"สุเทพ"ลั่นไม่ยอมให้สื่อเทียมทำร้ายสถาบัน-ประเทศ ย้ำมีหลักฐานจัดการแน่ แจงระงับทำธุรกรรมต้องสงสัยท่อน้ำเลี้ยงแดง เพื่อความมั่นคงของประเทศ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนายน
ออกมาระบุจะฟ้องรัฐบาลที่ห้ามทำธุรกรรมทางการเงิน และกำลังจะเปิดนิตยสาร RED POWER แทนนิตยสาร VOICE OF THAKSIN ที่ถูกปิดไปว่า เรื่องดังกล่าวต้องแยกเป็นเรื่องๆ ไปเพราะการจะใช้สิทธิเสรีภาพในฐานะเป็นสื่อมวลชนก็เป็นเรื่องหนึ่งซึ่ง คนละเรื่องกับการห้ามทำธุรกรรมการเงิน ซึ่งสื่อมวลชนทั้งหลายก็เห็นว่ารัฐบาลนี้ เคารพในสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างเต็มที่ ไม่เคยเข้าไปแทรกแซง แต่การที่จะมาแอบอ้าง ทำตัวเป็นสื่อมวลชนประเภทหนึ่ง แล้วจะไปทำร้ายประเทศชาติทำร้ายสถาบัน รัฐบาลคงยอมไม่ได้ ถ้ามีหลักฐานกระทำความผิดชัดเจนก็จะเร่งดำเนินการทันที
ส่วนการที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ระงับการทำธุรกรรมทางการเงินนั้น
รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เป็นเหตุผลที่ ศอฉ.ต้องปฏิบัติเช่นนั้น เพราะนั่นเป็นหนทางหนึ่งที่จะยุติการสนับสนุนกลุ่มคนที่ทำร้ายประเทศไทย ทำร้ายประชาชนคนไทย "เราต้องตัดหนทางที่จะมีการเอาเงินไปสนับสนุนการกระทำที่เป็นพิษ เป็นภัยต่อบ้านเมือง แต่ว่าในการดำเนินการของ ศอฉ.มีขั้นตอน และเมื่อดูจากการเคลื่อนไหวในการทำธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติจริง ๆ ของคน 100 กว่าคน เราจึงได้สั่งการให้สถาบันการเงินรายงานรายละเอียด ของการทำธุรกรรมย้อนหลังไป 9 เดือน แล้วเราจะสามารถแยกแยะได้ว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก็แยกไป แต่ที่เหลืออยู่ต้องสืบสวนสอบสวนต่อไปซึ่งกว่าจะปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าทั้งหมดมีสักกี่รายที่ใช้เงิน สนับสนุนทำร้ายประเทศไทย ทำร้ายประชาชนคนไทย เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะดำเนินคดีต่อไป"นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า สิ่งที่ศอฉ.ทำทั้งหมดนั้น เป็นการดำเนินการตามกรอบอำนาจของกฎหมาย ที่ได้มอบเอาไว้
ส่วนที่คิดว่าตนทำความเสียหาย แล้วจะมาดำเนินคดีกับตน เป็นเรื่องที่ตนยินดีอยู่แล้ว เพราะเมื่อตัดสินใจที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง ก็ต้องพร้อมที่จะยอมรับว่า ถ้ามีอะไรที่ผู้คนไม่พอใจ ก็ต้องออกมาตอบโต้บ้าง ตนทำใจแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนการทำงานของรัฐบาลช้ามาก ทำให้คนที่ทำธุรกิจได้รับผลกระทบ แทนที่จะจับคนหลักที่ถูกสงสัย แล้วนำไปขยายผล แต่รัฐบาลทำแบบเหวี่ยงแหเป็นวงกว้าง รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนคิดถึงความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศเป็นที่ตั้งและวิธีการที่ทำไปนั้น ยอมรับว่าได้ผล ทำให้การก่อการร้าย หรือก่อเหตุร้ายทั้งหลาย ชะงักงันไป เพราะว่าเกิดความไม่คล่องตัวในด้านของการสนับสนุนทางการเงินขึ้นมา แต่สำหรับคนที่บริสุทธิ์ ตนก็ต้องขอโทษที่อาจได้รับความเดือดร้อนไปด้วย แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีเจตนา และไม่มีอคติที่จะไปกลั่นแกล้งใคร แต่ที่ทำเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของบ้านเมืองจริงๆ