บัวแก้วสั่ง ถอนพาสปอร์ตทูต โอ๊ค-เอม

"ทักษิณยันช่วงนี้ขออยู่บาหลี"


สำหรับประเด็นความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกโยงไปถึงคลื่นใต้น้ำและการพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกนั้น นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า จากที่ได้โทรศัพท์คุยกันครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่าช่วงนี้จะอยู่ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

และฝากบอกคมช.กับรัฐบาลว่า การเดินทางครั้งนี้ต้องการพักผ่อน ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ไม่ได้มีแผนปฏิบัติการทางการเมืองหรือเคลื่อนไหวใดๆ ขอให้สบายใจได้ นอกจากนั้น ยังบอกให้ คมช.ลดความหวาดระแวง เพราะอยากให้เอาเวลาช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมดีกว่า ส่วนกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทยนั้นขณะนี้ยังไม่มี หากจะกลับประเทศไทยก็จะเดินทางมาอย่างเป็นทางการผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ

อ้างไม่อยู่ยุโรปเพราะหนีหนาว


ต่อข้อถามว่า การเดินทางไปประเทศใกล้เคียงเป็นแผนทางจิตวิทยาหรือไม่ นายนพดลตอบว่า เดิมที พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปหลายประเทศในทวีปต่างๆ แต่เนื่องจากช่วงนี้ทวีปยุโรปอยู่ในช่วงฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นมาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ชินกับสภาพอากาศ จึงต้องเปลี่ยนแผนเดินทางไปประเทศแถบเอเชีย ยืนยันว่าไม่มีแผนทางจิตวิทยา และยืนยันว่าจะไม่ไปประเทศเวียดนามในระหว่างที่มีการประชุมเอเปก รวมทั้งประเทศสิงคโปร์ที่มีข่าวว่าจะไปฉลองวันเกิดให้กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา ก็ไม่เป็นความจริง โดยหลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางจากเกาะบาหลีไปที่ประเทศจีนหรือฮ่องกง

ทักษิณ ตีกอล์ฟที่บาหลี


วันที่ 16 พ.ย. สำนักข่าวเอพีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางไปพักผ่อนที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ได้ไปออกรอบตีกอล์ฟที่สนามเนอร์วานา กอล์ฟ คลับ ของรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ท่ามกลางการติดตามของช่างภาพกว่า 10 คน โดย พ.ต.ท.ทักษิณมีท่าทีผ่อนคลาย แต่เหงื่อออกมากเพราะอากาศร้อนจัด ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวกับบรรดาช่างภาพที่เฝ้ารอถ่ายภาพว่า ผมสบายดี แต่รู้สึกร้อน ขณะเดียวกัน 1 ใน 2 ผู้ติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณได้พยายามกันบรรดาช่างภาพปาปาราซซี่ออกไป โดยที่อดีตนายกรัฐมนตรีไทยได้แต่ยิ้มและพูดว่า มากันเยอะนะ

ศิธา ดักคออย่าเลือกปฏิบัติ


น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้รัฐบาลยกเลิกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ทางการทูตของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า หากรัฐบาลมองว่าการใช้พาสปอร์ตการทูตเป็นปัจจัยหลักที่จะกดดันรัฐบาลก็มีสิทธิที่ยกเลิกได้ แต่หากทำแล้วเกิดข้อครหาว่าเป็นการกลั่นแกล้งก็จะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลเอง ตามหลักพาสปอร์ตการทูตจะออกให้ถาวรตลอดชีพแก่บุคคล 2 ตำแหน่งเท่านั้น คือนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ

เพราะแม้จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่การเดินทางไปต่างประเทศยังถือเป็นหน้าตาของประเทศ และถ้าจะเลิกพาสปอร์ตการทูตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ควรพิจารณาพาสปอร์ตการทูตของอดีตนายกรัฐมนตรีรายอื่นด้วย ส่วนกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เสนอให้รัฐบาลชี้แจงต่อทูตประเทศต่างๆว่าทางการไทยไม่ยินดีหากประเทศเหล่านั้นจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าพำนักนั้น การกระทำเช่นนี้คงเป็นความสะใจของผู้ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ แต่จะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสื่อมลง

บัวแก้ว ไม่ถอนพาสปอร์ต ทักษิณ


นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงพาสปอร์ตทางการทูตของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง หมวด 1 เรื่องหนังสือเดินทางทางการทูต (9) ระบุให้อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.ต่างประเทศใช้หนังสือเดินทางทางการทูตได้ ซึ่งอดีตนายกฯ ทุกคนถือหนังสือเดินทาง ประเภทดังกล่าวอยู่แล้ว รวมถึงคู่สมรสนายกฯก็มี โดยกำหนดไว้ใน (13) และในทางธรรมเนียมปฏิบัติที่ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องก็ยังคงให้ภรรยาอดีตนายกฯ ทุกคนถือหนังสือเดินทางทางการทูตอยู่

โต้ข่าวอำนวยความสะดวกเป็นพิเศษ


หนังสือเดินทางทั้ง 2 ประเภทไม่ได้มีความแตก ต่างกัน หรือการถือหนังสือเดินทางทางการทูตก็ไม่มีเอกสิทธิ์ คุ้มกันหรือได้สิทธิพิเศษอะไร เพราะเรื่องเอกสิทธิ์ทางการทูตจะให้เฉพาะผู้ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่เท่านั้น นอกจากนี้หนังสือเดินทางเล่มแดง (หนังสือเดินทางทางการทูต) ก็ยังต้องขอวีซ่าเมื่อจะเดินทางไปในหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป ขณะเดียวกัน หนังสือเดินทางแบบธรรมดาก็สามารถเดินทางไปในหลายประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าเช่น

ประเทศในอาเซียน และฮ่องกง นายเกียรติคุณกล่าวและว่า การอำนวยความสะดวกทั้งสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่างๆ และสถานกงสุลใหญ่ทุกแห่ง ก็อำนวยความสะดวกให้อดีตนายกฯ และบุคคลที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงอยู่แล้วตามสมควรแก่กรณี แต่ข่าวที่ระบุว่าสถานกงสุลใหญ่ไทยในฮ่องกงอำนวยความสะดวกโดยการส่งรถตู้ไว้คอยบริการ พ.ต.ท.ทักษิณและภรรยานั้น ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง พ.ต.ท.ทักษิณและภรรยาเดินทางไปไหนมาไหนด้วยช่องทางปกติ

ยึดพาสปอร์ตการทูต โอ๊ค-เอม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสามารถใช้ดุลพินิจในการอนุมัติออกหนังสือเดินทางทางการทูตให้กับบุคคลอื่นได้ เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง โดยก่อนหน้านี้ได้พิจารณาอนุโลมให้กับบุตรทั้งสามของ พ.ต.ท.ทักษิณคือนายพานทองแท้ หรือโอ๊ค น.ส.พิณทองทา หรือเอม และ น.ส.แพทองธาร หรืออุ๊งอิ๊ง ชินวัตร ให้ถือหนังสือ เดินทางทางการทูตมาระยะหนึ่ง แต่ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทางการทูตของนายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทาแล้ว ส่วนหนังสือเดินทางทางการทูตของ น.ส.แพทองธารนั้น หมดอายุไปก่อนหน้านี้แล้ว

บุญรอด ทำเมินข่าว ทักษิณ


พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางอยู่รอบประเทศไทย อาจจะส่งผลให้กลุ่มคลื่นใต้น้ำก่อตัวสร้างปัญหาให้กับ คมช.และรัฐบาลว่า เป็นสิทธิส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะไปไหนต่อไหนได้ แม้กระทั่งเดินทางกลับประเทศไทยก็มีสิทธิ แต่ว่าช่วงนี้ยังไม่เหมาะสม และ พ.ต.ท.ทักษิณก็รู้ว่ายังไม่เหมาะสม ฉะนั้นถ้าเดินทางไปที่อื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทย ก็ไม่น่าที่จะนำมาเป็นหัวข้อเรื่องในการที่จะทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำ เมื่อถามว่า การเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณทำให้กลุ่มคลื่นใต้น้ำก่อตัวมากยิ่งขึ้นหรือไม่ พล.อ.บุญรอดตอบว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ถ้ามาอยู่ตรงนี้และทำให้พวกนี้ก่อตัว ถึงแม้อยู่ไกลก็สามารถดำเนินการได้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่หวาดระแวงการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อย่างที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีความจำเป็นต้องยกเลิกหนังสือเดินทางพิเศษทางการทูตของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะต้องให้เกียรติในฐานะที่เป็นอดีตนายกฯ

หวั่นปัญหาภายในนับวันยิ่งรุนแรง


เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลเป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นห่วง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นห่วงสถานการณ์ภายในประเทศมากกว่า เพราะนับวันจะรุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อถามว่าปัญหาจริงๆเกิดจากอะไร รมว.กลาโหมตอบว่า เกิดจากคน 2 กลุ่ม คือกลุ่มอำนาจเก่าและกลุ่มที่ไม่พอใจการทำงานของ คมช. เมื่อถามว่าจำเป็นจะต้องยึดนโยบายของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ให้มีความปรองดองและความสมานฉันท์ของคนในชาติหรือไม่ พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า พล.อ.เปรมคงเห็นว่าคนในชาติยังไม่ปรองดองและไม่สมานฉันท์ ซึ่ง คมช.และรัฐบาลจะต้องรับนโยบายมาปฏิบัติ

เปิดช่องลิ่วล้อฉลองวันเกิด พจมาน


ต่อข้อถามว่า กรณีอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยจะไปร่วมงานวันเกิดของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อกลุ่มอำนาจเก่ารวมตัวกันจะมีผลต่อความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า เขามีสิทธิที่จะไป ส่วนจะไปพบหรือไม่พบก็ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าจะต้องขออนุญาตจากคมช.หรือไม่ พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า ไม่ต้อง ถ้าขอวีซ่าได้ก็เดินทางออกไปได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล

คมช.ลั่นต้องทำจิตใจหนักแน่น


พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด และสมาชิก คมช. ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวกรณี พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มเดินทางเข้ามาใกล้ประเทศไทยมากขึ้น จะเป็นการสร้างสงครามทางจิตวิทยาเพื่อกดดัน คมช.หรือไม่ว่า อย่าไปคิดอะไรที่เลื่อนลอยและวาดภาพไปเอง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่างประเทศ สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ เราก็ทราบความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ถ้าไปตื่นเต้นมากก็คงไม่มีประโยชน์ และคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี ประเทศเราเป็นประเทศมรสุม มีฝนตกแดดออกมาก ถ้าไปตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้คงจะไม่ต้องทำอะไรกัน เราต้องหนักแน่น มีสติ อย่าคิดหรือจินตนาการไปเอง ต้องรอความชัดเจน ถ้าคิดมากก็จะไม่ได้ทำในเรื่องสำคัญๆ คมช.ไม่ได้ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ ได้แต่รับทราบ

ประสงค์ จี้อายัดทรัพย์ ทักษิณ


น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิก สนช. ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านรายการ สภาท่าพระอาทิตย์ ว่า เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงไม่กล้ากลับเข้าประเทศไทยในเวลานี้ แม้จะเปิดโอกาสให้เข้ามาได้ก็ตาม เพราะรู้ดีว่าต้องเจอกับคดีความมากมาย โดยเฉพาะข้อกล่าวหา 4 ข้อที่เป็นเหตุผลในการยึดอำนาจ ตนรู้จักนิสัยคนคนนี้ดีว่าเป็นคนขี้ขลาด เชื่อว่าถึงจะอนุญาตให้เข้าก็ไม่กล้าเข้ามาแน่ แต่ตอนนี้ทำท่าเหมือนอยากจะเข้ามา หรือมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ ดังนั้นอยากให้รัฐบาลใช้กฎหมาย ปปง.อายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ก่อน แล้วให้ชี้แจงถึงที่มาของทรัพย์สินด้วย

แนะดำเนินการตาม 4 ข้อกล่าวหา


การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนคนไฮเปอร์ อยู่ไม่สุข ไม่อยู่นิ่ง แต่ยังติดยึดกับอำนาจ มีเงินและมีเครือข่ายอยู่ แต่อย่าไปใส่ใจมากนัก เพราะเขาก็แค่ไม่อยากหลุดจากเฟรมข่าว น.ต.ประสงค์กล่าวและว่า ถ้าได้มีโอกาสพบกับนายกรัฐมนตรีและประธานคมช. จะเสนอให้อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้าประเทศได้ แต่ต้องถูกดำเนินการตาม 4 ข้อกล่าวหา


จคป.แขวะ ทักษิณ เล่นละครบทเก่า


นายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล ผู้ประสานงานเครือข่ายจุฬาฯเชิดชูคุณธรรมนำประชาธิปไตย (จคป.) กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณในช่วงนี้คงต้องการให้ตัวเองเป็นข่าว แต่เมื่อวิเคราะห์ตามสถานการณ์จะเป็นแรงกระตุ้นให้คนในระบอบทักษิณ พร้อมที่จะลุกขึ้น มาต่อต้านรัฐบาลและ คมช.ได้ เพราะบังเอิญเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ คมช.ยกเลิกประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน จะเห็นว่าทุกประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทาง ไปก็ไม่ได้ไปเงียบๆ แต่ไปปรากฏตัวในย่านชุมชน นักข่าวก็อยากสัมภาษณ์ ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงบทละครเดิมๆว่าตัวเองกำลังตกงาน อยากหางานใหม่

บี้ คมช.เร่งเคลียร์คลื่นใต้น้ำ


ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ดูเหมือนทำให้เห็นว่าพยายามหนีนักข่าว แต่สุดท้ายก็ยิ้มร่าโบกมือทักทาย ผิดวิสัยของคนที่ไม่ต้องการให้เป็นข่าวที่ควรจะไม่พอใจและเคร่งเครียดพอสมควรเมื่อมีคนติดตาม นายอนันต์ กล่าวและว่า ต้องยอมรับว่าคลื่นใต้น้ำยังมีอยู่จริง เป็นคน 2 กลุ่มคือ กลุ่มคนที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณอย่างสุดหัวใจ ความศรัทธาจะอยู่เหนือเหตุผล กับกลุ่มที่พร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวหาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา เพราะคนกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์ด้วย ดังนั้นเป็นหน้าที่ของ คมช.ต้องสื่อสารทำความเข้าใจกับคนกลุ่มแรกที่รักและศรัทธา พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างบริสุทธิ์ใจ หากปล่อยเวลาผ่านไปจะยิ่งเป็นปัญหาคาใจของคนกลุ่มนี้

คดียุบพรรคพิจารณารวมกลุ่ม


ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเล็กอีก 3 พรรคนั้น นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานตุลาการรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ของผู้ถูกร้องทุกพรรครวมไว้ในสำนวนเดียวกัน และให้ทำสำเนาเอกสารดังกล่าวไปให้อัยการสูงสุดในฐานะผู้ร้องรับทราบด้วย พร้อมกันนี้ ได้กำหนดนัดพร้อมคู่กรณีทั้ง 5 พรรคในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อตุลาการจะชี้แจงให้ทราบถึงกระบวนการขั้นต่อไปว่าจะต้องทำอย่างไร เนื่องจากเป็นข้อกำหนดใหม่


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์