จุฬาฯ 26 พ.ย. - อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสนอให้นายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายเริ่มเจรจาแก้ปัญหากัมพูชากับสมเด็จฮุนเซน ในการประชุมโคเปนเฮเกน ระบุจะเป็นการกดดันให้กัมพูชาตอบคำถาม แนะวิธีแก้ปัญหาระยะสั้นตอบโต้จากเบาไปหาหนัก ระยะกลางกำหนดโรดแมปฟื้นฟูความสัมพันธ์ ฟื้นคณะกรรมการร่วมฟื้นฟูปราสาทพระวิหาร
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการปาฐกถาเรื่องความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
ในกระแสความขัดแย้งการเมืองไทย จัดโดยสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า นโยบายต่างประเทศที่สำคัญคือ ต้องรักษาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในทุกมิติ ทั้งการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่าไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ต้องมีกลไกแก้ปัญหา
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ปัญหาทั้งสองประเทศไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งในเมืองไทยอย่างเดียว
แต่มีหลายปัจจัยประกอบ ทั้งความไม่ชัดเจนของเขตแดน ค่านิยมทางการเมืองที่มีการปลุกกระแสคลั่งชาติของทั้งประเทศที่พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ การดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ไม่เน้นความสำคัญของประเทศเพื่อนบ้าน ขาดความละเอียดลออ วิธีการแก้ปัญหาต้องใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจ รู้เขารู้เรา มีความสัมพันธ์ในหลายระดับ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามแนวชายแดน และประชาชนของทั้งสองประเทศ
สุรเกียรติ์ แนะ อภิสิทธิ์ เป็นฝ่ายเริ่มเจรจาแก้ปัญหากัมพูชา
นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า เรื่องการเมืองถือว่าเป็นสิ่งที่เปราะบาง ทั้งกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สมัยเป็นฝ่ายค้าน
ได้คัดค้านกรณีเขาพระวิหาร การแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และปัญหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเมืองไทยที่ลุกลามไปถึงประเทศกัมพูชา ดังนั้นควรแก้ปัญหาด้วยความรอบคอบ ไม่ควรให้คน ๆ เดียวมาสร้างความขัดแย้งให้คนทั้งสองประเทศ
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การแก้ปัญหาในอนาคตระหว่างไทยกับกัมพูชาระยะสั้น
หากจะมีการตอบโต้ นายกรัฐมนตรีควรเดินตามยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบ ด้วยวิธีการจากเบาไปหาหนัก ลดกระแสชาตินิยม ประเมินจุดอ่อน จุดแข็งระหว่างไทยและกัมพูชา ต้องไม่ปิดประตูเจรจาระหว่างกัน การคุยก่อนไม่ได้เป็นการเสียหน้า แต่เป็นการแสดงความเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีควรไปหารือแนวทางการแก้ปัญหากับสมเด็จฮุนเซน ระหว่างการประชุมที่โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เพราะถือเป็นการสร้างแรงกดดันให้กัมพูชาที่ต้องตอบคำถามให้ได้
นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า น่าจะชะลอการยกเลิกเอ็มโอยูเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพราะไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง และเอ็มโอยูไม่ใช่เรื่องเขตแดนทางทะเลอย่างเดียว
แต่รวมไปถึงผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนด้วย ส่วนในระยะกลางควรกำหนดแผนโรดแมปฟื้นฟูความสัมพันธ์ ไม่ให้นำผลประโยชน์ส่วนตัวมาแลกกับผลประโยชน์ของประเทศ มีการฟื้นคณะกรรมการร่วมเพื่อการฟื้นฟูพัฒนาปราสาทพระวิหาร ระหว่างไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ระยะยาวเน้นสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของสองประเทศ และการทูตเชิงวัฒนธรรมให้มากขึ้น ปัญหาทางการเมืองจะต้องไม่เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาของทั้งสองประเทศ รัฐบาลต้องไม่เอาความสัมพันธ์ของประเทศมายึดติดกับตัวบุคคล และแยกการเมืองภายในออกจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่สำคัญต้องแสดงความพร้อมในการหันหน้าเข้าหากันหาจุดยืนร่วม.- สำนักข่าวไทย