การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันแรกของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 วงเงิน 2.07ล้านล้านบาท
เวลา 15.00 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ขึ้นอภิปราย ว่า รัฐบาลขาดความเข้าใจ แสดงความไม่รู้ ปัญญาทึบในการทำงบประมาณ ไม่เชื่อว่านายกฯเก่งเรื่องเศรษฐกิจ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2554 แปลกใจว่าสำนักงบประมาณจัดอย่างไร ว่า จีดีพีจะโต ร้อยละ 7.5 มันบ้าแล้ว ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ยังบอกแค่ร้อยละ 3.5 ส่วนรัฐบาลบอกไม่เกินร้อยละ 6 ดังนั้น จึงเป็นการทำจีดีพีของรัฐบาลที่ทึบ เสียเหลี่ยม ในทางบัญชีรัฐบาลหลังพิงฝา รมว.คลังและนายกฯทำงบไม่เป็น เพราะหลอกว่าจีดีพีจะโต แล้วรายจ่ายประจำ 1.66 ล้านล้านบาท แต่รายรับประมาณไว้เพียง 1.6 ล้านล้านบาท แสดงว่ารายรับไม่พอ ส่วนงบขาดดุลที่ตั้งสูงถึงร้อยละ 4.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ ซึถ้าจากนี้ส่งออกไม่ได้ จะเอาเงินมาจากไหน จัดงบกันแบบเหวี่ยงแห เหมือนกับการตั้งข้อหาการก่อการร้าย ว่าคนนั้นคนนี้ก่อการร้ายไปหมด
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ว่าจะพิจารณาด้วยทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ชนิดใด ก็รู้ว่ารัฐบาลกำลังดำเนินนโยบายแผ่นดินที่ไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
หนี้สาธารณะหากรวมงบปี 2554 จะมีหนี้รวม ปริ่มร้อยละ 50 แล้วนโยบายเรื่องชุมชนเข้มแข็ง ก็ต้องไปเฉ่งกันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่อนอน เพราะออกนโยบายกันระดับบน ระดับกลางรับต่อ ระดับล่างก็ไปหากินกัน นายกฯไปพูดหลายว่า จะทำความเหลื่อมล้ำให้เท่าเทียมกัน จะเป็นรัฐสวัสดิการ เพ้อฝัน เพราะประเทศไทยไม่มีทางเก็บภาษีถึงร้อยละ 75-80 เหมือนต่างประเทศได้ ด้านงบกลุ่มจังหวัด 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ แต่ปรากฎว่าร้อยละ 80 กลับเป็นรายจ่ายประจำ ดังนั้นจะเหลือเพียง 4 พันล้านบาทที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ตกเฉลี่ยได้จังหวัดละ 53 ล้านบาทเศษเท่านั้น ไม่พอ นายกฯรู้หรือไม่ หรือมัวแต่ไปแถลงข่าวที่ศอฉ. จนตนต้องตั้งให้เป็นจอมพลอภิสิทธิ์ คู่กับพล.อ.ปณิธาน
“ดังนั้น การกำหนดนโยบายและการทำงบประมาณระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กับรัฐบาลนี้ ถือว่าคนละชั้น เพราะอดีตนายกฯวางนโยบายประชานิยมอย่างได้ผลมีประสิทธิภาพจนคนรัก และมีเรื่องสองมาตรฐาน รัฐบาลชุดนี้ไม่จัดงบเพื่อคนยากจน อะไรที่ไปซ้ำกับนโยบายพ.ต.ท.ทักษิณก็กลัว ไม่กล้าทำ กลัวคนคิดว่าไปซ้ำ ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาความเป็นธรรม แผนปรองดองจึงเกิดไม่ได้ อย่าให้ผมไปนั่งเป็นนายกฯบ้าง มาว่าเฉลิมอยากเป็นนายกฯ ทำไมผมจะเป็นนายกฯไม่ได้ ไม่เหมือนนายอภิสิทธิ์ที่พุ่งจากตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯฯ แล้วได้เป็นนายกฯเลย ขอให้นายกฯไปห้ามลูกพรรคบ้าง ด่าผมเช้าเย็นว่าไม่ได้เป็นแน่ ในพรรคเพื่อไทยคนในพรรคตั้งแต่ภารโรงยันส.ส. พร้อมเป็นนายกฯทุกคน เพราะภารโรงพรรคเพื่อไทย จบปริญญาโทเป็นตับ”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า นายกฯซ่อนงบภายใต้ยุทธศาสตร์ที่คลุมเครือไว้ 1.1 ล้านล้านบาท คือยุทธศาสตร์สร้างความเชื่อมั่น 1 แสนกว่าล้านบาท ยุทธศาสตร์รักษาความมั่นคงรัฐ 1.8 แสนล้านบาท ที่เดิมประเทศมั่นคงประชาชนมั่งคั่งดีแล้ว มายุคนี้ถึงได้มีปัญหา ประชาชนไม่ชอบรัฐบาล มีปัญหากับรัฐบาล เพราะพรรคเสียงอันดับสองได้เป็นรัฐบาล ยุทธศาสตร์การบริหารบ้านเมืองที่ดี 3.4 แสนล้านบาทที่เป็นการจัดงบแบบหมดเม็ดถึง 5.9 ล้านบาท มีการตัดงบกระทรวงของพรรคร่วม ทั้ง ชาติไทยพัฒนา เพื่อแผ่นดิน ให้งบน้อย ไม่เข้าใจว่าเพราะนายบรรหาร(ศิลปอาชา)ส่วนสูงไม่ถึงหรืออย่างไร จึงไปตัดงบ แต่ที่แน่ๆคือนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯคนแรกที่มีประชาชนตาย 86 คน เจ็บ 2 พันคน
