คมชัดลึก :ศาลแพ่งมีคำสั่งยกคำร้องที่ “นายกฯ” ขอให้มีคำสั่งให้ “แกนนำนปช.- เสื้อแดง” พ้นแยกราชประสงค์ หลังอัยการ ส่ง “ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ” รอง ผบช.น. เบิกความร่วม นายทหารสังกัด กอ.รมน. – ผบก.น.5 เสร็จ
ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 5 เม.ย.53 เวลา 11.00 น. นายพศิน ทิพยรักษ์ อัยการได้รับมอบอำนาจจากสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( ผอ.รมน.) ตามซึ่งมีอำนาจตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนเพื่อออกมาตรการบังคับให้นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) และกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงทั้งหมด พร้อมด้วยทรัพย์สินและยานพาหนะทุกชนิดของแกนนำ และผู้ชุมนุม
ออกจากพื้นที่ ถ.ราชดำริ ตั้งแต่แยกราชประสงค์ถึงแยกประตูน้ำ , ถ.ราชดำริ ตั้งแต่แยกราชประสงค์ ถึงสถานีรถไฟฟ้าราชดำริ , ถ.พระรามที่ 1 ตั้งแต่แยกราชประสงค์ถึงแยกปทุมวัน และถ.เพลินจิต ตั้งแต่แยกราชประสงค์ ถึงแยกชิดลม ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ ( ศอ.รส.) ประกาศข้อกำหนด ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 รวมทั้งขอให้ศาลสั่งห้ามแกนนำทั้งห้า และผู้ชุมนุมเข้าไปในบริเวณ ถ.พรพราม 4 ด้วยโดยให้มีผลบังคับทันทีตามที่ศาลมีคำสั่ง
ศาลแพ่ง มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา ต่อมาเวลา 12.50 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 402 ศาลเริ่มไต่สวนพยานผู้ร้อง
ซึ่งเบิกความ รวม 3 ปาก ปากแรก พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ทหารสังกัด กอ.รมน. ระบุว่า การที่กลุ่มเสื้อแดงชุมนุม บนถนนราชประสงค์ ทำให้การจราจรติดขัดประชาชนผู้ใช้รถ ใช้ถนนได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า บริษัท โรงพยาบาล และโรงแรม ที่ประกอบธุรกิจ ได้รับผลกระทบ การชุมนุมดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แม้จะมีการออกประกาศเตือนฉบับที่ 5 ให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่เนื่องจากเป็นการทำผิดกฎหมาย และประกาศฉบับที่ 6 ห้ามมิให้ผู้ชุมนุมเข้าไปบริเวณถนน 11 สายแล้วก็ตามแต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงนิ่งเฉยไม่ปฎิบัติตาม
นอกจากนี้แกนนำกลุ่มเสื้อแดงยังคงปราศรัยยั่วยุ ปลุกปั่นก่อให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น และยังเดินทางไปชุมนุมในที่ต่างๆ
ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยต่อประชาชนไม่สามารถใช้ถนนได้ โดยสมาคมธุรกิจย่านราชประสงค์ และสมาคมศูนย์การค้าไทย ออกแถลงการณ์เนื่องจากได้รับผลกระทบต่อธุรกิจไม่สามารถเปิดบริการได้ทำให้ได้รับความเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ประสงค์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งบังคับผู้ชุมนุม เพราะหากเจ้าหน้าที่จะดำเนินการใช้อำนาจเด็ดขาดปราบปรามประชาชนแล้ว อาจมีผลกระทบต่อประชาชนที่บริสุทธิ์ เพราะผู้ชุมนุมมีเป็นจำนวนมาก
