แกนนำนปช.ที่ยังหลบหนีส่งทนายชี้แจงธุรกรรมเงินต้องสงสัย ด้านสมยศ พฤกษาเกษมสุข หอบบัญชี 4 เล่ม ชี้แจง จี้นายกฯรับผิดชอบทางศีลธรรม
ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ สำนักการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
ผู้มีรายชื่อเข้าชี้แจงธุรกรรม ต้องสงสัยได้ทยอยเดินทางเข้าชี้แจงตั้งแต่ช่วงเช้า อาทิ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แนวร่วมนปช. กล่าวว่า ได้นำบัญชีเงินฝากส่วนตัวจำนวน 4 บัญชี มาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนเพื่อยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นท่อน้ำเลี้ยง โดยตนไม่เคยบริจาคเงินให้กับการชุมนุมจะมีก็แต่รับบริจาคจากแกนนำ เพราะเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคาร 4 เล่ม ยอดรวมกันไม่ถึงหนึ่งแสนบาท แต่ศอฉ.กลับนำรายได้มารวมกับรายจ่ายแล้วระบุว่ามียอดหมุนเวียน 3 แสนบาทต่อปี ซึ่งถือเป็นรายได้ที่น้อยจนน่าอับอาย ตนจึงเข้ารายงานความจนผิดปกติและขอเรียกร้องความรับผิดชอบจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ว่าจะแสดงสปิริตอย่างไรกับการกลั่นแกล้งผู้บริสุทธิ์ ที่ผ่านมาไม่เคยมีแม้แต่คำขอโทษ หากศอฉ.จับผิดตนได้ก็ยินดีให้ประหารชีวิต แต่ถ้าตนบริสุทธิ์ก็ขอท้าเดิมพันความรับผิดชอบทางศีลธรรม
นายสมยศ กล่าวอีกว่า สำหรับเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทยมียอดบัญชีสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2553 จำนวน 960 บาท บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์
เบิกถอนทางเอทีเอ็มครั้งละ 2,000-3,000 บาท มีเงินคงบัญชีวันที่ 15 พ.ค. 2553 จำนวน 26,000 บาท ส่วนเงินรายได้จากบริษัท สยามออลเทอร์เนทีฟส์ จำกัด เป็นรายได้จากการจำหน่ายหนังสือ ยอดต่ำสุดที่โอนเข้ามาคือ 50 บาท สูงสุด 10,000 บาท มีเงินติดบัญชีอยู่ 3,600 บาท และบัญชีเงินรายได้ที่ฝากสะสมในบัญชีฝากประจำนาน 10 ปี มียอดคงค้าง 80,669 บาท
ด้านนายจำนงค์ ไชยมงคล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายอดิศร เพียงเกษ กล่าวว่า ตนได้รับมอบอำนาจจากนายอดิศรเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.
ให้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงธุรกรรมการเงินแทน โดยนายอดิศรยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนทางการเงินให้กับการชุมนุมและไม่มีความเคลื่อนไหวทางบัญชีธนาคาร โดยตนพร้อมจะชี้แจงแต่ขอดูหลักฐานของพนักงานสอบสวนว่ามีข้อมูลใดยืนยันว่านายอดิศรมีความเคลื่อนไหวทางการเงินบ้าง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่านายอดิศรยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ขอตอบว่านายอดิศรพักอยู่ที่ไหน บอกได้เพียงว่านายอดิศรเป็นทนายความพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่จะรอให้มีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงจะเข้ามอบตัว
ด้านนายเทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวนโดยอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำนปช. กล่าวว่า
ตนได้นำหนังสือขอเลื่อนการให้ถ้อยคำของนายสุภรณ์ จนกว่าจะมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วประเทศ ส่งถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และสำเนาคำฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงจะรอเข้าชี้แจงธุรกรรมการเงินหลังศาลมีคำวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่เคยมีโอกาสพบกับนายสุภรณ์ เวลามีเอกสารต้องการให้นายสุพรณ์ลงลายมือชื่อจะติดต่อผ่านลูกน้องของนายสุภรณ์ให้มารับส่งเอกสาร ซึ่งตนก็ไม่เคยถามว่านายสุภรณ์อยู่ที่ไหนเพราะเป็นมารยาท อีกทั้งขณะนี้คดียังไม่ยื่นฟ้องต่อศาล จึงยังไม่มีประเด็นต้องพูดคุยกับลูกความอย่างใกล้ชิด
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ตัวแทนของนายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ดนปช. ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี
เปิดเผยหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ตนได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากนายอารี เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ให้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่ามีเจตนาเข้าชี้แจงธุรกรรมต้องสงสัย เบื้องต้นได้ชี้แจงด้วยวาจาว่ามีเงินต้องสงสัยถูกอายัด 2 บัญชี แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนเงินการเบิกถอนที่ชัดเจนได้ โดยพนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้เข้าชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 22 ก.ค. พร้อมหลักฐานและหนังสือมอบอำนาจตัวจริง เข้ามาแสดง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานายอารีไม่มีเงินหมุนเวียนมากนัก แต่ยอมรับว่ามีเงินไปตัดยอดค่าผ่อนรถยนต์