คมชัดลึก :บัวแก้ว ระบุ MOU พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-เขมรมีช่องยกเลิกได้ ขึ้นอยู่กับการตีความ เลขาธิการอาเซียนออกแถลงการณ์ เตือนกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่การค้าตลาดชายแดน“ช่องจอม”คึกคักเหมือนเดิม ส่วนที่ปราสาทตาเมือนธม กำลังทหารกัมพูชาเข้าพบปะทหารพรานพูดคุยกันเหมือนเดิม
(7พ.ย.) นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวกรณีที่มีรายงานข่าวว่า นายวาร์ กิมฮง ผู้เจรจาเขตแดนของกัมพูชา ออกมายืนยันว่า บันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิ.ย. 2544 นั้น ไม่สามารถยกเลิกได้ หากไม่ได้รับการยินยอมกับคู่สัญญาว่า เป็นการตีความของกัมพูชาที่แตกต่างกับฝ่ายไทย ซึ่งแต่ละฝ่ายอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน ก็เหมือนกับกรณีก่อนหน้านี้ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยตีความว่าไม่สามารถส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนให้กับไทย
ขณะที่ฝ่ายไทยก็ตีความว่าสามารถส่งตัวมาได้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ก็ยืนยันว่ามีหลายมาตราในอนุสัญญาเวียนนา ค.ศ.1958 ก็เปิดช่องให้สามารถยกเลิกเอ็มโอยูดังกล่าวได้ และจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม.วันที่ 10 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักเลขาธิการอาเซียนจากกรุงจาการ์ต้า ของอินโดนีเซียออกแถลงการณ์ ที่ส่งถึงรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มอาเซียน ระบุว่าเลขาธิการสมาคมอาเซียน นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เรียกร้องให้ทั้งไทยและกัมพูชาแสดงความอดกลั้นอย่างที่สุด กรณีปัญหาความตึงเครียดจากการที่กัมพูชาแต่งตั้งอดีตนายกรัญมนตรีทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษา
เลขาธิการิอาเซียนบอกว่า อาเซียนไม่ควรถูกมองว่ามีความแตกแยกกันจากปัญหากรณีพิพาทในช่วงก่อนที่จะมีการประชุมครั้งประ วัติศาสตร์กับประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ในช่วงกลางเดือนนี้
โดยในแถลงการณ์เขาบอกว่า เราชาวอาเซียน ไม่ควรถูกมองว่ามีความแตกแยกอย่างรุนแรงก่อนการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและการประชุมอาเซียน - สหรัฐที่สิงคโปร์ในเดือนนี้
ในแถลงการณ์ บอกด้วยว่าเลขาธิการอาเซียนมีความเป็นห่วงกับกรณีความตึงเครียดที่ขยายตัวมากขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูา และขอให้ทั้งสองประเทศแสดงความอดกลั้นอย่างสูงสุด
นอกจากนั้น ก็ยังเตือนให้รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มอาเซียน ช่วยให้ทั้งสองประเทศแก้ไขปัญหาพิพาทให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี และเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า วันนี้(7พ.ย.) ซึ่งเป็นวันหยุดราชการและเป็นวันตลาดนัดที่พ่อค้า แม่ค้า ทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา จะเดินทางมาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกัน โดยช่วงเช้าที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม (ตลาดของ อบจ.) ต.ด่าน อ. กาบเชิง จ.สุรินทร์ มีพ่อค้า แม่ค้าชาวไทยและชาวกัมพูชา นำสินค้ามาแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าซึ่งกันและกัน แต่พบประชาชนเลือกซื้อสินค้าน้อยกว่าทุกวัน โดยมีเพียงชาวไทย แต่ชาวกัมพูชากลับลดน้อยลง
ส่วนนักท่องเที่ยว กับนักแสวงโชคได้เดินทางมาที่ด่านช่องจอม เพื่อข้ามไปเล่นการพนันที่ชุมชนโอร์เสม็ดเป็นปกติและอาจจะมากกว่าวันราชการเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด
ส่วนบรรยากาศที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก มีกำลังทหาร 3-4 เข้ามาพูดคุยกับทหารพราน กองร้อยทหารพราน จู่โจม 960 กรมทหารพรานที่ 23 ที่รักษาการอยู่ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธมกันอย่างสนิทสนมเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แหล่งข่าวแจ้งว่า ที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา อยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 30 ก.ม.มีรถถังของกองกำลังทหารกัมพูชา เข้าประ จำการอยู่ 8 คัน และมีทหารป้องกันชายแดนของพลที่ 42 กองพันทหารชายแดนที่ 402 ที่ลาดตระเวณอยู่ติดชายแดนไทย ห่างชายแดนไทยประมาณ 2 ก.ม.เท่านั้น แต่สถานาการณ์ต่างๆยังปกติไม่มีอะไรรุนแรง
ด้านนายฮัก บุนทอน นักการข่าวประจำจังหวัดอุดรมีชัย และเป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย กล่าวว่า น่าห่วงอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่ามันอาจบานปลายจนนำไปสู่การปิดด่านการค้าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาอีกครั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงตนก็คงคิดหนักเพราะขณะนี้กำลังทำโครงการขนาดใหญ่คือการก่อสร้างตลาดอยู่บริเวณชายแดนรอยต่อระหว่าง อ.เสียมราฐ กับ อ .ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษของไทย เป็นโครงการที่มีลักษณะคล้ายๆ ตลาดช่องสะงำเมืองใหม่ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการมาได้แล้ว 70 % โดยโครงการนี้คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท
ดังนั้นหากมีการปิดด่านการค้าลงธุรกิจของตนต้องเดือนร้อนอย่างหนัก เพราะตนสั่งวัสดุก่อสร้างทั้งหมดจากฝั่งไทยไว้แล้ว อีกทั้งชาวบ้านที่มารับจ้างหลายร้อยคนก็จะต้องตกงาน แต่หากไม่มีการปิดด่านตนก็จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จและจะเปิดอย่างเป็นทางการพร้อม ๆกับตลาดช่องสะงำเมืองใหม่ที่ทางไทยขอเลื่อนเปิดออกไปอีกไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ซึ่งก็คาดว่าจะเสร็จทันพอดี
นายฮัก กล่าวกรณีสมเด็จฮุน เซนจะแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาฯว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าเป็นดุลพินิจของผู้นำประเทศ ตนรู้ท่านทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว และที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ให้คำปรึกษาสมเด็จฮุน เซนมาตลอด เช่นแนะนำให้เปิดให้นักธุรกิจจากตะวันออกกลางมาลงทุนในประเทศ เมื่อสมเด็จ ฮุน เซน ทำตามผลก็ปรากฏว่าชาวบ้านมีงานทำเพิ่มขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นตามลำดับ