ผบ.ทบ.ยันงบฯแก้ไฟใต้ 6.3หมื่นล.ไม่ใช้เลี้ยงไข้ แจงกองทัพไม่ได้คุมเงิน

"สุเทพ"ยันนโยบายแก้ใต้เดินมาถูกทางแล้ว รบ.มุ่งทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีทัศนคติดีขึ้น ผบ.ทบ.ชี้วิธีที่ดีที่สุดคือต้องชนะจิตใจประชาชนทั้ง 2 ล้านคนแม้ต้องอาศัยเวลา โต้ใช้งบเลี้ยงไข้ทหาร 6.3 หมื่นล้าน ไม่ได้หว่านลงกองทัพ ประณามหากมีคนทุจริต ทำรั่วไหล ถือว่าต่ำทรามมาก


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวระหว่างร่วมเสวนา "6 ปี วิกฤตชายแดนใต้ แก้ปัญหาถูกจริงหรือ?”

จัดโดยสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยร่วมกับ โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา  ที่สมาคมนักข่าวฯ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมว่า ช่วงวิกฤตต่างๆ กองทัพและฝ่ายการเมืองร่วมกันทำงานอย่างมีเอกภาพ รวมถึงสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน  ในส่วนรัฐบาลมีเป้าหมายพัฒนา 2 ประการ คือ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อให้ได้รับบริการจากรัฐอย่างมีมาตรฐานและให้คนในพื้นที่มีรายได้ดี คือสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้ 120,000 บาท ต่อปี ทั้งหมดจะต้องให้ประชาชนได้มีส่วนคิดและร่วมปฏิบัติ โดยใช้กระบวนการประชาคม ซึ่งเริ่มแรกที่ 696 หมู่บ้าน และใช้ 4 เสาหลัก คือ ผู้นำตามศาสนา บุคคลที่ประชาชนเคารพนับถือ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนประชาชน มาร่วมพัฒนา ดังนั้นรัฐบาลจึงมั่นใจว่าเมื่อมี 4 แกนนำหลักมาช่วยคิดจะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างแน่นอน  
 

“ผมขอยืนยันว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ใช้นโยบายที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อประเทศไทย ต่อรัฐบาลไทย  พร้อมกันนี้ยังช่วยไม่ให้พี่น้องประชาชนเห็นดีเห็นชอบกับผู้ก่อการ ส่วนกำลังทหารในพื้นที่นั้น ลงไปเพื่อปกป้องคุ้มครองประชาชน  ไม่ได้ไปอยู่เพื่อเข่นฆ่าประชาชน เพราะรัฐบาลจะกระทำการใดๆ โดยยึดหลักกฎหมายเป็นที่ตั้ง  นอกจากนี้การแก้ไขยังใช้ปัญหาภาคยังใช้แนวทางการทูต เพื่อให้ประเทศที่เป็นมุสลิม หรือประเทศที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน เข้าใจปัญหา โดยให้ทูตประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมและลงพื้นที่ด้วย ดังนั้นจึงทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น ต่างชาติมีความเข้าใจเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น และยอมรับการแก้ปัญหาของประเทศไทย และพร้อมให้การสนับสนุน  รัฐบาลไม่กังกลกับการชี้แจงต่อโอไอซี และคงไม่กลายเป็นปัญหาสากล เพราะที่ผ่านกระทรวงต่างประเทศทำงานดีมาก และประเทศมุสลิมเพื่อนบ้าน คือทั้งมาเลเซีย และอินโดนีเซีย รู้และเข้าใจปัญหาของประเทศไทย และยืนยันที่จะเป็นตัวแทนในการร่วมเจรจากับโอไอซีด้วย"นายสุเทพกล่าว
 

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาวิกฤตภาคใต้ นโยบายความมั่นคงและนโยบายรัฐบาลจะต้องสอดคล้องกัน  ใช้การเมืองนำการทหาร

โดยวิธีที่ดีที่สุดคือต้องชนะจิตใจประชาชนทั้ง 2 ล้านคนถือเป็นคนกลุ่มใหญ่ ทำให้ประชาชนไว้ใจ ขณะเดียวกันต้องแก้ไขในทุกมิติ ทั้งการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม สิทธิมนุษยชน หากจะวัดความสำเร็จในแก้ไขปัญหา ต้องถามว่าอยากรู้ความสำเร็จของมิติด้านใด ถ้าอยากรู้มิติทางการเมืองต้องถามฝ่ายการเมือง ไม่ใช่โยนมาถามทหารว่าแก้เรื่องการเมืองสำเร็จแค่ไหน  ยอมรับว่าการชนะจิตใจไม่สามารถทำได้โดยเร็ว ต้องอาศัยเวลา คงไม่จบง่ายๆ เหมือนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อแม่อบรมลูกก็ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต
 

ผบ.ทบ.กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่เคยใช้ความรุนแรงกวาดล้างผู้ก่อการ ภารกิจทหารจะตามการเมืองตลอด

และอยู่บนแนวทางสมานฉันท์ พยายามสร้างความเข้าใจ  "แต่คำถามคือเมื่อทหารลงไปแล้วทำไมจึงยังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ คงตอบได้ว่าเป็นเพราะแม้จะดูแลละเอียดอย่างไร ก็อาจมีช่องโหว่บ้าง แต่ถ้าเราป้องกันได้มากที่สุด และอีกฝ่ายมีโอกาสน้อย เหตุการณ์ความรุนแรงก็จะลดน้อยลงไปด้วย”  พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
 


พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทุกรัฐบาลที่ได้สัมผัสมา ตั้งแต่รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่มีใครนอกกรอบนโยบาย

และใช้การเมืองนำการทหารมาตลอด แต่ขณะมีคนเสนอแนวทางใหม่ คือเสนอให้มีการปกครองตัวเอง อย่างไรก็ตามยังไม่เห็นแนวทางเรื่องนี้ ดังนั้นตอนนี้คือต้องพยายามให้คนในพื้นที่มีชีวิตที่ดีที่สุด
 

" กรณีที่หลายฝ่ายระบุว่างบประมาณในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ที่มีมูลค่ามหาศาลถึง 6.3 หมื่นล้านบาท แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เป็นเหมือนการเก็บงบประมาณเพื่อเลี้ยงไข้ทหารนั้น ผมขอชี้แจงว่างบประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท เป็นงบที่ใช้ถึงปี 2555 โดยการใช้จ่ายงบประมาณต้องใช้เป็นงวดเป็นขั้นตอน  ข้อกังวลเรื่องการรั่วไหล เรื่องการทุจริต และการเลี้ยงไข้ทหาร ขอเรียนว่างบทั้งหมดไม่ได้ลงมาที่ทหาร ทหารไม่ได้ถืองบประมาณ แต่ถ้ามีคนทำจริงก็ถือว่าต่ำทรามมาก  ซึ่งแนวทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้าคือ กองทัพต้องปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเดินตามแนวทางเดิม "พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
 

สำหรับกรณีมีการจับกุม 6 วัยรุ่นต้องสงสัย มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายอำรู พระอิเกะ เคยเดินทางไปประเทศลิเบียมาแล้วรวมอยู่ด้วยนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งหมดถูกจับกุมขณะตระเวนถ่ายรูปบริเวณบึงศรีภูวนารถ สถานที่จัดงานไนท์พาราไดซ์หาดใหญ่เคานท์ดาวน์ ของอ.หาดใหญ่ จ.สงขลาขณะนี้ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปสอบอยู่ที่ค่ายอิงคยุทธบริหารจ.ปัตตานี
  

พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9 กล่าวว่า ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ร่วมกันกำหนดมาตรการเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณบึงศรีภูวนารถอย่างเต็มที่ 

ตลอดช่วงการจัดงานระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2552 - 3 มกราคม 2553 จะมีการสนธิกำลัง 3 ฝ่ายกว่า 200 นาย ดูแลความปลอดภัยรอบๆ บริเวณงาน และกระจายกำลังดูแลในย่านธุรกิจใจกลางเมืองและย่านการค้าทุกแห่ง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงบริเวณสถานีขนส่งและสถานีรถไฟจะมีหน่วยอีโอดี หรือชุดตรวจสอบระเบิด ใช้เครื่องจีที200 ตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด
 

"ผมยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีการเข้ามาก่อเหตุในช่วงจัดงาน เพียงแต่มีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังเท่านั้น และการจับกุมวัยรุ่นทั้ง6 คน ก็เป็นผลมาจากการที่เจ้าหน้าที่ได้เริ่มแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังเมืองหาดใหญ่"พล.ต.ท.วีระยุทธกล่าว
 

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากทางการประเทศมาเลเซีย จับกุม 3 ผู้ต้องหาชาวไทยพร้อมวัตถุระเบิด ขณะกบดานอยู่ในหมู่บ้านชายแดนไทย-มาเลเซีย

ด้าน อ.ปาเสมัส รัฐกลันตัน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา แล้วขยายผลจนจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้เพิ่มอีก 8 คน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวทางทหารของประเทศมาเลเซีย แจ้งเป็นรายงานลับมายัง พ.ท.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 ชุดช่วยราชการ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ให้เฝ้าระวังคนร้ายกลุ่มอาร์เคเค ที่ผ่านการฝึกอบรมการสู้รบแบบสงครามกองโจรจำนวน 70 คน จะแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว แอบเล็ดลอดเข้ามาก่อเหตุร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเทศกาลปีใหม่


พ.ท.สราวุธ ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 จึงจัดทหารชุดป้องกันชายแดนรวม 5 ชุดปฏิบัติการ ไปประจำที่ท่าเทียบเรือข้ามฟากระหว่างพรมแดนไทย-มาเลเซีย

ด้าน อ.ตากใบ กับ อ.ตุมปัส รัฐกลันตัน 5 จุด โดยเฉพาะที่ท่าเทียบเรือรัชฏาภิเษก มีการนำเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหาที่มีหมายจับในคดีก่อเหตุความไม่สงบ และข้อมูลของกลุ่มบุคคลเป้าหมาย มาติดตั้งเพื่อคอยตรวจสอบประวัติบุคคล และตรวจค้นผู้เดินทางด้วยเรือข้ามฟากจาก อ.ตุมปัส รัฐกลันตัน ข้ามพรมแดนมายัง อ.ตากใบ อย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ จ.ส.อ.ไพรัช พันธุระ หัวหน้าชุดป้องกันชายแดนตาบา ฉก.นราธิวาส 36 ซึ่งประจำอยู่ที่ท่าเทียบเรือรัชฏาภิเษก จับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบวางระเบิดทหารใน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ไว้ได้แล้ว 1 รายเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์