รมว.ไอซีทีคุ้ยคอมพ์เอื้ออาทร แม้ว ชี้หมกเม็ด-สูญเปล่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรโดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤศจิกายน 2549 16:19 น.
รมว.ไอซีทีสั่งรื้อโครงการซื้อคอมพิวเตอร์เอื้ออาทรแจกเด็กนักเรียนยุค ทักษิณ ชี้มีการหมกเม็ดเพียบ ทั้งสเปกและคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ใช้งานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ ชี้เสียเงินเปล่า ขณะเดียวกันยืนยันจำเป็นต้องออกกฎหมายคุมเว็บไซต์เพื่อจัดระเบียบใหม่ป้องกันอาชญากรรมและละเมิด ยันกู้ภาพหน่วยงานภายใน 1 ปี
วันนี้ (17 พ.ย.) นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงโครงการ One laptop per child (โครงการเด็กนักเรียน 1 คน แล็ปท็อป 1 เครื่อง) สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า การดำเนินการโครงการคอมพิวเตอร์จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ประหลาด ถ้าล้าสมัยและคุณสมบัติไม่ถึงก็จะใช้กับอุปกรณ์สมัยใหม่ไม่ได้ ทำให้ไม่มีใครอยากจะใช้ ฉะนั้น ถ้าราคาถูกเกินไปก็ไม่มีใครใช้ ทำให้เสียเงินเปล่าๆ ทั้งนี้ ตนทราบดีเพราะเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ทุกๆ 3-4 ปี เราจะต้องเปลี่ยนคอมพิวเตอร์เป็น 1,000 เครื่อง ซึ่งเราคิดว่าเราบริจาคให้เด็กตามโรงเรียนต่างจังหวัดอาจจะได้ผลดี ปรากฏว่าไม่ค่อยมีใครอยากรับบริจาค เพราะพอตกรุ่นแล้วมันใช้ไม่ได้ ซึ่งถ้าราคาถูกเกินไปก็จะเจอปัญหาขีดความสามารถในเครื่องมันน้อยไปหน่อย
ขณะเดียวกัน เราจะพยายามให้เยาวชนมีขีดความสามารถที่จะได้รับคอมพิวเตอร์ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม จะต้องทำด้วยความระมัดระวังและค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพราะถ้าสั่งเยอะทีละหลายแสนเครื่อง อย่างคอมพิวเตอร์เอื้ออาทร ถ้าผิดก็มีปัญหา ดีอย่างเดียวเวลาจัดซื้อมันใช้เงินเยอะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการนี้จะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ นายสิทธิชัย กล่าวว่า โครงการที่จะให้เยาวชนไทยมีโอกาสเข้าสู่เทคโนโลยีมีต่อไป แต่จะต้องเป็นคอมพิวเตอร์ที่ได้คุณภาพและมีมาตรฐาน ผู้ใช้พร้อมรับได้ เมื่อถามว่าชื่อโครงการใหม่จะเป็นอะไร รมว.ไอซีที กล่าวว่า ยังไม่มีชื่อ ตนตั้งชื่อไม่เก่ง ส่วนปริมาณแต่ละปีจะเป็นเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ซึ่งขณะนี้ตนกำลังสำรวจว่าแต่ละโรงเรียนที่ขาดแคลนจริงๆ มีเท่าไหร่ และที่สำคัญคือ กระทรวงไอซีทีจะต้องผ่านหน่วยงานซีบราสอนครูให้มากขึ้นด้วย เพราะ 2-3 ปีที่แล้ว หลายๆ โรงเรียนได้คอมพิวเตอร์ไป 12 เครื่องแต่ยังไม่มีไฟเลย ฉะนั้น จะต้องวางแผนในเชิงบูรณาการ เพื่อไม่ให้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
เมื่อถามว่า ทางกระทรวงได้คุยกับผู้ประกอบการต่างประเทศ ที่เคยคุยกับรัฐบาลชุดที่แล้วหรือไม่ รมว.ไอซีที กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เคยมาคุยแล้วเขาหัวเราะ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นคนนี้หรือเปล่า จำไม่ได้ เพราะตนไม่ค่อยอยากให้บริษัทเข้าพบ ยิ่งมาเชิญตนยิ่งไม่รับเชิญ ส่วนของเก่าตนไม่ค่อยรู้ข้อมูล
การกำหนดสเปกคอมพิวเตอร์มันง่ายมากเลย แต่คอมพิวเตอร์ที่ดี สเปกไม่มีทางทำให้ต่างกัน ไม่มีทางไปล็อกกันได้เลย แต่การจัดซื้อจัดหาคอมพิวเตอร์โดยไปกำหนดสเปกที่ไม่มีความหมายกับขีดความสามารถคอมพิวเตอร์ เช่น ปลั๊กไฟต้องมี 3 ขา ต้องมีรูปทรงไข่แทนรูปทรงสี่เหลี่ยม เราไปคุ้นเคยกับการล็อกสเปกอย่างนี้มากกว่า ทำให้เกิดการล็อกสเปกง่าย และถ้าผู้จัดซื้อมีจิตใจที่ต้องการให้เกิดความโปร่งใสจริงๆ การล็อกสเปกไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ นายสิทธิชัย กล่าว
นายสิทธิชัย ยังกล่าวถึงการนำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ..ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า เรื่องนี้มีเหตุผล 3 ประการ โดยที่ผ่านมาไอซีทีได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองเยอะมาก เรื่องเว็บไซต์ลามกอนาจาร เว็บไซต์ไม่เหมาะสม อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ อีกทั้งปัจจุบันธุรกิจเมืองไทยมีการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์กันเยอะ มีอาชญากรรมด้านนี้เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งมีการขโมยเบอร์เครดิตการ์ด ปลอมเครื่อง แฮกข้อมูล ซึ่งเรื่องนี้เป็นอันตรายมาก เช่นการแฮ็กส์ข้อมูลเข้าไปแกล้งข้อมูลผู้ป่วยในโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์อาจสั่งยาผิดทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมลงไปในอินเทอร์เน็ต ซึ่งตนในฐานะคนไทยรู้สึกสะเทือนใจมาก จึงคิดว่าต้องมีกฎหมายในการจัดวางระเบียบให้ดีกว่าตอนนี้
นายสิทธิชัย กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ได้ร่างมานานแล้ว แต่รัฐบาลไม่นำเข้าสักทีหนึ่ง ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของสนช.ในวาระแรก ต่อไปก็เข้าสู่วาระการแปรญัตติของกรรมาธิการ ซึ่งการอภิปรายตนก็รับฟังทุกข้อ และตนในฐานะที่อยู่ในคณะกรรมาธิการก็จะให้มีการแปรญัตติและแก้ไขมาตราให้ถูกต้องในข้อที่ทุกคนมีความห่วงใย จะต้องมีการถ่วงดุลไม่เช่นนั้นจะถูกการกลั่นแกล้งกันได้ในอนาคต แต่ตนก็มั่นใจบุคลากรในรัฐบาลชุดนี้ว่าทำงานด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ไม่กลั่นแกล้งใคร แต่ถ้าในอนาคตก็ไม่แน่
รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ยังกล่าวยอมรับเรื่องนโยบายควบคุมซิมการ์ดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ตอนนี้ก็ยังคุมไม่ได้ ถ้าจะบอกว่าเราจะไม่ให้เขาจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือก็คงต้องปิดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งประชาชนก็จะเดือดร้อน แต่วิธีที่ดีที่สุด คือ การป้องปรามด้วยการสังเกต แต่ทางเทคนิคไม่สามารถป้องกันได้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังสำรวจข้อมูลเรื่องเวลาว่ามีการจุดระเบิดช่วงเวลาไหน ตรงนี้ต้องสำรวจข้อมูลจากบริษัทที่เป็นโอเปอเรเตอร์ทั้งหลายจะเก็บข้อมูลไว้เท่าใด เราพยายามหาต้นตอ อาจจะมีโอกาสจับผู้ก่อการในระดับต้นตอได้บ้าง ส่วนการขึ้นทะเบียนซิมการ์ดนั้นก็สามารถทำให้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของซิมการ์ด ซึ่งการขึ้นทะเบียนซิมเป็นวิธีที่ถูกต้อง ไม่ได้เสียหายอะไร ซึ่งจะใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ควรที่จะเปิดเผยเจ้าของ แต่ยืนยันว่าไม่สามารถป้องกันการใช้ซิมการ์ดในการก่อเหตุได้
ถ้าไม่มีโทรศัพท์มือถือ เขาก็ใช้วิธีอื่นได้ เช่น โทรศัพท์วอร์กี้ทอล์กกี้ที่มีขายทั่วไป สามารถรับสัญญาณได้ในระยะหลายกิโลเมตร หรือใช้รีโมตดัดแปลงก็ใช้ได้ในระยะทางหลายร้อยเมตร ใช้ไฟหน้ารถ ใช้เสียงบีบแตรรถ กดเป็นจังหวะที่ถูกต้องมันก็รับสัญญาณได้แล้ว ฉะนั้นคนที่มีความรู้นิดหน่อยก็สามารถทำได้ง่ายมาก ผมไม่รู้ว่าให้สัมภาษณ์แบบนี้จะเป็นการสอนเขาหรือเปล่า แต่คงไม่ใช่การสอนเพราะเขาคงรู้กันอยู่แล้ว ฉะนั้น วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือ ต้องมีความเข้าใจ สร้างความสมานฉันท์ และใช้วิธีการสังเกต อย่างต่างประเทศก็ใช้กล้องซีซีทีวีติดทั่วไป เขาก็ใช้เหมือนกับเรา ใช้ตำรวจสายสืบที่มีการระมัดระวังตัวตลอดเวลา รมว.ไอซีที กล่าว และว่าสำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราก็น่าจะติดซีซีทีวีให้มากขึ้นในทุกจุดที่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญการจัดซื้อจะต้องทำด้วยความโปร่งใส เพราะจะต้องติดจำนวนมาก แต่กระทรวงไอซีทีไม่มีหน้าที่ไปดูแลเรื่องการจัดซื้อ
เมื่อถามว่าจะเลือกปิดสัญญาณโทรศัพท์บางช่วงเวลาป้องกันการก่อเหตุหรือไม่ นายสิทธิชัย กล่าวว่า ตนพิจารณาเองไม่ได้ เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง ถ้ามีการพิจารณาและประสานมา ตนก็จะประสานกับบริษัทที่ให้บริหารด้านมือถือ ตนค่อนข้างใกล้ชิดกับสื่อมวลชน ทำให้ได้ประกายความคิดจากสื่อมวลชน ซึ่งตนจะนำความคิดเรื่องการปิดสัญญาณมือถือในบางเวลา เช่น เวลาโรงเรียนเลิก ไปเสนอกับฝ่ายความมั่นคงต่อไป ซึ่งจะต้องมีการทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความจำเป็น ส่วนการส่งสัญญาณมือถือจากประเทศเพื่อนบ้านในการก่อเหตุ รมว.ไอซีที กล่าวว่า จากข้อมูลที่ทราบก็มีแต่น้อยมาก ซึ่งจะมีการเจรจาให้เขาปรับลดสัญญาณไม่ให้ทะลุเข้ามาในเขตชายแดนไทย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาพื้นฐาน
ส่วนการปรับภาพพจน์ของกระทรวงไอซีที นายสิทธิชัย กล่าวว่า ตนสัญญาว่าภายในปีนี้กระทรวงไอซีทีจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ข้าราชการจะมีภาพลักษณ์ที่มีคุณภาพ มีความโปร่งใส พนักงานและเจ้าหน้าที่จะมีความสุขในการทำงานที่กระทรวง เมื่อถามว่าจะล้างข้าราชการที่ถูกครอบงำหรือไม่ นายสิทธิชัย กล่าวว่า คำว่าล้างออกตนไม่ได้คิด เพราะไม่เชื่อว่าคนเราจะมีจิตใจที่ไม่ดีทุกคน แต่คนเราบางทีก็เลือกที่จะมีแรงต่อต้านและมีผลร้ายต่ออาชีพของตัวเองน้อยที่สุด ผมเชื่อว่าคนไทย 99% อยากจะเดินในทางที่ถูกต้องมากกว่า และเท่าที่ดูตอนนี้ข้าราชการในกระทรวงมีความสุขขึ้นเยอะ