วันนี้ (19 พ.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย และเครือข่าย
ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อประธาน กกต. ขอให้ตรวจสอบ และวินิจฉัยให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของ นายศิริโชค โสภา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (6) เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายศิริโชคได้กระทำการก้าวก่ายแทรกแซงโดยทางตรง หรือทางอ้อม ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ และอาจอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนนำรัฐบาล และในฐานะที่เป็นคนสนิทของนายกฯ จากกรณีเขียนหนังสือลงลายมือชื่อด้านหลังนามบัตรของตนเอง ที่มีการระบุตำแหน่ง ส.ส.ชัดเจน และมีข้อความฝากแต่งตั้ง พ.ต.ท.นรินทร์ คำแก่น โดยระบุว่า นายตำรวจคนดังกล่าวเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะการประสานงานกับทุกฝ่าย จึงขอโปรดพิจารณาตามความเหมาะสม
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่มิชอบ และจะเป็นผลให้การแต่งตั้งขาดความเป็นอิสระ
และทำให้ข้าราชการตำรวจอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติอยู่ในหลักเกณฑ์จะได้รับการแต่งตั้งเสียโอกาส และไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงถือเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 266 ของรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลง นอกจากนี้ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกยังระบุชัดเจนว่า การฝากตำรวจโดยนักการเมืองถือว่า เป็นการแทรกแซง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะการแต่งตั้งตำรวจต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 55 (2) และ (3) และมาตรา 57 ที่ระบุว่า ต้องคำนึงถึงความอาวุโส ประวัติรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติ และความรู้ความสามารถประกอบกัน
“การที่มาร้องครั้งนี้ เพื่อให้ตรวจสอบว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายแทรกแซงการปฏิบัติงานของข้าราชการหรือไม่ เพราะตอนนี้มีการขอเพื่อขึ้นเป็นผู้กำกับ หากนายตำรวจคนนี้ได้ตามที่ขอจะถือว่า เป็นการแทรกแซงหรือไม่ นายศิริโชคจะมาแก้ตัวได้อย่างไรว่า เป็น ส.ส.ตัวเล็ก ๆ ทั้งที่ความจริงทุกคนก็รู้ว่า นายศิริโชคทำงานกับนายกฯ เป็นคนใกล้ชิด ถ้าเป็น ส.ส.ตัวเล็ก ๆ มันก็ต้องมีฤทธิ์มีเดช คนก็ต้องเกรงใจใช่หรือไม่” นายพร้อมพงศ์ กล่าว.