกกต.พิจารณาให้เสร็จเรียบร้อย กลับปล่อยให้เรื่องร้องเรียนขาดอายุความ 1 ปีได้อย่างไร" นายอภิชาต กล่าว

-ยันรื้อคดีใหม่ไม่ได้มุ่งตัวบุคคล

ประธาน กกต.กล่าวว่า เมื่อพวกตนมาทำหน้าที่นี้ ได้หารือกันแล้วว่าจะพิจารณาลงมติสำนวนเรื่องร้องเรียนในวันใดก็จะลงนามรับรองในวันนั้น และให้เขียนคำวินิจฉัยให้เสร็จภายใน 3 วันหลังจากที่มีคำวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ากกต.ชุดนี้จะไม่มีการหลงหูหลงตากลับคำวินิจฉัยจากใบแดงเป็นใบเหลือง หรือใบเหลืองเป็นใบแดง ซึ่งต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง โดยยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ จึงมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าต้องมีการรื้อระบบใหม่ใช่หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า แน่นอน เพราะเมื่อตนเข้ามาทำงานได้เห็นจุดบกพร่องหลายจุด งานเป็นไปอย่างล่าช้า ระบบงานซ้ำซ้อน แต่เป็นการรื้อเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ได้มุ่งตัวบุคคล ซึ่งขณะนี้ได้ศึกษาเปรียบเทียบโครงสร้างของกกต.ชุดแรกกับชุดของพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เพื่อดูข้อดีข้อเสียว่าเป็นอย่างไร และจะนำมาปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบ อย่างเรื่องบุคลากรที่ต้องมีการปรับลดเพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งตนกำลังหาจุดปรับลดอยู่

นายอภิชาต กล่าวว่า ตนเห็นว่าเลขาฯ กกต.คนใหม่เป็นคนที่มีความสามารถ ตั้งใจทำงาน สามารถเข้ามาปรับปรุงองค์กรกกต.ได้ ทั้งการพิจารณาเงินเดือน ตำแหน่งการโยกย้าย ที่จะนำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในการปรับเปลี่ยนแต่งตั้งของพนักงานเข้ามาพิจารณาด้วย ทั้งนี้ พนักงานคนใดที่ทำงานดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องกลัว เพราะเราเพียงต้องการกำจัดสิ่งไม่ถูกต้อง คนทุจริตต้องตัดให้เรียบร้อย เพราะคนที่อยู่องค์กร กกต.ต้องเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง มั่นคง

-คตส.คุ้ยมติกฤษฎีกาโยงซื้อที่ดินรัชดา

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายที่ดินบริเวณย่านรัชดาฯระหว่างกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีนายอุดม เฟื่องฟุ้ง คตส. เป็นประธาน มีความคืบหน้ามากขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล โดยข้อมูลส่วนหนึ่งเป็นความเห็นทางกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ลงนามโดยนายชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อเดือนพ.ค.2543 เกี่ยวกับสถานภาพของกองทุนฯไว้ในเรื่องสถานภาพของธนาคารกรุงไทย จำกัด ในการเป็นรัฐวิสาหกิจ ตามมาตารา 4 พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1 และ10 ) ได้สรุปว่ากองทุนฯ มีสถานภาพเป็นองค์การรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะ และเป็นรัฐวิสาหกิจตามมาตรา 4 พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ เนื่องจากกองทุนฯเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามมาตรา 29 ตรี พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)พ.ศ.2485 โดยมีเงินทุนของรัฐบาล และวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ดำเนินการเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ

-นายกฯควบคุมดูแลกองทุนฟื้นฟู


"อีกทั้งกองทุนฯได้ตั้งในธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เป็นงานฝ่ายหนึ่งของ ธปท. เมื่อธปท.มีสถานภาพเป็นองค์การของรัฐอยู่แล้ว กองทุนฯจึงมีสถานภาพเป็นองค์การของรัฐเช่นเดียวกัน แหล่งข่าวคตส. กล่าวและว่า ความเห็นของกฤษฎีกายังระบุด้วยว่า ในองค์การของรัฐบาลถือว่านายกรัฐมนตรีมีฐานะผู้ควบคุมดูแลสูงสุดตามพ.ร.บ.ระเบียบวิธีการบริหารราชการแผ่นดินตามมาตรา 11 ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล

