สุรยุทธ์ ย้ำฟังเสียงวิจารณ์-ไม่กลัวลุกเป็นไฟ ลุยล้างรัฐตำรวจ
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤศจิกายน 2549 13:39 น.
สุรยุทธ์ ย้ำรัฐบาลยอมรับเสียงวิจารณ์ แต่ติงสื่ออยากให้เสนอทั้งด้านลบและด้านบวกด้วย อชิรวิทย์ มีสิทธิ์ลุกเป็นไฟแน่ รัฐบาลเดินหน้าปรับโครงสร้างตำรวจโละ ระบอบโกวิท มอบหมายให้ยุติธรรมเป็นแม่งาน เป้าหมายให้ประชาชนพึงพอใจสูงสุด
วันนี้ (17 พ.ย.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่หลายฝ่ายออกมาตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลทำงานที่ครบรอบ 2 เดือนว่า เป็นเรื่องของการตรวจสอบ ช่วยกันดูแล สิ่งใดที่รัฐบาลทำผิด ท่านเตือนมาเราจะได้หาทางแก้ไขกัน และพร้อมที่จะรับฟังจากทุกภาคทุกส่วน ในวันนี้ที่ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดการประชุมสัมมนาเรื่องการปฏิรูปสังคมไทย เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาสังคมที่รับฟังการเกื้อกูลกันและช่วยเหลือกันในระยะยาว ไม่ทอดทิ้งกัน เป็นแนวทางที่ทางกระทรวงได้เสนอขึ้นมาในวันนี้
นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าแนวทางเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนช่วยกันถ่ายทอด เสนอให้สังคมรับทราบ เพราะสื่อก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ถ้าเรามองเฉพาะในส่วนที่เป็นด้านลบอย่างเดียว ไม่เสนอในสิ่งที่ดีงามให้กับสังคมบ้าง สังคมก็คงจะลำบาก และว่า นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้พูดว่า ถ้าเรื่องเลวเขาก็ลงในสื่อ ถ้าเรื่องดีต้องจ้างถึงลงได้ ก็เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายควรจะมองตัวเอง ต้องคิดดูว่าอะไรบ้างต้องช่วยกันเพื่อช่วยสังคมของเรา ควรต้องมองกันทั้ง 2 ด้าน
เมื่อถามว่า แนวทางการสร้างสมานฉันท์เป็นภารกิจหนึ่งที่รัฐบาลต้องทำ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าให้มองตัวเองก็เดินไปได้แค่ก้าวครึ่ง ยังอยู่อีกตั้งหลายก้าว ยังไม่คืบหน้าไปเท่าไรนัก เท่าที่ดูด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่ท่านหลายต้องช่วยกันก็ขอให้ช่วยกันประเมินวิจารณ์ว่าควรไปทางไหนกันดี นอกจากช่วยประเมินแล้วยังขอให้ช่วยแนะด้วยว่าเราควรจะไปทางไหนกันดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีปัญหาอุปสรรคอะไรที่ให้การทำงานก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า โดยหลักการทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง เมื่อมีความคิดเป็นของตัวเองเมื่อจะปรับเข้าหากัน ก็ต้องใช้เวลา เป็นเรื่องของเหตุผลที่ต้องช่วยกันชี้แจงทำความเข้าใจ ถ้าหากว่าความคิดนั้นไม่ได้จัดระเบียบ ไม่รวมกลุ่มกันแล้ว มันก็ไปคนละทางสองทางกันอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวทางคิดการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า เพราะเป็นเรื่องที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ตราบใดที่เรายังมองว่าเราสามารถพูดคุยกันได้ เป็นสิ่งที่ดี เพราะทุกอย่างไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลง ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ และว่าในสัปดาห์หน้ามีการประชุมคณะกรรมการตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งตนเป็นประธาน และมีการพิจารณาโยกย้ายนายตำรวจอยู่แล้วโดยจะไปร่วมประชุมด้วย
สำหรับการปรับโครงสร้างตำรวจนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ต้องมีการหารือกันในวงกว้าง ทางตำรวจ ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทางกระทรวงยุติธรรมต่างก็มีความเห็น ตนว่าถึงเวลาแล้วที่จะเปิดข้อมูลให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นด้วย จะเป็นประโยชน์ เพราะประชาชนเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางด้านตำรวจเองดูเหมือนว่าไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ถึงกับบอกว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันได้ เป็นเรื่องของเหตุของผลมากกว่าว่าปรับปรุงแล้วจะมีอะไรที่เป็นประโยชน์ เพราะสิ่งที่พูดกันทั้งหมด เราพูดกันถึงประชาชน เพราะประชาชนเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ถ้าประชาชนได้รับผลในทางที่ดีขึ้น คิดว่าในส่วนเหล่านั้นน่าจะเป็นประโยชน์ที่สำคัญ
ผมว่าเราทำอะไรที่จะแก้ปัญหาให้ดี ให้เกิดผลในระยะยาวก็ต้องช่วยกันคิดพิจารณาใช้วิธีที่ผมเสนอหลายๆ แห่ง คือ ทำจากสิ่งที่ง่ายไปหายาก ทำสิ่งที่เล็กไปหาใหญ่ หลักการมันก็มีง่ายๆ อย่างนี้ อยู่ที่เราจะเริ่มต้นอย่างไร ซึ่งในกรอบเป้าหมายสุดท้ายคือ ทำให้ประชาชนพอใจได้รับผลตอบแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมต้องการให้ทำเรื่องตำรวจเป็นเรื่องเร่งด่วน นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลยอมรับว่าการปรับโครงสร้างตำรวจเป็นเรื่องเร่งด่วน ได้พูดในสภาไปแล้วว่าเป็นเรื่องที่ต้องเร่งทำ โดยทางกระทรวงยุติธรรมกำลังดำเนินการ แต่ก็อยากเปิดเวทีแลกเปลี่ยนคิดเห็น เรื่องนี้ต้องให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณาตัดสิน ประชาชนจะพอใจในสิ่งที่รัฐบาลพยายามจะปรับปรุง ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
ส่วนที่มีการกังวลว่าท้องถิ่นมีศักยภาพพอหรือไม่ที่จะให้ตำรวจขึ้นตรง นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างปรับได้ รวมทั้งในเรื่องของงบประมาณ เพราะการกระจายอำนาจลงท้องถิ่นเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งหลายๆ รัฐบาลก็ทำมาแล้วอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะให้ตำรวจไปขึ้นตรงกับผู้ว่าฯ จังหวัด นายกฯ กล่าวว่า ขอยังไม่ตอบ ตอนนี้ขอฟังอย่างเดียว ถ้าพูดกันคือ ข้อมูลยังไม่ชัดเจน ไม่ตกผลึก เป็นอีกเรื่องต้องรอก่อน ทั้งทางสภา สถาบันการศึกษา กระทรวงยุติธรรม อยากให้มีโอกาสเสนอข้อคิดเห็นในเรื่องเหล่านี้มาก่อน รวมทั้งจากหน่วยงานที่รับผลกระทบโดยตรง คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลองไปศึกษาก่อน
เมื่อถามต่อว่าจะให้มีการทำประชาพิจารณ์ก่อนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระทรวงยุติธรรม และได้คุยกับ รมต.แล้วว่ากระทรวงจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้ไปสังกัดกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมมันทั้งระบบ ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงขั้นสุดท้าย จนถึงศาลตัดสิน ไม่ใช่เฉพาะแค่ตำรวจ มันมีหลายๆ ช่วง จนกว่าที่ศาลตัดสิน ผมถึงได้พูดเสมอว่า กระบวนการของเราบางครั้งเราก็ไปมองว่าผิด แต่จริงๆ แล้วเราต้องคอยกระบวนการยุติธรรมถึงจะรู้ว่าเราผิดหรือผิด เราอาจจะคิดว่าเขาทำผิด แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาผิด ซึ่งกระทรวงยุติธรรมถือเป็นแม่งานในเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รองผุ้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาตอบโต้และขัดขวางแนวความคิดปรับโครงสร้างตำรวจที่ต้องการกระจายอำนาจการบังคับบัญชาให้ขึ้นตรงกัยท้องถิ่น รวมทั้งลดขนาดให้องค์กรเล็กลง โดยเขาถึงกับขู่ว่าถ้าทำอย่างนั้นบ้านเมืองลุกเป็นไฟแน่