นายกฯเผยยังไม่รับจดหมายทักษิณ ถามกลับนึกว่าเล่นเป็นเเต่ทวิตเตอร์ "ทักษิณ"ออกแถลงการณ์อัดรัฐบาลทำเกินกว่าเหตุ
เมื่อเวลา 20.15 น.วันที่ 6 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกษิต ภิรมย ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบ Video conference จากโรงแรมอิมพีเรียล กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นมายังศูนย์แถลงข่าวตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ขณะอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประชุมผู้นำลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ 1 ที่ประเทศญี่ปุ่น
นายกฯ กล่าวถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาว่า บรรยากาศของการประชุมเป็นไปด้วยดี โดยผู้นำกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงมาร่วมประชุมครบทุกคน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สิงคโปร์ออกแถลงการณ์เป็นห่วงความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาจะส่งผลต่ออาเซียน นายกฯ กล่าววยืนยันว่าจะไม่กระทบกับอาเซียนเพราะ 2 ประเทศที่มาร่วมประชุมวันนี้ เราก็ต่างทำหน้าที่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องทวิภาคี ก็จะแก้ไขในกรอบของทวิภาคี
"บังเอิญว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายสร้างปัญหาดังนั้นผู้ก่อปัญหาต้องเป็นผู้แก้คือกัมพูชาต้องไปทบทวนและกระทรวงการต่างประเทศยังมีมาตรการอื่น ๆ อย่างไรก็ตามเราไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างประชาชน 2 ประเทศ เพราะเราควรเป็นเพื่อนบ้านและมิตรที่ดี ดังนั้นความเดือดร้อนที่จะให้เกิดกับคนของเราจะไม่มีและจะหลีกเลี่ยง ทั้งนี้การแสดงออกของกระทรวงการต่างประเทศเป็นการแสดงออกทางด้านการทูต และเหตุการณ์เกิดขึ้นกัมพูชาเองที่ต้องกังวล"นายกฯ กล่าวและว่า
มีบางเรื่องที่เป็นกรอบการเจรจาที่สมัยอดีตนายกฯของไทย(พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ที่จะทราบในเรื่องของจุดยืนและที่มาของผลประโยชน์ทับซ้อนไทย แต่ตอนนี้ไปเป็นที่ปรึกษาของนายกฯกัมพูชาแล้ว
เมื่อถามว่าการทบทวนจะมีผลพวงอะไรตามมาทางกฎหมายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กรมสนธิสัญญาฯ จะดูอย่างรอบคอบ เพราะประชาชนไทยส่วนหนึ่งไม่สบายใจอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าการเรียกทูตกลับมาแล้วจะกลับไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้พิจารณา เพราะเราได้สั่งสัญญาณและแสดงออกตามปกติทางการทูต บวกกับการที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะผลประโชน์ทับซ้อน เราต้องปกป้องศักศรีคนไทย ประเทศ ปกป้อง-กระบวนการยุติธรรม ดังนั้นไม่มีเรื่องอื่น และยืนยันว่าเราไม่มีเจตนาให้ประชาชนกระทบกระทั่งกัน
เมื่อถามว่าหากกัมพูชายังแข็งกร้าวจะมีมาตรการอะไร นายกฯ กล่าวว่า เวลานี้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ ดังนั้นต้องดูสถานการณ์ต่อไป เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายเรา
เมื่อถามว่าการนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารค่ำในวันนี้ได้มีการทักทายหรือมองหน้าสมเด็จฮุนเซนหรือไม่ นายกฯ กล่าวสั้น ๆ ว่า "นั่งไกลกัน และแจกันดอกไม้ขวางอยู่"
เมื่อถามว่าในวันจันทร์นี้(9พ.ย.)จะมีกรอบการเจรจาระหว่างประเทศที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาจะมีการชะลอออกไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีกรอบฯเข้ามาเยอะมาก ก็จะมีการจัดความสำคัญ เช่น เรื่องการเกษตร ซึ่งนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯจะเดินทางไปบรูไน รวมทั้งกรอบเจรจาไทย-เปรู ที่ค้างไว้เยอะก็จะดู ส่วนกรอบระหว่างไทย-กัมพูชาไม่มีเรื่องเร่งด่วน แต่มีอยู่ในวาระอยู่แล้ว อยู่ที่วิปรัฐบาลว่าจะเลื่อนหรือไม่
