กกต.สั่งรื้อสำนวนยุค 3 หนา - อภิชาต แฉมีพิรุธอื้อ
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤศจิกายน 2549 13:43 น.
กกต.ตั้งกรรมการสอบสวน-ตรวจสอบสำนวนค้างเก่าสมัย แก๊ง 3 หนา - อภิชาต ชี้มีเจ้าหน้าที่จงใจดองให้หมดอายุความหรือเปลี่ยนใบเหลืองให้เป็นใบแดง หรือเปลี่ยนเป็นใบเขียวอื้อ สั่งรื้อโครงสร้าง ลดบุคลากร ย้ำ 5 กกต.ชุดนี้หลังมีคำวินิจฉัยแล้วต้องมีการเขียนคำวินิจฉัยส่วนตัวตามมาภายใน 3 วัน
วันนี้ (19 พ.ย.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบสำนวนร้องเรียนที่ใกล้จะหมดอายุความในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเบื้องต้นมี 1,000 กว่าสำนวนที่ใกล้จะหมดอายุความ เนื่องจากต้องการทราบว่าเป็นความบกพร่องในส่วนใดที่ทำให้สำนวนค้างจนใกล้จะหมดอายุความ และนำมาแก้ไข ทั้งนี้ หากเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ที่กระทำการโดยความตั้งใจพยายามทิ้งเรื่องให้ผ่านระยะเวลา 1 ปี อาจจะมีความผิด
หลังจากทำงานมาได้ 2 เดือน ก็พบว่าสำนวนร้องเรียนที่เสนอเข้ามามีปัญหาจำนวนมาก รวมทั้งอดีตกกต.ที่ถูกฟ้องกรณีการสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แต่ไม่ได้แจ้งกับผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ ทำให้เกิดผลกระทบกลับการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้นๆ ส่วนนี้ก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่มาก นอกจากนี้ กรรมการทุกคนก็ยังข้องใจว่าในช่วงระหว่างที่ตำแหน่ง กกต.ว่างลง กลับมีสำนวนร้องเรียนที่หมดอายุเป็นจำนวนมาก จึงสงสัยว่าช่วงที่อดีต กกต.ยังทำหน้าที่อยู่ ทำไมไม่ให้อดีต กกต.พิจารณาให้เสร็จเรียบร้อย กลับปล่อยให้เรื่องร้องเรียนขาดอายุความ 1 ปี ได้อย่างไร นายอภิชาต กล่าว
ประธาน กกต.กล่าวว่า ดังนั้นเมื่อพวกตนมาทำหน้าที่นี้ ก็ได้หารือกันแล้วว่าจะพิจารณาลงมติสำนวนเรื่องร้องเรียนในวันใด ก็จะลงนามรับรองในวันนั้น และให้เขียนคำวินิจฉัยให้เสร็จภายใน 3 วัน หลังจากที่มีคำวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า กกต.ชุดของตนจะไม่มีการหลงหูหลงตากลับคำวินิจฉัยจากใบแดงเป็นใบเหลือง หรือใบเหลืองเป็นใบแดง ซึ่งต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง โดยยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ จึงมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าต้องมีการรื้อระบบใหม่ใช่หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า แน่นอน เพราะว่าเมื่อตนเข้ามาทำงานได้เห็นจุดบกพร่องหลายจุด งานเป็นไปอย่างล่าช้า ระบบงานซ้ำซ้อน แต่เป็นการรื้อเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ได้มุ่งตัวบุคคล ซึ่งขณะนี้ได้ศึกษาเปรียบเทียบโครงสร้างของ กกต.ชุดแรก กับชุดของ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตกกต.เพื่อดูข้อดีข้อเสียว่าเป็นอย่างไร และจะนำมาปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบ อย่างเรื่องบุคลากรที่ต้องมีการปรับลดเพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งตนกำลังพยายามหาจุดในการปรับลดอยู่
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าเลขาฯ กกต.คนใหม่เป็นคนที่มีความสามารถ ตั้งใจทำงาน จะสามารถเข้ามาปรับปรุงองค์กร กกต.ได้ ทั้งเรื่องการพิจารณาเงินเดือน ตำแหน่งการโยกย้าย ที่จะนำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในการปรับเปลี่ยนแต่งตั้งของพนักงานเข้ามาพิจารณาด้วย อย่างไรก็ดี พนักงานคนใดที่ทำงานดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องกลัว เพราะเราเพียงต้องการกำจัดสิ่งไม่ถูกต้อง คนทุจริตก็ต้องตัดให้เรียบร้อย เพราะคนที่อยู่องค์กร กกต.ต้องเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง มั่นคง
นายอภิชาต ยังกล่าวชี้แจงถึงกรณีที่ กกต.ได้คัดเลือก พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ ภรรยาของ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ให้เป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ในโควตาของ กกต.ว่า เรื่องนี้เราได้มีการหารือกันว่าสมควรจะส่งใคร ซึ่ง กกต.แต่ละท่านก็ได้เสนอชื่อบุคคลที่คิดว่าเหมาะสม และตนเป็นผู้จับฉลากเอง ยืนยันได้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นที่เคลือบแคลงและไม่มีข้อจำกัด หรือข้อห้าม รวมทั้งเมื่อท่านสมชัยเห็นว่าเหมาะสม และเป็นสามีของ พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ ที่สามีมีความเป็นกลาง ก็เชื่อว่าภรรยาท่านก็น่าจะมีความเป็นกลาง คงไม่เสียหายตรงไหนกับการเป็นตัวแทนของ กกต. ทั้งนี้ สนช.ก็ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นผู้รู้กฎหมาย แต่ต้องการบุคคลที่มีความหลากหลายเข้ามาช่วยคิด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรู้กฎหมาย