ด้านนายอุดม เฟื่องฟุ้ง ประธานอนุกรรมการตรวจสอบที่ดินย่านรัชดาฯ เปิดเผยว่า ในกรณีที่มีองค์กรใดองค์กรหนึ่งได้วินิจฉัยอะไรเอาไว้แล้ว ทางคตส.จะนำมาประกอบการพิจารณาในการสอบสวนเท่านั้น แต่จะไม่มีผลต่อการชี้ผิดชี้ถูกจนกระทบต่อกระบวนการในการทำงานของคตส. ซึ่งการตรวจสอบการซื้อที่ดินย่านรัชดาฯถือว่า มีความคืบหน้าไปมาก โดยทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากนี้อนุกรรมการจะเชิญอดีตนายกฯทั้ง 3 คนคือนายบรรหาร ศิลปอาชา , นายชวน หลีกภัย และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มาหารือด้วยเช่นกัน

-ไม่สน"เติ้ง-จิ๋ว"สนิท"ทักษิณ"

"เราหวังว่าจะได้ข้อมูลและกระบวนการคิดของอดีตนายกฯทั้ง 3 คนถึงกรณีคตส.ตรวจสอบอยู่ว่าจะมีความเห็นอย่างไร โดยจะถามว่าถ้าเป็นท่านตรวจสอบคิดว่าโครงการเหล่านี้มีความถูกต้องหรือไม่ และถ้าท่านเป็นนายกฯในตอนนั้นท่านจะทำหรือไม่เช่นกัน โดยเราจะนำสิ่งที่ได้มาประกอบการพิจารณาว่าจะมีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายก่อนจะสรุป" นายอุดม กล่าว

นายอุดม กล่าวว่า ส่วนที่นายบรรหาร และพล.อ.ชวลิต ค่อนข้างจะสนิทสนมกับพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เราไม่สนใจว่าใครจะสนิทสนมกับใคร แต่การหารือร่วมกันจะมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ ดังนั้น ทั้ง 3 คนจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการแสดงความเห็นด้วย เพราะการทำงานของ คตส.จะต้องเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบเพื่อความโปร่งใส

-เล็งเชือดทุจริตดับเพลิง-พี่เมีย"แม้ว"

นายอุดม กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบโครงการหวยบนดิน 2-3 ตัวหลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าไม่ชอบด้วยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 แต่ชอบด้วย พ.ร.บ.การพนันพ.ศ.2478 ซึ่งการตรวจสอบเราจะต้องดูต่อไป แม้ว่าจะมีการวินิจฉัยว่า เป็นความผิดตามกฎหมายฉบับหนึ่งแต่ถูกกฎหมายอีกฉบับก็ตาม โดยเฉพาะการนำเงินจากกองสลากฯไปใช้ว่ามีความถูกต้องหรือไม่ จะไม่มีการตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งแน่นอน

"พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีตผอ.กองสลากฯ ให้ข้อมูลไว้ว่า ทางกองสลากฯขาดทุนจากการจำหน่ายหวยลักษณะนี้ไปแล้วถึง 9 งวด โดยพล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ได้ขอร้องที่จะไปหาตัวเลขที่ขาดทุนแน่นอนก่อนแล้วจะนำมาให้ คตส.ในภายหลังต่อไป" นายอุดมกล่าว

รายงานข่าวคตส.แจ้งว่า การประชุม คตส.ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ทางอนุกรรมการตรวจสอบการจัดซื้อรถดับเพลิง และเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร และอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จะเสนอให้ คตส.ชุดใหญ่มีมติชี้มูลความผิด รวมถึงตั้งอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ อนุกรรมการตรวจสอบโครงการทุจริตทั้ง 11 ชุด จะมีการนำเรื่องที่ได้พิจารณาเข้าสู่ที่ประชุมว่า มีความคืบหน้ามากน้อยเพียงใด


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์