"สุเทพ"ยันนโยบายแก้ใต้เดินมาถูกทางแล้ว รบ.มุ่งทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีทัศนคติดีขึ้น ผบ.ทบ.ชี้วิธีที่ดีที่สุดคือต้องชนะจิตใจประชาชนทั้ง 2 ล้านคนแม้ต้องอาศัยเวลา โต้ใช้งบเลี้ยงไข้ทหาร 6.3 หมื่นล้าน ไม่ได้หว่านลงกองทัพ ประณามหากมีคนทุจริต ทำรั่วไหล ถือว่าต่ำทรามมาก “ผมขอยืนยันว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ใช้นโยบายที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อประเทศไทย ต่อรัฐบาลไทย พร้อมกันนี้ยังช่วยไม่ให้พี่น้องประชาชนเห็นดีเห็นชอบกับผู้ก่อการ ส่วนกำลังทหารในพื้นที่นั้น ลงไปเพื่อปกป้องคุ้มครองประชาชน ไม่ได้ไปอยู่เพื่อเข่นฆ่าประชาชน เพราะรัฐบาลจะกระทำการใดๆ โดยยึดหลักกฎหมายเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้การแก้ไขยังใช้ปัญหาภาคยังใช้แนวทางการทูต เพื่อให้ประเทศที่เป็นมุสลิม หรือประเทศที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน เข้าใจปัญหา โดยให้ทูตประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมและลงพื้นที่ด้วย ดังนั้นจึงทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น ต่างชาติมีความเข้าใจเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น และยอมรับการแก้ปัญหาของประเทศไทย และพร้อมให้การสนับสนุน รัฐบาลไม่กังกลกับการชี้แจงต่อโอไอซี และคงไม่กลายเป็นปัญหาสากล เพราะที่ผ่านกระทรวงต่างประเทศทำงานดีมาก และประเทศมุสลิมเพื่อนบ้าน คือทั้งมาเลเซีย และอินโดนีเซีย รู้และเข้าใจปัญหาของประเทศไทย และยืนยันที่จะเป็นตัวแทนในการร่วมเจรจากับโอไอซีด้วย"นายสุเทพกล่าว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาวิกฤตภาคใต้ นโยบายความมั่นคงและนโยบายรัฐบาลจะต้องสอดคล้องกัน ใช้การเมืองนำการทหาร ผบ.ทบ.กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่เคยใช้ความรุนแรงกวาดล้างผู้ก่อการ ภารกิจทหารจะตามการเมืองตลอด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวระหว่างร่วมเสวนา "6 ปี วิกฤตชายแดนใต้ แก้ปัญหาถูกจริงหรือ?”
จัดโดยสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยร่วมกับ โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา ที่สมาคมนักข่าวฯ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมว่า ช่วงวิกฤตต่างๆ กองทัพและฝ่ายการเมืองร่วมกันทำงานอย่างมีเอกภาพ รวมถึงสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ในส่วนรัฐบาลมีเป้าหมายพัฒนา 2 ประการ คือ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อให้ได้รับบริการจากรัฐอย่างมีมาตรฐานและให้คนในพื้นที่มีรายได้ดี คือสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้ 120,000 บาท ต่อปี ทั้งหมดจะต้องให้ประชาชนได้มีส่วนคิดและร่วมปฏิบัติ โดยใช้กระบวนการประชาคม ซึ่งเริ่มแรกที่ 696 หมู่บ้าน และใช้ 4 เสาหลัก คือ ผู้นำตามศาสนา บุคคลที่ประชาชนเคารพนับถือ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนประชาชน มาร่วมพัฒนา ดังนั้นรัฐบาลจึงมั่นใจว่าเมื่อมี 4 แกนนำหลักมาช่วยคิดจะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างแน่นอน
โดยวิธีที่ดีที่สุดคือต้องชนะจิตใจประชาชนทั้ง 2 ล้านคนถือเป็นคนกลุ่มใหญ่ ทำให้ประชาชนไว้ใจ ขณะเดียวกันต้องแก้ไขในทุกมิติ ทั้งการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม สิทธิมนุษยชน หากจะวัดความสำเร็จในแก้ไขปัญหา ต้องถามว่าอยากรู้ความสำเร็จของมิติด้านใด ถ้าอยากรู้มิติทางการเมืองต้องถามฝ่ายการเมือง ไม่ใช่โยนมาถามทหารว่าแก้เรื่องการเมืองสำเร็จแค่ไหน ยอมรับว่าการชนะจิตใจไม่สามารถทำได้โดยเร็ว ต้องอาศัยเวลา คงไม่จบง่ายๆ เหมือนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อแม่อบรมลูกก็ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต
และอยู่บนแนวทางสมานฉันท์ พยายามสร้างความเข้าใจ "แต่คำถามคือเมื่อทหารลงไปแล้วทำไมจึงยังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ คงตอบได้ว่าเป็นเพราะแม้จะดูแลละเอียดอย่างไร ก็อาจมีช่องโหว่บ้าง แต่ถ้าเราป้องกันได้มากที่สุด และอีกฝ่ายมีโอกาสน้อย เหตุการณ์ความรุนแรงก็จะลดน้อยลงไปด้วย” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ผบ.ทบ.ยันงบฯแก้ไฟใต้ 6.3หมื่นล.ไม่ใช้เลี้ยงไข้ แจงกองทัพไม่ได้คุมเงิน
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทุกรัฐบาลที่ได้สัมผัสมา ตั้งแต่รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่มีใครนอกกรอบนโยบาย
และใช้การเมืองนำการทหารมาตลอด แต่ขณะมีคนเสนอแนวทางใหม่ คือเสนอให้มีการปกครองตัวเอง อย่างไรก็ตามยังไม่เห็นแนวทางเรื่องนี้ ดังนั้นตอนนี้คือต้องพยายามให้คนในพื้นที่มีชีวิตที่ดีที่สุด
" กรณีที่หลายฝ่ายระบุว่างบประมาณในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ที่มีมูลค่ามหาศาลถึง 6.3 หมื่นล้านบาท แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เป็นเหมือนการเก็บงบประมาณเพื่อเลี้ยงไข้ทหารนั้น ผมขอชี้แจงว่างบประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท เป็นงบที่ใช้ถึงปี 2555 โดยการใช้จ่ายงบประมาณต้องใช้เป็นงวดเป็นขั้นตอน ข้อกังวลเรื่องการรั่วไหล เรื่องการทุจริต และการเลี้ยงไข้ทหาร ขอเรียนว่างบทั้งหมดไม่ได้ลงมาที่ทหาร ทหารไม่ได้ถืองบประมาณ แต่ถ้ามีคนทำจริงก็ถือว่าต่ำทรามมาก ซึ่งแนวทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้าคือ กองทัพต้องปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเดินตามแนวทางเดิม "พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
สำหรับกรณีมีการจับกุม 6 วัยรุ่นต้องสงสัย มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายอำรู พระอิเกะ เคยเดินทางไปประเทศลิเบียมาแล้วรวมอยู่ด้วยนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งหมดถูกจับกุมขณะตระเวนถ่ายรูปบริเวณบึงศรีภูวนารถ สถานที่จัดงานไนท์พาราไดซ์หาดใหญ่เคานท์ดาวน์ ของอ.หาดใหญ่ จ.สงขลาขณะนี้ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปสอบอยู่ที่ค่ายอิงคยุทธบริหารจ.ปัตตานี
พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9 กล่าวว่า ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ร่วมกันกำหนดมาตรการเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณบึงศรีภูวนารถอย่างเต็มที่
ตลอดช่วงการจัดงานระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2552 - 3 มกราคม 2553 จะมีการสนธิกำลัง 3 ฝ่ายกว่า 200 นาย ดูแลความปลอดภัยรอบๆ บริเวณงาน และกระจายกำลังดูแลในย่านธุรกิจใจกลางเมืองและย่านการค้าทุกแห่ง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงบริเวณสถานีขนส่งและสถานีรถไฟจะมีหน่วยอีโอดี หรือชุดตรวจสอบระเบิด ใช้เครื่องจีที200 ตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด
"ผมยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีการเข้ามาก่อเหตุในช่วงจัดงาน เพียงแต่มีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังเท่านั้น และการจับกุมวัยรุ่นทั้ง6 คน ก็เป็นผลมาจากการที่เจ้าหน้าที่ได้เริ่มแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังเมืองหาดใหญ่"พล.ต.ท.วีระยุทธกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากทางการประเทศมาเลเซีย จับกุม 3 ผู้ต้องหาชาวไทยพร้อมวัตถุระเบิด ขณะกบดานอยู่ในหมู่บ้านชายแดนไทย-มาเลเซีย
ด้าน อ.ปาเสมัส รัฐกลันตัน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา แล้วขยายผลจนจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้เพิ่มอีก 8 คน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวทางทหารของประเทศมาเลเซีย แจ้งเป็นรายงานลับมายัง พ.ท.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 ชุดช่วยราชการ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ให้เฝ้าระวังคนร้ายกลุ่มอาร์เคเค ที่ผ่านการฝึกอบรมการสู้รบแบบสงครามกองโจรจำนวน 70 คน จะแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว แอบเล็ดลอดเข้ามาก่อเหตุร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเทศกาลปีใหม่
พ.ท.สราวุธ ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 จึงจัดทหารชุดป้องกันชายแดนรวม 5 ชุดปฏิบัติการ ไปประจำที่ท่าเทียบเรือข้ามฟากระหว่างพรมแดนไทย-มาเลเซีย
ด้าน อ.ตากใบ กับ อ.ตุมปัส รัฐกลันตัน 5 จุด โดยเฉพาะที่ท่าเทียบเรือรัชฏาภิเษก มีการนำเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหาที่มีหมายจับในคดีก่อเหตุความไม่สงบ และข้อมูลของกลุ่มบุคคลเป้าหมาย มาติดตั้งเพื่อคอยตรวจสอบประวัติบุคคล และตรวจค้นผู้เดินทางด้วยเรือข้ามฟากจาก อ.ตุมปัส รัฐกลันตัน ข้ามพรมแดนมายัง อ.ตากใบ อย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ จ.ส.อ.ไพรัช พันธุระ หัวหน้าชุดป้องกันชายแดนตาบา ฉก.นราธิวาส 36 ซึ่งประจำอยู่ที่ท่าเทียบเรือรัชฏาภิเษก จับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบวางระเบิดทหารใน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ไว้ได้แล้ว 1 รายเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา