รัฐสภา 9 พ.ย.- “กษิต ภิรมย์” ยืนยัน ทำเรื่องขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน หาก “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางเข้ากัมพูชา ย้ำเป็นคดีอาญาไม่ใช่คดีการเมือง ระบุเป็นอำนาจของศาลกัมพูชาตัดสินใจ หวังผู้นำกัมพูชาจะไตร่ตรองให้ดี คำนึงถึงความสัมพันธ์ 2 ประเทศ
นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
จะเดินทางไปกัมพูชาวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ว่า ได้เตรียมการ โดยประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนที่มีข้อกังวลในมาตรา 3 ของสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทย - กัมพูชา ที่ระบุว่า ถ้าเป็นคดีทางการเมือง จะไม่สามารถส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนนั้น รัฐบาลไทยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หนีคดีอาญา ไม่ใช่คดีการเมือง
“การตัดสินใจเรื่องนี้ เป็นอำนาจของศาลกัมพูชา ไม่ใช่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และขอฝากถึงสมเด็จฮุน เซน ว่าขอให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัว เราหวังว่าสมเด็จฮุน เซน จะไตร่ตรองให้ดี” นายกษิต กล่าว
ทั้งนี้ นายกษิต ยอมรับว่า กลุ่มประเทศอาเซียนแสดงความเป็นห่วงปัญหาไทย – กัมพูชา จึงได้โทรศัพท์ไปยังรัฐมนตรีต่างประเทศของมิตรประเทศ
เล่าถึงที่มา ที่ไปของเรื่องนี้ โดยเฉพาะการที่สมเด็จฮุน เซน ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของตัวเอง และของรัฐบาลกัมพูชา ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยรับไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
“ไทยและกัมพูชากำลังมีการเจรจาตามกรอบบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2544 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กัมพูชา จะทำให้ไทยเสียประโยชน์ในการเจรจา เพราะ MOU ดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการเสนอ ครม. วันพรุ่งนี้ (10 พ.ย.) ให้ยกเลิก หาก ครม.เห็นชอบ ก็จะส่งเรื่องมายังรัฐสภา เพื่อพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่งจะทำให้การเจรจาปัญหาการแบ่งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลยุติลง” นายกษิต กล่าว
นายกษิต ยืนยันว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมา ไม่ใช่เรื่องเกมการเมือง แต่เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
ต่อข้อถามว่า คิดว่าผู้นำกัมพูชาคิดอะไรอยู่ นายกษิต กล่าวว่า สมเด็จฮุน เซน รัก พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าความสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา ซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนั้น ส่วนรายงานข่าวว่า ผู้ประกอบการค้าในกัมพูชา ประกาศบอยคอตสินค้าไทย นายกษิต กล่าวว่า ยังไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
“นายกรัฐมนตรีไทยพูดหลายครั้งแล้วว่า จะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่ไปกระทบกระเทือนต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชา และเราต้องการให้การค้าขาย รวมถึงการสัญจรไปมาของทั้ง 2 ประเทศ เป็นเช่นเดิม” นายกษิต ย้ำ .-สำนักข่าวไทย