ศฉอ. เชื่อจงใจยิงถังเชื้อเพลิงทหาร ปัดรัฐยิงเองหวังต่อ พ.ร.ก. จี้ ผบ.ตร.เร่งสางคดีแจงถล่มอาร์พีจี 29 ก.ค.นี้ ล้อมคอกส่ง “ทหาร-กทม.กอ.รมน.” ช่วย ตร.ป้องจุดเสี่ยง “สุเทพ” ขีดเส้นสรุปต่อ พ.ร.ก.ช้าสุด 5 ก.ค.นี้ ตั้ง 19 หน่วยงานสอบ “คดีล้มเจ้า” มอบดีเอสไอหัวหน้าทีม เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 28 มิถุนายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.สรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
แถลงผลการประชุม ศอฉ.ว่า ที่ประชุมซึ่งมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอฉ. เป็นประธานได้หารือถึงการสร้างสถานการณ์ ซึ่งเมื่อเวลา 21.30 น.ของวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมามีคนร้ายยิงอาวุธสงครามเข้าใส่ตัวถังเชื้อเพลิงของกรมพลาธิการที่ตั้งอยู่สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี และจากการตรวจสอบพบหัวระเบิดอาร์พีจีตกอยู่ คาดว่าเป็นระเบิดอาร์พีจี จำนวน 2 นัด โดยระเบิดอาร์พีจียิงทะลุตัวถังเชื้อเพลิงถังที่ 6 จากจำนวน 11 ถัง ทั้งนี้ คาดว่าคนร้ายยิงระเบิดอาร์พีจีมาจากบริเวณ ซอยทรายทอง 15 ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ส่วนเหตุรถตู้ระเบิดเมื่อเวลา 12.50 น.ใกล้บริเวณกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้ถังแก๊สระเบิด ซึ่งน่าจะเป็นอุบัติเหตุมากกว่าการสร้างสถานการณ์ขึ้น
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เหตุระเบิดอาร์พีจีนี้ที่ประชุม ศอฉ. มีความห่วงใย ทั้งนี้ การที่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วทำไมยังมีเหตุร้ายเกิดขึ้น
ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่สามารถดูแลป้องกันเหตุร้ายได้ทั้งหมด แต่เป็นการให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ ได้พูดในที่ประชุมว่าเรื่องการพิจารณาการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังมีเวลา ซึ่งเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานต้องมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าวันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคมนี้ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุลอบยิงกรมพลาธิการทหารบก กรมพลังงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่
เจ้าหน้าที่สรรพาวุธทหารบกเข้าไปร่วมตรวจสอบ เพราะมีความเชี่ยวชาญวัตถุระเบิดเพื่อให้ข้อมูลทางเทคนิคกับตำรวจ ทั้งนี้ นายสุเทพ กำชับต่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.ว่า ศอฉ.คงไม่สามารถตอบคำถามประชาชนได้ว่ากำลังสอบสวนอยู่ อย่างน้อยวัน 29 มิ.ย.53 ต้องมีความคืบหน้าในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เหตุการณ์ยิงอาร์พีจีนี้ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการยิงโดยจงใจ เพื่อพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ซึ่งผู้ที่เห็นเหตุการณ์ได้ระบุจำนวนผู้ที่ก่อเหตุ แต่ไม่สามารถบอกได้ ซึ่งที่ประชุมยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่ากลุ่มที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยก่อเหตุเมื่อครั้งที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดงหรือไม่ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ท.ทวี แจ่มจำรัส เจ้ากรมพลิการทหารบก ได้เดินทางมาพบ ผบ.ทบ.เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อรายงานสถานให้รับทราบ
“ผบ.ทบ.ได้ปรารภต่อที่ประชุมว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คงไม่สามารถจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุได้ทั้งหมด แต่ท่านยกตัวอย่างว่าในช่วงการชุมนุมที่เรามี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมีการจัดกำลังทหาร ตำรวจ ลงไปกว่า 200 กองร้อยยังไม่สามารถป้องกันเหตุการณ์ได้ แต่ พ.ร.ก.ป้องกันในบางเรื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวกขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของสื่อที่ไม่ใช่สื่อที่คอยยุยงให้เกิดความเข้าใจผิด แตกแยกกัน ซึ่งที่ประชุมเป็นห่วงเรื่องกลุ่มใต้ดินที่จะออกมาก่อความไม่สงบ ทั้งนี้ ด้านการข่าวได้รายงานถึงกลุ่มต่างๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสร้างสถานการณ์ แต่ตนไม่สามารถบอกจำนวนกลุ่มได้” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
เมื่อถามว่า เป็นไปได้คนร้ายอาจเป็นเสื้อแดง จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า วันนี้มองได้ทุกกลุ่มแต่รอข้อมูลตำรวจมาชี้แจงดังนั้นวันพรุ่งนี้น่าจะมีเบาะแสเพิ่มเติม เพราะจุดที่ยิง ชาวบ้านในซอยทรายทอง 15 ได้เห็นรูปพรรณสัณฐานคนร้าย ทั้งนี้ ตนไม่อยากปรามาสคนเสื้อแดงในพื้นที่ จ.นนทบุรี อยากให้รอฟังการสืบสวนวันพรุ่งนี้
เสธ.ไก่อูปัดรัฐจัดฉากยิงเองอาร์พีจีใส่ถังน้ำมันหวังต่อ พรก.ฉุกเฉิน
เมื่อถามว่า ประชาชนมีอาวุธสงครามถึงมีการก่อเหตุ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า
วันนี้ ศอฉ.ทุกคนดำเนินการ พยายามหยุดแต่การที่ให้หมดไปเลยเป็นเรื่องยาก ซึ่ง ศอฉ.ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ถึงขนาดให้ มหาดไทยพิจารณาในรายละเอียดจะทำอย่างไรให้ผู้ที่มีอาวุธสงครามทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจนำอาวุธมาคืนโดยไม่มีโทษทางอาญาหรือแพ่ง
เมื่อถามว่า จะมีการตั้งจุดตรวจเพิ่มเจ้าหน้าที่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมศอฉ.บอกว่าขนาดนี้สถานการมีโอกาสเกิดการสร้างสถานการณ์
เชื่อมั่นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ดังนั้นในโอกาสหน้าคงต้องเพิ่มกำลังทหาร เจ้าหน้าที่กทม. เจ้าหน้าที่กอ.รมน แต่ต้องดูห้วงเวลาที่เหมาะสม เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถแบกรับภารได้ทั้งหมด เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ สร้างสถานการณ์ขึ้นเองเพื่อต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เราไม่มีนโยบายที่ต้องไปสร้างสถานการณ์เพื่อต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งรองนายกฯ ได้คุยกรรมการ ศอฉ.มีความคิดเห็นตรงกันว่า พื้นที่ใดที่สถานการณ์ดีขึ้น ไม่มีข้อมูลการลักลอบการสนทนาเพื่อสร้างความวุ่นวายก็พยายามยกเลิกพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้มากที่สุดเท่าที่มากได้ แต่รองนายกฯย้ำว่า เมื่อยกเลิกแล้วพื้นที่ที่เหลือต้องมีประสิทธิภาพ สามารถดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยได้จริงๆ ไม่ใช่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมากเพื่อดูเท่ห์ ทั้งนี้ ไม่เห็นประโยชน์หรือความจำเป็นที่ต้องไปสร้างสถานการณ์ยิงตัวเองเพื่อต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เมื่อถามว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยในการเลือกตั้งซ่อม เขต 6 พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องมีการดูแลความปลอดภัยมากขึ้นในช่วงใกล้เลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ต้องปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ในการส่งกำลังในการเข้าไปดูแลการเลือกตั้ง
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ในที่ประชุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รายงานผลการสอบสวนธุรกรรมทางการเงิน จำนวน 83 รายชื่อ
ซึ่งมี 8 รายชื่อเป็นนิติบุคคล ซึ่งได้ส่งผู้แทนมารับทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าคณะกรรมการสงสัยในการทำธุรกรรมเรื่องใดบ้าง เพื่อให้เขารวบรวมข้อมูลที่จะมาชี้แจงในวันข้างหน้า ซึ่งคาดว่าการตรวจสอบทั้ง 83 รายจะเสร็จสิ้นภายใน 60 วัน
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ศอฉ.ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับคดีจาบจ้วงสถาบันหรือที่เรียกกันว่าคดีล้มเจ้า ซึ่งนายสุเทพมีคำสั่งให้สนธิกำลังทั้งสิ้น 19 หน่วยงาน
ประกอบด้วย ดีเอสไอ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล ตำรวจนครบาล กรมสอบสวนกลาง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมพระธรรมนูญ กองทัพบก ศูนย์รักษาความปลอดภัย และตำรวจภูธร 1-9 ซึ่งจะมีการเริ่มประชุมคณะทำงานในวันที่ 8 กรกฎาคม โดยมอบหมายให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งจะมีการนำข้อมูลมารวมกันแล้วตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 9 ชุด เพื่อทำงานเรื่องนี้ คือ ชุดการข่าว ชุดเทคโนโลยีสารสนเทศ การเงิน คดีการต่างประเทศ ชุดคดีโดนจาดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชุดที่ ศอฉ.ตั้งขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งมี 2 ชุด ชุดเลขาธิการ และชุดฝ่ายอำนวยการและสนับสนุน ซึ่งการสอบสวนเรื่องนี้จะดำเนินการตามแผนผังกลุ่มขบวนการล้มเจ้าที่ ศอฉ.เคยแจกจ่าย