“นายกฯรู้เรื่องกฎหมาย อย่าลืมว่าคดีอาญามีอายุความ 20 ปี ถึงตอนนั้นอาจมีอะไรเกิดขึ้นได้ แล้ว 6 ศพที่วัดปทุมวนาราม ก็ยังตอบไม่ได้ นายกฯเจ๋ง คนตาย 86 คน”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
จากนั้นนายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นประท้วงร.ต.อ.เฉลิมอภิปรายนอกเรื่องงบประมาณ
หาว่านายกฯฆ่าประชาชน เล่นสำนวนโวหารเป็นเรื่องตลก เหมือนการเล่นจำอวด ทำให้ร.ต.อ.เฉลิมตอบโต้ว่านายประมวลเป็นมวยไม่มีราคาม้าไม่มีชั้น ขณะที่นายประมวลไม่ยอมพาดพิงว่าใช้กิริยาก้าวร้าวจึงไม่แปลกใจที่ลูกชายจึงเป็นแบบนี้ จากนั้นส.ส.เพื่อไทยและประชาธิปัตย์บางสว่นลุกขึ้นประท้วงช่วยฝ่ายตน จน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาที่ทำหน้าที่ประธานประชุมได้ปราบทั้งสองให้สงบลง ร.ต.อ.เฉลิมจึงอภิปรายต่อ
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า ด้านเงินสำรองใช้จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินจำเป็นจำนวน 4.7 หมื่นล้านบาท ตั้งไว้เยอะมากเกินเหตุ หรือนายกฯอยากให้มีเหตุประท้วงกันอีก
แต่เข้าใจว่าถ้าไม่ได้ใช้สามารถแปลงงบได้ นี่คือเล่ห์เหลียมในการทำงบ นอกจากนี้งบสำนักปลักสำนักนายกฯ โดยเฉพาะงบกรมประชาสัมพันธ์ที่เป็นกรมสร้างความแตกแยกของสังคมไทยก็ได้มาก ขณะที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ทั้งชงและเอาใจนายกฯ ยังได้แค่ 100 กว่าล้าน
“ด้านกระทรวงมหาดไทย ผมเป็นรมว.มหาดไทย 7 เดือน ตั้งแต่มีกระทรวงหมาดไทยมา ไม่มีรมว.มหาดไทยคนไหนเลวร้ายเท่าคนปัจจุบัน ทั้งเรื่องสอบโรงเรียนนายอำเภอ วิบัติเลวร้าย คอมพิวเตอร์ แตั้งตั้งผู้ว่าฯ นายอำเภอ เสียเป็นล้าน มีการไปเอาเงินกันหลังแต่งตั้งแล้ว งบฉุกเฉินจังหวัดจาก 50 ล้านบาท เพิ่มเป็น 100 ล้านบาท มีการคิดกันถึง ร้อยละ 15-20 หลังได้เป็นผู้ว่า ตลอด 27 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีการเปิดร้านค้าอาวุธปืน แต่รัฐมนตรีคนนี้เปิด 193 แห่ง เขาลือกันว่า ร้านละเท่าไหร่ ปืนลูกซอง 3 พันกระบอก กระสุน 2 พันนัด มีเอกสารพร้อมหมด ผมรอเฉ่งในญัตติไม่ไว้วางใจ”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว่า งบกรมสอนสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ขยันเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณเหลือเกิน ของบ 700 กว่าล้านบาท ไปสร้างความปรองดอง
ทั้งที่กระบวนการออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณยังไม่จบ เจ้าตัวยังอุทธรณ์ได้ แต่กลับไปประชุมทีมขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว ทำตัวเป็นทาสรับใช้รัฐบาลชุดนี้ ทั้งนี้ ขณะที่องค์กรตามรัฐธรรมนูญ กกต.ได้แค่ 1.7 พันล้านบาทจัดให้เหมือนโกรธว่าจะยุบประชาธิปัตย์ ส่วนป.ป.ช.ก็ให้แค่ 1 พันล้าน
“สรุปว่ารัฐบาลจัดทำงบครั้งนี้ ไร้นโยบายและทิศทาง ไม่เน้นจุดหนักบา รัฐบาลสัปปรับ ละเลยไม่ย้อนไปดูการจัดทำในอดีต จัดทำงบโดยไม่ย้อนดูปัญหาเศรษฐกิจโลก ไม่ระมัดระวัง จัดทำงบเอาใจคนบางหมู่เหล่า กระทรวงที่ควรให้ อย่าง กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงท่องเที่ยว กระทรวงแรงงานจัดให้น้อย จัดงบกระจุก ไม่กระจาย จัดทำงบในเอกสารขัดแย้งกันเอง งบรักษาความมั่นคงแห่งรัฐเป็นงบลงทุนที่ไม่ได้กำไรทั้งที่ในอาเซียนไทยไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่รัฐบาลไปทะเลาะกับกัมพูชาเอง”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว