รายงานข่าวจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ภายหลัง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ยอมรับว่า
คิดวางมือในตำแหน่งทางการบริหาร เหลือเพียงที่นั่งในฝ่ายนิติบัญญัติ โดยต้องการผลักดันนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร ชทพ.บุตรชายสืบทอดเก้าอี้รัฐมนตรีแทนนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ผู้จัดการรัฐบาล เตรียมเรียกประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลในเร็วๆ นี้ เพื่อหารือถึงการปรับ ครม.ในภาพรวมทั้งหมด คาดว่าจะมีการเสนอให้ปรับ ครม.ครั้งใหญ่ เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคต่างส่งสัญญาณต้องการปรับ ครม.ทั้งสิ้น อาทิ พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ที่ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.ว่าการกระทรวงการคลัง ที่ กกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากถือหุ้นในบริษัทเกินร้อยละ 5 ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองก็มีตำแหน่งที่ต้องปรับเปลี่ยนแน่นอน คือเก้าอี้รองนายกฯ ที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ จะโยกไปเป็นเลขาธิการนายกฯ และมีการดึงนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เข้ามาเสียบตำแหน่งรองนายกฯแทน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะต้องดูข้อเสนอของแต่ละพรรคว่าต้องการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่
หากมีการแลกกระทรวง หรือ ชทพ. ต้องการเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ที่ไม่ใช่โควต้าของตัวเอง ก็ต้องคืนตำแหน่งรองนายกฯ ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องมีการเกลี่ยกันใหม่ให้มีจำนวนรัฐมนตรีไม่เกิน 36 คนตามรัฐธรรมนูญกำหนด และหากมีการโยนเก้าอี้รองนายกฯให้พรรคประชาธิปัตย์จริง ก็เกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหา ความแตกแยกในพรรคเพิ่มเติม เพราะมีแคนดิเดตเป็นรัฐมนตรีหลายคน อาทิ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรก็ย่อมมีผู้ที่เกิดความไม่พอใจแน่นอน