เมื่อถามถึงข้อเสนอของ 40 ส.ว.ในการขอให้รัฐบาลกระทำ 3 มาตรการเพื่อตอบโต้กัมพูชา นายกฯ กล่าวว่า ข้อแรกได้ดำเนินการไปแล้ว โดยเอกอัคราชทูตได้เชิญประชุมภาคเอกชนเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์และแนะนำ ส่วนเรื่องมรดกโลกได้ทำต่อเนื่องอยู่แล้ว และการที่เราได้รับเลือกเป็นกรรมการมรดกโลกจะช่วยให้เรามีความสามารถติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องปราสาทพระวิหารได้ง่ายและสะท้อนความคิดได้ชัดเจน ส่วนเรื่องที่สามตนยังไม่เห็นข้อเสนอของสว. ทั้งนี้ที่เราจำเป็นต้องดูคือเรื่องที่มีผลประโยชทับซ้อนในแง่ของอดีตนายกฯ
นายกษิต กล่าวว่า การประชุมราบรื่นดี ทุกประเทศพร้อมให้ความร่วมมือในลุ่มแม่น้ำโขง ส่วนมาตรการต่อไปจะดำเนินการอย่างไรกับกัมพูชานั้น นายกษิต กล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่กัมพูชา เพียงแต่เราแสดงออก 2 เรื่องว่าเราไม่พอใจ ดังนั้นภาระอยู่ที่เขาว่าจะทำอะไรต่อไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าเราทำมาตรการตอบโต้ถูกต้อง
เมื่อถามว่าจะถึงระดับของปิดพรมแดนหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า คงพูดล่วงหน้าแบบนั้นไม่ได้ แต่ต้องถามกัมพูชาว่าว่าการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณนั้นประชาชนคนไทยไม่ต้องการ และเงื่อนไขของเราของไทยยังทราบอยู่ ดังนั้นเพียงพอต่อการตัดสินใจหรือยัง อย่างไรก็ตามทุกมาตรการอยู่ในกรอบกฎหมายทุกขั้นตอน
ต่อข้อถามที่ว่าหากยกเลิกการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณจะยกเลิกมาตรการหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะต้องดูความสัมพันธ์อื่นๆด้วย ต้องดูความเข้าอกเข้าใจด้วย เมื่อครั้งที่สมเด็จฮุนเซนมาพูดตอนประชุมอาเซียน มีคำถามและข้อสงสัยต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งคนไทยรับไม่ได้ ที่มาดูหมิ่นระบบกระบวนการยุติธรรม เมื่อถามว่าแม้ยกเลิกการแต่งตั้งมาตรการนี้ยังจะคงยืนอยู่ต่อไป นายกษิต กล่าวว่า ทุกอย่างมีข่าวย่อมมีดำ ต้องดูทีละขั้นละตอน เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างไรเราก็ต้องตอบสนอง ต้องฟังประชาชนว่าจะเห็นด้วยมากน้อยเพียงใด
ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่าจากนั้น นายอภิสิทธิ์ได้ตอบคำถามแทนนายกษิตว่า เราได้แสดงออกทางการทูตถูกต้อง เพราะเรามีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของไทย ที่เราเสียเปรียบเพราะมีคนของเราไปอยู่ฝ่ายเขา ดังนั้นเพื่อรักษาผลประโยชนของเรา ทั้งนี้ส่วนที่เหลือยังไม่มีการดำเนินการอะไร การไปมาหาสู่ของประชาชนยังปกติ เพราะไม่มีแนวความคิดทำให้เกิดเงื่อนไขความรุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจอย่างไรว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้กัมพูชาจะทบทวนท่าที นายกฯ กล่าวว่า ต้องประเมินกันต่อไปเพราะเรื่องนี้มีวิวัฒนาการของมันเอง แต่รัฐบาลยึดผลประโยชน์ เราต้องปกป้องสถาบันของไทยอย่างดีที่สุด และหลีกเลี่ยงการมีปัญหาของประชาชน เพราะปัญหาเกิดจากรัฐบาลเอง
เมื่อถามว่าได้รับจดหมายจากนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณเเล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า "ยังไม่ได้รับ ผมนึกว่าเล่นเป็นแต่ทวิตเตอร์"
"ทักษิณ"ออกแถลงการณ์อัดรัฐบาลทำเกินกว่าเหตุ
เมื่อเวลา 21.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้รัฐบาลกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ผ่านมายังทีมงานนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัว โดยมีเนื้อดังนี้ว่า " ตามที่รัฐบาลไทยได้เรียกตัวเอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงพนมเปญกลับประเทศไทย และได้ลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา เพื่อตอบโต้รัฐบาลกัมพูชา จากการที่กัมพูชาได้แต่งตั้งผมเป็นที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจ นั้น ผมขอกราบเรียนพี่น้องชาวไทยดังนี้
เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่รัฐบาลของนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะได้ดำเนินมาตรการเช่นนั้น ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เป็นการตอบโต้ที่กระทำอย่างผลีผลาม ใช้อารมณ์และขาดสติยั้งคิด ซึ่งจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเสื่อมทรามลง อันจะนำไปสู่ ความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงต่อทั้งสองปรเทศ
ผมเชื่อโดยตลอดมาว่า ประเทศไทยจะพัฒนารุ่งเรืองไปพร้อมกับเพื่อนบ้าน ผมยังคงยึดหลักการที่ว่าเราต้องอยู่ร่วมกันโดยสันติ และหลักเพื่อนบ้านที่ดี แต่ละประเทศจะต้องเคารพในสิทธิของอีกประเทศหนึ่ง ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ เราต้องร่วมมือกันเพื่อพัฒนาทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ เพราะถ้าเพื่อนบ้านเจริญรุ่งเรือง การทำมาค้าขายกับประเทศไทยก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อพี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศ
การให้คำปรึกษาทางเศรษฐกิจแก่รัฐบาลกัมพูชานั้น เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูล เพื่อนบ้าน และเป็นการช่วยประเทศไทยทางตรงและทางอ้อม ผมได้กระทำไปโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่มีวาระแอบแฝงซ่อนเร้นแต่ประการใดทั้งสิ้น นอกจากประเทศกัมพูชาแล้ว ผมยังได้ตอบรับเป็นที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจให้แก่หลายประเทศ เพราะผมต้องการใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ผมมีอยู่รับใช้พี่น้องคนไทย ทำประโยชน์ให้แก่เพื่อนบ้าน และมิตรประเทศห่างไกลที่เห็นว่าผมพอจะช่วยเขาได้บ้าง และการกระทำดังกล่าวเป็นบทบาทในฐานะที่ผมเป็นประธานของมูลนิธิการสร้างอนาคตที่ดีกว่า ( Building a Better Future Foundation)
ผมขอเรียนว่า รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศโดยที่ไม่มีความชอบธรรมและไม่ได้รับฉันทานุมัติจากพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารบ้านเมือง รัฐบาลได้ใช้สื่อของรัฐบิดเบือนข้อมูล ใช้กระทรวงการต่างประเทศไปกดดันมิตรประเทศต่างๆที่เห็นใจและให้ความเมตตาต่อผม และในกรณีของกัมพูชานี้ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กำลังนำปัญหาการเมืองภายใน ไปกดดันประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขจัดผม ซึ่งนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าเป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง โดยเอาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวประกัน ผมขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธ์และพรรคประชาธิปัตย์ ได้เลิกมองทุกเรื่องเป็นเรื่องการเมือง และควรเร่งสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมและแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนจะดีกว่า
ผมขอกราบเรียนพี่น้องชาวไทยว่า ผม เทิดทูนสถาบันและรักชาติเช่นคนไทยทุกคน ผมไม่เคยคิดร้ายต่อบ้านเมือง ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมได้ทุ่มเททำงานเพื่อพี่น้องคนไทย แม้ในขณะที่พักอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ผมคิดถึงพี่น้องคนไทยตลอดเวลา โดยเฉพาะพี่น้องคนยากคนจนที่เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้ ผมพยายามแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้นักธุรกิจไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ผมหวังว่าสักวันหนึ่ง ผมจะได้เดินทางกลับแผ่นดินแม่ของผม เพื่อนำความรู้และประสบการณ์มารับใช้พี่น้องคนไทยต่อไป"
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพดี โดย : หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก