นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดแถลงตอบโต้และชี้แจงในกรณีเดียวกันนี้ ดังนี้
1. การให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ ของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นสิ่งที่ก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนอกจากจะถือเป็นเสาหลักเสถียรภาพของประเทศแล้ว ยังเป็นสถาบันที่คนไทยทุกคนเคารพและเทิดทูนเป็นอย่างมาก จึงไม่สิ่งที่คนไทยยอมรับได้และไม่พึงกระทำ
2. ขณะที่ประชาชนชาวไทยทั้งปวงกำลังอยู่ระหว่างการรวมใจถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง พ.ต.ท.ทักษิณกลับใช้จังหวะเวลานี้ให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่จาบจ้วงและไม่เป็นมงคลเยี่ยงนี้ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าต้องมีวัตถุประสงค์แอบแฝง หรือกำลังเคลื่อนไหวบางอย่างในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรอยู่ ซึ่งหากเป็นคนไทยที่มีใจรักชาติและเทิดทูสถาบันพระมหากษัตริย์จริง คงไม่กระทบเช่นนี้
3. การให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณสะท้อนให้เห็นถึงความอึดอัด และความไม่สามารถของตน ที่จะเข้าไปชี้นำและโน้มน้าวทุกฝ่ายในสังคมไทยได้ ดังเช่นที่พ.ต.ท.ทักษิณ เพียรพยายามจะทำมาในอดีต
4. เกี่ยวกับความเห็นของพ.ต.ท. ทักษิณ ต่อองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในเชิงเปรียบเทียบนั้นเป็นการมิบังควรเป็นอย่างยิ่ง
5. พ.ต.ท.ทักษิณคงให้ข้อมูลที่ผิดพลาด เกี่ยวกับสถานะของตนเอง แก่ผู้สื่อข่าวที่ขอสัมภาษณ์ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า พ.ต.ท. ทักษิณเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่ลี้ภัยในต่างประเทศ ในการนี้ขอย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับมาอยู่ในประเทศไทยในช่วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ในปี 2551 หลังจากการปฏิวัติผ่านไป 1 ปีเศษ แต่ได้เดินทางออกจากประเทศไทยอีกครั้ง ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี จากการกระทำผิดในคดีอาญาเกี่ยวกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่ทุจริต หรือเอื้อประโยชน์ให้ภริยาของตนเอง ขณะที่ ยังมีคดีเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนและคดีอื่นๆ รออยู่อีกเป็นจำนวนมาก
6. ผู้เขียนข่าวนี้ก็คงได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนอีกหลายประการ หรือไม่มีความสามารถที่จะเข้าใจข้อเท็จจริงต่างๆ อันเป็นผลให้รายงานข่าวนี้ ขาดความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
6.1 ประเด็นที่เกี่ยวกับบทบาทการอยู่เหนือการเมือง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
6.2 ประเด็นที่ว่าสมเด็จฮุน เซ็น นายกฯกัมพูชา แต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษานายกฯ กัมพูชา เป็นสิ่งที่สร้างความโกรธเคืองให้แก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ทั้งที่ ในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของชาติ เป็นผลประโยชน์ส่วนตัว
"อีกทั้งการเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ก็เพื่อสืบทอดสิ่งที่ตนได้ทำไว้ ขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ ของไทย นอกจากนี้การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยที่รักชาติโดยทั่วไปไม่เห็นด้วยและรับไม่ได้เป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปที่จัดทำโดยสำนักต่างๆพบว่าประชาชนกว่าร้อยละ 50 ไม่เห็นด้วย และกว่าร้อยละ 90 เห็นว่าพ.ต.ท. ทักษิณทำไปเพื่อตนเอง ไม่ใช่เพื่อประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากกษัตริย์กัมพูชา แล้วพูดจาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเช่นนี้ด้วยวัตถุประสงค์อะไร ก็ขอถามกลับไป
นายกษิต กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและตอบโต้ข้อเขียนของ ไทม์สออนไลน์ แต่คงไม่ใช่การตอบโต้ เป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง นอกจากนี้ จะบอกกับคณะทูตานุทูตประจำประเทศไทยและมิตรประเทศ ซึ่งก็เริ่มมีการพูดจากันไปบ้างแล้ว และคงไม่ต้องทำหนังสือไปประท้วง
เมื่อถามว่า คิดว่ารายงานข่าวชิ้นนี้เป็นผลงานของล็อบบี้ยิสต์ของพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า
"ต้องไปถามพ.ต.ท.ทักษิณว่า ใช้เครื่องมืออะไรบ้างทั่วโลก เราไม่ทราบ เพราะมีตั้งหลายบริษัท หลายบุคลากรที่จะช่วยเหลือ ก็รับเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้วก็ไปดำเนินการอย่างที่พ.ต.ท. ทักษิณต้องการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณที่ออกมา จะนำไปสู่การตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า "อันนี้เป็นเรื่องฝ่ายกระบวนการยุติธรรมของไทย"