แอ้ดยันในเอเปก-คืนปชต.ปีหน้า

"เป็นโอกาสชี้แจงต่อชุมชนธุรกิจต่างประเทศ"


เมื่อเวลา 12.45 น.วันที่ 17 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเครื่องบินของกองทัพอากาศ ไปยังกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 14 ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย. โดยมีพ.อ.(หญิง) คุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา ได้ร่วมคณะเดินทางไปด้วย

ต่อมาเวลา 14.30 น. นายกฯ เดินทางถึงสนามบินนอยไบ โดยมีนายตะ กวง หม่อก รมว.ประมงเวียดนามและประธานสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม ให้การต้อนรับ จากนั้นคณะของนายกฯเดินทางเข้าโรงแรมที่พักมีเลีย ฮานอย

เวลา 16.30 น. นายกฯ เดินทางไปที่ออดิโทเรียม เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดเอเปก โดยนายกฯ กล่าวว่า ถือเป็นจังหวะเวลาอันดีที่จะได้มีโอกาสชี้แจงต่อชุมชนธุรกิจต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาการเมืองของไทยในปัจจุบัน ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยมีภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งกรอบเวลาในการปฏิรูปการเมืองในอีก 1 ปีข้างหน้า จะทำให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นปลายปี 2007 เป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม

"ยึดหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส"


นายกฯ กล่าวว่า ผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศอาจแปลกใจต่อปฏิกิริยาของคนไทยที่มีต่อการปฏิรูปการเมืองในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ทั้งดอกไม้ประดับรถถัง การถ่ายรูปครอบครัวกับทหาร รวมถึงผลสำรวจความคิดเห็นที่พบว่าคนส่วนใหญ่ทั้งในเมืองและต่างจังหวัดสนับสนุนการปฏิรูปการเมืองในครั้งนี้ อาจจะยิ่งสงสัยว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างล้มลุกคลุกคลานตลอดช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ทำไมผู้คนถึงได้มีปฏิกิริยาในเชิงบวกต่อการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 1997 ที่ถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่มีเสรีภาพและมีหลักกฎหมายที่ก้าวหน้า

"คำตอบสำหรับคำถามดังกล่าว อาจต้องกลับไปดูประเทศไทยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา การตรวจสอบและการถ่วงดุลตามแนวทางประชาธิปไตยมีความอ่อนแอ สังคมไทยถูกกัดกร่อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คนจนมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น มีการละเลยกฎหมายอย่างเป็นระบบ การอ้างสิทธิมนุษย์ไปใช้ในทางผิดมีมากยิ่งขึ้น ปัญหาการคอร์รัปชั่น ประเทศมาถึงทางตัน ดังนั้น การที่คนไทยมีปฏิกิริยาดังกล่าวเพราะต้องการเห็นการเมืองมีการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน ดังนั้น จึงเป็นการชะลอเวลา เพื่อให้มีการปฏิรูปประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อให้สถาบันประชาธิปไตยที่อ่อนแอกลับมาเข้มแข็ง ฟื้นฟูระบบการตรวจสอบและการถ่วงดุลที่ผุกร่อน และยึดถึงหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส

"ปูพื้นฐานสำหรับรัฐบาลชุดต่อไป"


นายกฯ กล่าวถึงความท้าทายในการดำเนินการภารกิจสำคัญ 4 ประการที่รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าตลอดระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้านี้ ประกอบด้วย การพัฒนาการปฏิรูปการเมือง การฟื้นฟูความสมานฉันท์ของคนในชาติ การแก้ไขการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียม และการสร้างหลักนิติธรรมให้มีความเข้มแข็ง เพื่อปูพื้นฐานสำหรับรัฐบาลชุดต่อไปที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของประชาธิปไตย รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องมีความน่าเชื่อถือและโปร่งใส การตรวจสอบและการถ่วงดุลจะต้องได้รับการปกป้อง รวมทั้งประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมมากกว่าการไปลงคะแนน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ความท้าทายประการที่ 2 คือ การสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา การเมืองและสังคมภายในประเทศมีความแตกต่างกันอย่างรุนแรง จึงต้องการหยุดวัฒนธรรมการเผชิญหน้าที่กำลังรุนแรงขึ้น ส่งเสริมการเจรจาและการสมานฉันท์ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย เพื่อเป็นการเริ่มต้นการสร้างความสมานฉันท์

"ต้องการให้ไทยเป็นสังคมความชอบธรรมและเท่าเทียม"


พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ความท้าทายประการที่ 3 คือ การแก้ไขปัญหาการกระจายรายได้อย่างไม่เท่าเทียม แม้ไทยเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในโลก คนรวยกับคนจนยังคงมีช่องว่างทั้งด้านรายได้และโอกาสที่ห่างไกลกัน รัฐบาลจึงได้ดำเนินนโยบายเพื่อให้คนจนมีโอกาสด้านการศึกษา การสาธารณสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น จะมีทั้งการกำหนดนโยบายใหม่และเดินหน้านโยบายที่ริเริ่มโดยรัฐบาลชุดที่ผ่านมาซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีประสิทธิภาพ โดยจะทำให้โปร่งใสและยั่งยืน

นายกฯ กล่าวอีกว่า ความท้าทายประการสุดท้าย คือ การสร้างหลักนิติธรรมให้มีความเข้มแข็ง หากมีการนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างไม่เท่าเทียม เป็นการเปิดโอกาสให้มีการคอร์รัปชั่น หากต้องการให้ประเทศไทยเป็นสังคมที่มีความชอบธรรม มีความเท่าเทียม และเป็นประชาธิปไตย กฎหมายจะต้องเป็นหลักในการบริหารประเทศไม่ใช่ด้วยเงินหรือสิทธิพิเศษต่างๆ และกฎหมายสำคัญๆ จะต้องปรับให้ทันสมัยสอดคล้องกับความจริงของเศรษฐกิจโลก


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์