ต่อมา พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 เบิกความสรุปว่า ได้นำประกาศฉบับที่ 5 และ 6 ไปมอบให้แกนนำและผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงทราบ คำสั่งที่ให้ออกจากถนนราชประสงคและห้ามเข้าถนน 11 สายสำคัญแล้ว เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งธุรกิจสำคัญและเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่สามารถเดินทางเข้า-ออกได้โดยสะดวกตามปกติ ซึ่งได้เจรจากับแกนนำแล้วยอมเปิดช่องเดินรถ 1 ช่องทาง แต่เมื่อผู้ชุมนุมมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากช่องทางดังกล่าวก็ถูกปิดไปโดยปริยาย ขณะที่การชุมนุมปรากฏว่ามีการกระทบกระทั่งกับประชาชนเป็นระยะ อาทิ เหตุการณ์มีผู้ขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ของผู้ชุมนุมล้มเสียหายเกิดการรุมทำร้าย จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปห้ามปราม และมีการแจ้งความดำเนินคดี
ขณะที่ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. พยานปากสุดท้าย เบิกความสรุปว่า การชุมนุมของเสื้อแดงบน ถ.ราชประสงค์
ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อการคมนามของกรุงเทพฯ ส่งผลกระทบให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนต้องหลีกเลี่ยงเส้นทาง โดยประชาชนที่เดินทางมาจาก ถ.สีลม-สาธร จะมุ่งหน้าไป ถ.วิภาวดีรังสิต ต้องอ้อมไปใช้ถ.พญาไทขาออก หากมาจาก ถ.พระราม 1 ต้องเลี่ยงไปใช้ ถ.พญาไท ส่วนที่จะมาจาก ถ.สุขุมวิท ต้องเลี่ยงไปใช้ถ.วิทยุ และพระราม 4 ทำให้การจราจรติดขัดหนาแน่นต่อเนื่อง ขณะที่โรงพยาบาลตำรวจจากเดิมที่ผู้ป่วยและญาติ สามารถเข้าใช้บริการได้ 3 ช่องทาง เหลือทางเข้าได้เพียงช่องทางเดียวคือ ถ.อังรีดูนังต์ ซึ่งโรงพยาบาลได้ทำแบบสอบถามผู้ป่วยและญาติจำนวน 116 คน ที่มาใช้บริการในวันที่ 4 เม.ย.ที่มีการชุมนุม พบว่าร้อยละ 84.7 ได้รับความไม่สะดวกในการเดินทาง และร้อยละ 82.9 ได้รับความไม่สะดวกจากเสียงรบกวน นอกจากนี้รถโดยสารประจำทางกว่า 20 สายต้องหยุด-และเปลี่ยนเส้นทางการให้บริการทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
ทั้งนี้เมื่อไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้วเมื่อเวลา 15.30 น. ศาลแจ้งให้คู่ความรองฟังคำสั่งที่จะออกภายในเย็นวันนี้
ล่าสุดเมื่อเวลา 18.20 น. ศาลแพ่งมีคำสั่งยกคำร้อง ที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. ซึ่งมีอำนาจตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอณาจักร พ.ศ.2551 ที่ร้องขอให้ศาลมีคำบังคับ ให้ 5 แกนนำเสื้อแดงและกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนออกจากสี่แยกราชประสงค์ ซึ่ง ศอ.รส.ได้ประกาศกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวห้ามชุมนุม
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การออกประกาศห้ามชุมนุมในพื้นที่ดังกล่าว ได้อาศัยอำนาจตาม มาตรา 16 และ 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ซึ่งมีผลบังคับได้โดยทันทีอยู่แล้ว ผอ.รมน.ในฐานะผู้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ไม่จำเป็นต้องมายื่นคำขอให้ศาลมีคำบังคับเรื่องดังกล่าวอีก และหากไม่สามารถดำเนินการได้ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ก็ให้อำนาจ ผอ.รมน.ในการป้องกันปราบปรามและยับยั้ง รวมทั้งแก้ไขที่กระทบต่อความมั่นคงคืนสู่สภาวะปกติได้
ศาลยกคำร้องเสื้อแดงพ้นราชประสงค์
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday