สุรยุทธ์ สั่งรื้อคดี ฆ่าตัดตอน 2500 ศพ ด่วน

เก็บกวาดในสิ่งที่ "รัฐบาลทักษิณ" ได้ก่อทิ้งไว้จนส่งกลิ่นเหม็นทั่วไปหมด

"สุรยุทธ์" สั่งรื้อคดี "ฆ่าตัดตอน" บทพิสูจน์"ขิงแก่"-ฤ รัฐบาล"โอที"?
"ภารกิจ"...อันหนึ่งของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นอกเหนือจากการขับเคลื่อนประเทศให้เดินไปข้างหน้าแล้ว... ยังต้องตามล้างตามเช็ด เก็บกวาดในสิ่งที่ "รัฐบาลทักษิณ" ได้ก่อทิ้งไว้จนส่งกลิ่นเหม็นทั่วไปหมด

ไม่ว่าจะเป็น...เรื่องทุจริตคอรัปชั่น การสร้างหนี้สาธารณะนับแสนล้านบาท ที่เกิดขึ้นจากระบบประชานิยม การรื้อ "คดีทนายสมชาย"

และงานล่าสุดที่รัฐบาลหยิบขึ้นมาทำ ก็คือ การรื้อ "คดีฆ่าตัดตอน" ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ "รัฐบาลทักษิณ" ประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาด เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

ซึ่งการประกาศสงครามกับยาเสพติดในปี 2546 คนล้มตายเยอะ


ซึ่งการประกาศสงครามกับยาเสพติดในปี 2546 นั้น ส่งผลให้มีผู้คนล้มตายจำนวนมากถึง 2,500 ศพ

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม รับเป็นเจ้าภาพดำเนินการในเรื่องนี้

สำหรับแนวทางในการรื้อฟื้น "คดีฆ่าตัดตอน" นั้น จรัญ ภักดีธนากุล ปลัดยุติธรรม บอกว่า ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงรวบรวมข้อมูล ซึ่งจะพยายามทำเรื่องนี้ให้เร็ว


รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นจะใช้ "ระบบประชานิยม"


อย่างไรก็ตาม เขายอมรับความจริงที่ว่า การรื้อฟื้นคดีฆ่าตัดตอนทั้ง 2,500 ศพนั้น เกินเลยความสามารถของมนุษย์ที่พึงกระทำได้

เพราะแม้แต่คดีอุ้มทนายสมชายเพียงคดีเดียว ก็ยังสับสนอลหม่าน จับต้นชนปลายแทบจะไม่ถูก...!!!

ดังนั้น จึงต้องเลือกรื้อเฉพาะคดีที่มีหลักฐานชัดเจนว่า ผู้ตายเป็นผู้บริสุทธิ์ และถูกเจ้าหน้าที่รัฐ ฆ่าตัดตอน เท่านั้น
มาถึงตรงนี้ คงต้องมาทบทวนความทรงจำกันว่า...
การประกาศสงครามกับยาเสพติดขั้นแตกหักของรัฐบาลทักษิณ เกิดขึ้นได้อย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงนั้น...???

ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นจะใช้ "ระบบประชานิยม" ในการผูกใจผู้คนในแทบทุกๆ เรื่อง
โดยไม่เฉพาะแต่เรื่องเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวกับปากท้องของชาวบ้านเท่านั้น

แม้แต่ในเรื่องปัญหายาเสพติด ก็ไม่เว้น

จะมีเพียงคนไม่กี่กลุ่มที่สนใจว่าวิธีการ "ยิงทิ้ง"


เนื่องจากปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศมานาน เยาวชนกว่า 8 แสนคน ไม่ว่าจะมีฐานะดี หรือยากไร้ก็ตาม ต่างตกเป็นทาสของมัน...???

