บทสรุปจากวิกฤตการเมือง ที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง ..... หากหยุดยั้ง "ระบอบทักษิณ" ไว้ได้ ประเทศไทยคงไม่ถูกจับเป็นตัวประกันเช่นวันนี้ .... ไม่มีใครเชื่อได้สนิทใจเลยว่า หลังสิ้นสุดคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 เหตุการณ์นับแต่นี้จะสงบ คลี่คลาย บ้านเมืองจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ..เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ตกเป็นจำเลย ยังมีพลังอำนาจเพียงพอที่จะบันดาลให้ "กลุ่มคนเสื้อแดง" ซึ่งเป็นพลพรรคของเขา เคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป ปัจจุบันสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ ต้องเรียกว่า เลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม หนำซ้ำสภาวะทางเศษฐกิจที่ชะลอตัว ย่ำแย่ตลอดหลายปีที่มานี้ ส่วนหลักเป็นเพราะการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสถาปนา "ระบอบทักษิณ" ด้วยการนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้ามามีอำนาจโดยไร้ซึ่งความผิดนั่นเอง ทำคนไทยส่วนหนึ่งจึงแบ่งเป็นเหล่า เป็นพรรคพวก เริ่มตั้งแต่กลุ่มคนเสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อน้ำเงิน และโดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งถือเป็น "กลุ่มฮาร์ตคอร์" อันดับต้นๆ ที่สร้างความวุ่นวายให้กับการเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นการบุกทำลายการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา การยึดรถเมล์เผาเมืองในกรุงเทพฯ รวมถึงปัจจุบันนี้ก็ได้มีการเคลื่อนไหวอย่างนักในทุกรูปแบบเพื่อขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง เหตุการณ์ทั้งหมดนั้น นงนุช สิงหเดชะ ได้สรุปไว้สำหรับเป็นข้อคิด ข้อศึกษา ให้คนไทยหลายฝ่ายได้ ตั้งสติ ทบทวนตัวตน ตัวเรา และสังคม เพื่อความสงบสุข อหิงสา อย่างที่บางคน บางฝ่ายเคยให้คำมั่นสัญญากับสังคมไว้
จากเหตุและผลเดียวกัน เหตุการณ์บ้านเมืองของไทยจึงยังคุกรุ่นมาโดยตลอด พิสูจน์เป็นรูปธรรมได้จากเหตุระเบิดตามสถานที่สำคัญต่างๆ
การตามล่าตามล้างของฝ่ายตรงข้ามของกลุ่มการเมืองในแต่ละกลุ่ม อีกทั้งเหตุวิกฤตริมชายแดนฝั่งตะวันออกก็อยู่ในภาวะตึงเครียด เมื่อนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นปฎิปักษ์กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ของไทย ด้วยการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ตอกย้ำความแตกร้าวของทั้งสองประเทศอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ก่อนหน้านี้ ยังมีกระแสข่าวลือว่าพลพรรคคนเสื้อแดงในส่วนที่เป็นนายทหาร อาจจัดตั้งกองกำลังเพื่อประจันหน้ากับฝ่ายรัฐบาล ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง อาจทำให้เหตุการณ์ในอนาคตลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมือง