คมชัดลึก :"วีระ-16 แกนนำนปช.”ให้การปฏิเสธ สู้คดี ก่อการร้าย ศาลนัดตรวจหลักฐาน 27 ก.ย. เก้าโมง เช้า ส่วน “ ตู่ จตุพร - เก่ง การุณ ” ติดประชุมสภา ศาลนัดตรวจหลักฐานพร้อมกัน 27 ก.ย. ส่วนคดี อดีต สข.เพื่อไทยป่วนเมือง ยืนกรานให้การปฏิเสธ ศาลนัดตรวจหลักฐาน 27 ก.ย. โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 17 คนฟังจนเข้าใจแล้วสอบถาม ปรากฎว่าจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี และได้จัดเตรียมทนายความไว้พร้อมแล้ว ศษลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 27 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
(16ส.ค.) ที่ศาลอาญา เวลา 10.00 น. ศาลได้สอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ.2542 / 2553
ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระ มุสิกพงศ์ อายุ 62 ปี ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับพวกซึ่งเป็นแกนนำ และแนวร่วม นปช.รวม 19 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน , มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก , ร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุม ณ ที่ใดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปในท้องที่ผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งอัยการยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา
โดยในวันนี้นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานนปช. ซึ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลเพียงคนเดียวได้เดินทางด้วยรถตู้ พร้อมครอบครัวมาถึงศาลประมาณเวลา 08.30 น. ขณะที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30 คน เดินทางมาให้กำลังใจ
ส่วนแกนนำคนอื่น ๆ อีก 16 คนอาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายขวัญชัย ไพรพนา ถูกนำตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ สำหรับแกนนำอีก 2 คน นายจตุพร พรหมพันธุ์ สส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายการุณ หรือเก่ง โหสกุล สส.กทม.พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เดินทางมาศาลเนื่องจากติดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยนิติบัญญัติ
วีระนำนปช.ขึ้นศาลปฏิเสธก่อการร้าย
นายคารม พลทะกลาง ทนาความ นปช. กล่าวว่า ยังรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดอัยการจึงเร่งรัดรีบฟ้องกลุ่ม นปช.
เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ทั้งที่ยังมีเวลาพิจารณาพยานหลักฐานต่าง ๆ ในสำนวนจนถึงต้นเดือน ก.ย. ซึ่งตนหมดความน่าเชื่อถือในตัวของอัยการสูงสุด ไม่ทราบว่า เป็น 2 มาตรฐานหรือไม่ เพราะคดีปิดล้อมสนามบินที่กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นผู้ต้องหา ยังยืดเยื้อมานานนับปี อย่างไรก็ตามตนเชื่อมั่นกลุ่ม นปช.จะได้รับความเป็นธรรมจากศาลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร , พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์ , นายอริสมันต์ หรือกี้ พงษ์เรืองรอง , นายอดิศร เพียงเกษ , นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อิสาน และนายพายัพ ปั้นเกตุ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายอีก 6 คนนั้น อัยการมีคำสั่งฟ้องไว้เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากยังผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับ ยังไม่ได้ตัวมา อัยการจึงยังไม่สามารถยื่นฟ้องได้ จึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปดำเนินการติดตามจับกุมตัวมาส่งฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลในภายหลัง
ขณะที่วันเดียวกันนี้ ศาลอาญา ได้สอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ.2543/ 2553
ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย ไพบูลย์ อายุ 41 ปี อดีต สข.เขตบางบอน พรรคไทยรักไทย แนวร่วม นปช. เป็นจำเลยฐานความผิด ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐูธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยผู้กระทำความผิดคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิกและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 8 เม.ย.-10 เม.ย.53 ต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกร่วมกันชุมนุมและมั่วสุมกันที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศและเวทีราชประสงค์ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสาธารณะ และจำเลยกับพวกยังมีอาวุธ เป็นเครื่องกระสุน วัตถุระเบิดไม่ทราบชนิด มีด ดาบ ท่อนไม้ ท่อนเหล็ก หนังสติ๊ก ได้ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของทหารและตำรวจ ทำการยึดรถและอุปกรณ์ที่ใช้ปราบจลาจลของทางราชการและใช้กำลังประทุษร้ายกันหลายจุด เป็นเหตุให้ทหาร ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องใหนายสมชาย ซึ่งเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ฟังแล้วสอบถาม ซึ่งนายสมชายให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 27 ก.ย. นี้ เวลา 09.00 น.