ขณะที่ "ผู้ค้ายาเสพติด" ก็มากขึ้นทุกที

รัฐบาลโดยการนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รู้ถึงความอึดอัด คับข้องใจของประชาชนในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

จึงได้ชูนโยบายการปราบปรามยาเสพติด ขึ้นมาจัดการกับปัญหานี้อย่างหวังผลในด้านคะแนนเสียงจากประชาชน

ด้วยการหยิบเอาวิธีการแบบ "เผด็จการ" เหมือนกับสมัยที่บ้านเมืองยังอยู่ในยุคเมื่อหลายสิบปีก่อนมาใช้

มีการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดขึ้นมา ซึ่งไม่ต่างอะไรจาก "บัญชีดำ" เพราะที่มาที่ไปของบัญชีรายชื่อไม่มีความกระจ่างชัด

หลายคนที่ถูกขึ้นบัญชีออกมาโวยว่า ตนเองทำมาหากินโดยสุจริต แต่มีชื่อโผล่ติดบัญชีได้อย่างไรกัน

และตามระเบียบ หลังจากมีการขึ้นบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผู้ที่มีรายชื่อต้องไปรายงานตัวกับทางการ

แต่พอกลับมาจากรายงานตัว หลายรายต้องกลายเป็นศพ ถูกฆ่าทิ้งและจับมือใครดมไม่ได้...!!!

ในช่วงนั้นคำว่า "ฆ่าตัดตอน" เป็นคำยอดฮิต ติดปากผู้คน
มีการใช้คำนี้เกลื่อนไปหมดในแทบทุกๆ เรื่องของการเสียชีวิต ไม่ว่าอะไรๆ ก็มาลงที่ "ฆ่าตัดตอน"

หากจะมองในมุมกลับถึงช่วงแรกๆ ของนโยบายนี้ ไม่ต่างอะไรจาก "คำสั่งฆ่าคน" โดยไร้ความผิดมิปาน...???

แต่รัฐบาล ก็ยังได้รับความชื่นชมจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่รู้สึกสะใจ
โดยเห็นว่า คนเหล่านั้นสมควรตายเพราะเป็นภัยสังคม สร้างความเดือดร้อนให้แก่ลูกหลานของเขามานานแล้ว

จะมีเพียงคนไม่กี่กลุ่มที่สนใจว่าวิธีการ "ยิงทิ้ง" นี้ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายระบบกระบวนการยุติธรรมลงอย่างสิ้นเชิง...!!!


ส่วนความหวังจะเป็นจริง หรือแค่ "ฝัน"

อย่างไรก็ตาม เมื่อนโยบายนี้เดินไปได้สักระยะหนึ่ง ประชาชนก็เริ่ม "หูตาสว่าง" มองเห็นว่า ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง

เพราะ "ผู้บริสุทธิ์" จำนวนมากต้องติดร่างแห ล้มตายเป็น "ใบไม้ร่วง" ไปด้วย
เสียงที่เคยชื่นชมกลับแปรเปลี่ยน ไม่มีใครเอาด้วยกับวิธีการเช่นนี้อีกต่อไป
และมีการเรียกร้องให้รัฐบาลในขณะนั้นรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไร้ผลโดยสิ้นเชิง
เมื่อ "อำนาจรัฐ" เปลี่ยนมือ ประชาชนจึงฝากความหวังไว้กับรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ ในการรื้อคดีขึ้นมา
เพื่อเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง ที่ก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนผู้บริสุทธิ์

ส่วนความหวังจะเป็นจริง หรือแค่ "ฝัน"...???
จะจับได้แค่พวก "ปลาซิว-ปลาสร้อย" แต่ "ตัวการใหญ่" ลอยนวล อีหรอบเดิมหรือไม่...???

อีกไม่นานก็คงประจักษ์แก่สายตา ซึ่งไม่เพียงคนไทยเท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึงสายตาชาวโลกที่จดจ้องอยู่ด้วย
เพราะประชาชนกำลังจับจ้องรอดูฝีมือของ "รัฐบาลขิงแก่" ก็ย่อมมีความเผ็ดร้อนเป็นธรรมดา
แต่อย่าปล่อยให้ลูกหลานปรามาสว่า เข้ามารับ "โอที" ขัดตาทัพไปวันๆ ก็แล้วกัน...!!!

ขอขอบคุณแหล่งข่าว : โต๊ะข่าวการเมือง คมชัดลึก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์