อำลา “ทภ.1” ห่วงปัญหาแตกแยกของคนในชาติ ยันให้ค่าคนในชาติเท่ากัน รับแก้ปัญหาชายแดนใต้ยังไม่สำเร็จ โล่งอกยานเกราะยูเครนถึงไทย พร้อมเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัย หวังให้ทุกคนเข้าใจถูกต้อง ...
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก
ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมและอำลากองทัพภาคที่ 1 ว่า กองทัพภาคที่ 1 มีภารกิจหนักในหลายมิติ มีความซับซ้อนมาก แต่การประสานงานทุกอย่างที่ผ่านมา ได้ช่วยกันทำงานตามภารกิจอย่างเรียบร้อย ทั้งนี้กองทัพบก มีแนวความคิดตามคำขวัญ คือ ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ประชาชน ขณะนี้ เป็นอย่างไร ในอนาคตก็เป็นเช่นนั้น
เมื่อถามว่า ยังมีปัญหาใดที่ยังแก้ไขไม่สำเร็จก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ปัญหาชายแดนภาคใต้ที่ต้องใช้เวลา
เพราะปัญหาซับซ้อน การเอาชนะจิตใจคน และทำความเข้าใจต้องใช้เวลา จุดสำคัญ คือ ต้องใช้จิตใจช่วยกันพัฒนา หรือใช้การเมือง เราไม่ใช้การทหาร ซึ่งต้องไปดูว่าสิ่งที่ทุกกระทรวง ทบวง กรม ทำอยู่ได้ผลมากน้อยแค่ไหน ส่วนการทหารเราพยายามดูแลความสงบเรียบร้อย ประสิทธิภาพรักษาการความปลอดภัยก็ทำกันอยู่ ส่วนปัญหาความแตกแยกของคนในชาตินั้น ทุกคนในประเทศมีค่าเท่ากัน จะถามตนคนเดียวไม่ได้ ทุกคนได้รับผลกันหมด ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข จึงจะมีความสงบเรียบร้อย
เมื่อถามว่า หลังเกษียณอายุราชการจะไปไหนต่อ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ยังไม่จากไปไหน ก็ยังอยู่ ยังไม่ตาย” เมื่อถามว่า ความพร้อมในการรับมือการเคลื่อนไหวทำกิจกรรมรำลึก 4 ปี 19 ก.ย. รัฐประหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่ประชุม ศอฉ. ไม่ได้พูดคุยเรื่องเตรียมแผนมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องหลัก เพราะประชุมจบไปตั้งแต่ครั้งที่แล้วว่า ตำรวจมีขั้นตอนในการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งแนวทางรัฐบาลมีอยู่แล้ว ทั้งนี้คิดว่าการชุมนุมคงไม่มีอะไร ส่วนการประชุม ศอฉ.วันนี้ เป็นเรื่องของครูภาคใต้ และการเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงกับคณะอนุกรรมการชี้แจงข้อเท็จจริงฯ ส่วนการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.นี้ ตนคิดว่าไม่ว่าใครทั้งสิ้น ก็ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง หากใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญในการแสดงออก ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
เมื่อถามถึง การส่งมอบยานเกราะล้อยางยูเครน 2 คันแรก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นโอกาสดี ในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะเปิดโอกาสให้สื่อได้ซักถาม
โดยโครงการนี้เริ่มต้นผ่านมาหลายนายกรัฐมนตรี เริ่มต้นอนุมัติผ่านคณะรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ และ อนุมัติการจัดซื้อในสมัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ มาปรับแก้ไขเครื่องยนต์ ในรัฐบาลนี้ การรับมอบมีขั้นตอนและกรรมวิธีมากมาย เพื่อให้ครบทุกสมรรถนะ แต่เขาคงอยากชี้แจงว่าทำไมต้องซื้อ มีความต้องการและ มีความเป็นมาอย่างไร สิ่งที่สงสัยทั้งหมดจะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง.