นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร และ 17 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 3,224 ตัวอย่าง เรื่อง อารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชนต่อรัฐธรรมนูญและการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ระหว่างวันที่ 3-11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.7 ไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2540 เพราะไม่มีเวลา งานยุ่ง ไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่นักการเมือง ไม่รู้ว่าหาอ่านได้ที่ไหน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า ประชาชนเกือบครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 47.5 ร้อยละ 47.2 ร้อยละ 46.5 และร้อยละ 49.6 เห็นด้วยกับการกำหนดให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี กำหนดให้รัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.อยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี และกำหนดให้นักการเมืองท้องถิ่นอยู่ในตำแหน่งบริหารไม่เกิน 8 ปี ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.3 เห็นด้วยถ้ามีกฎหมายยึดทรัพย์ขบวนการทุจริตคอรัปชั่น ร้อยละ 91.9 เห็นด้วยถ้ามีกฎหมายคุ้มครองพยานให้มีชีวิตที่ดีกว่าหลังจากร่วมมือคลี่คลายคดีเพื่อความถูกต้องในกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 87.2 เห็นด้วยถ้ามีกฎหมายเอาผิดการล็อบบี้เอื้อประโยชน์พวกพ้องและนายทุน ร้อยละ 84.2 เห็นด้วยถ้ามีกฎหมายเอาผิดการเลี้ยงดูปูเสื่อคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ตามลำดับ
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.2 ระบุสิ่งที่รัฐบาลควรเร่งปรับปรุงให้มากยิ่งขึ้นคือ ความรวดเร็วในการแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ร้อยละ 87.4 ระบุการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ร้อยละ 66.9 ระบุมีหลักฐานเอาผิดขบวนการทุจริตคอรัปชั่น ร้อยละ 65.1 ระบุการจัดระเบียบสังคม และร้อยละ 63.8 ระบุประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการ เป็นต้น ประเด็นที่น่าเป็นห่วง คือ แรงสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันลดลงจากการสำรวจในเดือนตุลาคม จากร้อยละ 60.9 มาอยู่ที่ร้อยละ 55.2 ในการสำรวจครั้งล่าสุด
นายนพดล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเสียงสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลเริ่มตกลงภายในเวลาอันสั้นมาก เพราะแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาของรัฐบาลอาจไม่เป็นที่รับรู้ของสาธารณชน ไม่โดนใจประชาชน ไม่รวดเร็วในการแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนระดับรากฐานสังคม แต่กลับไปรวดเร็วทำอย่างอื่นที่ห่างไกลชีวิตประจำวันของประชาชน และความอดทนของประชาชนก็มีจำกัด รัฐบาลอาจไม่ต้องการคะแนนนิยมเพราะไม่ได้มาจากพรรคการเมือง แต่รัฐบาลยังต้องการการสนับสนุนจากสาธารณชนเพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงไป