ปุระชัยงัดไม้เด็ดนามบัตร-เอกสารลายมือ 5บอร์ดกลั่นกรองฝากเด็กสมัย พัชรวาทโชว์จนประชุมก.ตร.ล่ม


ถก"ก.ตร." ตั้ง"รอง ผบ.ตร.-ผบช." ล่มอีกรอบ "ปุระชัย" แผลงฤทธิ์งัดไม้เด็ด "นามบัตร-เอกสาร" ลายมือ 5 บอร์ดกลั่นกรองฝากเด็กสมัย "พัชรวาท"โชว์ ถามหาคุณธรรม จริยธรรม จี้แสดงสปิริตลาออก เถียงกันลั่น "สุเทพ" สั่งเลิกประชุมก่อนเผ่นกลับ

ถกตั้ง "รองผบ.ตร.-ผบช."ล่มอีก


การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)-ผู้บัญชาการ (ผบช.) ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ต้องเลื่อนออกไปเป็นครั้งที่ 3 โดยการประชุมเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน นายสุเทพต้องยุติการประชุม เมื่อ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบรูณ์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ท้วงติงกรณีคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง ที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร. มีหลายประเด็นที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม ก.ตร. ในเวลา 09.00 น. นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะกรรมการคัดเลือกหรือบอร์ดกลั่นกรอง ได้ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้ง มี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน ร่วมประชุมกว่า 3 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ


ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบรูณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะกรรมการกลั่นกรอง กล่าวก่อนประชุม ก.ตร.ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมชูนิ้วโป้งทั้งสองมือว่า การประชุมบอร์ดกลั่นกรองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บัญชีรายชื่อการแต่งตั้งคาดว่าทุกคนจะพอใจและสามารถตอบคำถามสังคมได้ ในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งต่างๆ


ต่อมาเวลา 13.00 น. นายสุเทพเป็นประธานประชุม ก.ตร. ที่ห้องประชุมในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมวาระที่ 1 และ 2 ผ่านไปด้วยดี ที่ประชุมยกวาระ 4 เรื่องเสนอเพื่อทราบ โดยมีประกาศ ก.ตร. เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือก พิจารณาก่อน ซึ่ง พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ก.ตร. ท้วงติงถึงความเหมาะสม เนื่องจากบอร์ดกลั่นกรองมีถึง 13 คน เกินกึ่งหนึ่งของ ก.ตร.ที่มีเพียง 20 คน ถ้าบอร์ดกลั่นกรองพิจารณารายชื่อมาอย่างไร ก.ตร.ไม่สามารถคัดค้านได้ และต้องมีความเห็นตามบอร์ดกลั่นกรอง ถือว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งนายสุเทพสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปพิจารณาในเรื่องดังกล่าวด้วย


"ปุระชัย" งัดหลักฐานเด็กฝากโชว์


จากนั้นมาพิจารณาวาระที่ 3 นายสุเทพขอให้พิจารณาเรื่องที่ 4 ก่อนคือ รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายศิริโชคให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยอ้างว่าน่าจะเสร็จสิ้นเร็วกว่าเรื่องอื่นๆ โดยอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษสรุปว่าประเด็นนี้ไม่มีผู้ให้ถ้อยคำยืนยันว่ามีการรับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใด จากการแต่งตั้งรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.)-สารวัตร (สว.) ในวาระประจำปี 2551 แต่จากการเข้าไปแทรกแซงแต่งตั้ง ทั้งของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2, 4 และ 7 และกรณีขอยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งอนุ ก.ตร. มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าน่าเชื่อว่าจะมีการทุจริตหรือแสวงประโยชน์จากการแต่งตั้ง และมีความเห็นให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ด้วย


ปรากฏว่า ร.ต.อ.ปุระชัยลุกขึ้นมาอภิปราย พร้อมนำนามบัตรและเอกสารลายมือชื่อของบอร์ดกลั่นกรอง 5 ใน 9 ของอนุ ก.ตร. ที่ใช้ฝากฝังในการแต่งตั้งโยกย้ายในสมัยที่ พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร. มาแสดงต่อที่ประชุม พร้อมถามว่าลายเซ็นเหล่านั้นเป็นของ อนุ ก.ตร.ชุดพิเศษหรือไม่ และอนุ ก.ตร.ไปเรียกรับผลประโยชน์กับการฝากฝังหรือเปล่า นอกจากนี้ยังถามหาคุณธรรม จริยธรรม ของอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษ ที่เข้าไปทำหน้าที่ในบอร์ดกลั่นกรองด้วยว่ามีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร เพราะ ก.ตร.ก็ออกกฎว่าด้วยประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ.2551 ทำให้บรรยากาศการประชุมเคร่งเครียดทันที กระทั่งนายสมศักดิ์แสดงความรับผิดชอบด้วยประกาศขอลาออกจากประธานบอร์ดกลั่นกรอง ซึ่ง ร.ต.อ.ปุระชัยยังอภิปรายว่าน่าจะรับผิดชอบใน ก.ตร.ด้วย นั่นหมายถึงการลาออกจาก ก.ตร. โดยบรรดาอนุ ก.ตร.คนอื่นได้นิ่งเงียบ


"สุเทพ" สั่งยุติประชุมเผ่นกลับ


จากนั้น ร.ต.อ.ปุระชัยส่งหลักฐานต่างๆ ให้นายสุเทพไปดูด้วยตนเอง เมื่อนายสุเทพไปพิจารณาดูสั่งให้พักการประชุม 5 นาทีเพื่อลดความตึงเครียด หลังครบกำหนดเวลา นายสุเทพกล่าวว่า ในฐานะประธานที่ประชุมว่า ขอใช้อำนาจตามข้อ 17 ข้อบังคับ ก.ตร. (ระบุว่าด้วยการประชุมและการลงมติของ ก.ตร.และอนุ ก.ตร.พ.ศ.2547 ระบุว่าประธานในที่ประชุมมีอำนาจสั่งพักการประชุมหรือสั่งเลิกการประชุมได้ตามที่เห็นสมควร) เพราะเห็นว่าการประชุมมีปัญหาและอุปสรรค ขอยกเลิกการประชุม โดยไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายแต่อย่างใด
จากนั้นนายสุเทพได้เดินทางกลับทันที โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ให้สอบถาม พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า บรรยากาศในที่ประชุมไม่มีปัญหาอะไร เป็นการประชุมตามปกติ แต่เกิดปัญหาที่ทำให้การประชุมดำเนินการต่อไม่ได้ คือ คณะกรรมการบางท่านได้ท้วงติงถึงความสมบูรณ์ของประกาศ ตร. ในการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจ ซึ่งประธานได้สั่งให้เลขาธิการ ก.ตร.ไปตรวจสอบความสมบูรณ์ของประกาศตามที่ถูกท้วงติง เพราะไม่ต้องการให้มีข้อครหาหรือการฟ้องร้องตามมาทีหลัง และต้องพิจารณาองค์ประกอบว่ามีความชัดเจนสมบูรณ์หรือไม่ โดยคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนคุณสมบัติของคณะกรรมการคงต้องมีการตรวจสอบด้วยเพื่อความรอบคอบและโปร่งใส ส่วนการประชุม ก.ตร.ครั้งต่อไปจะมีขึ้นเมื่อไรนั้นยังไม่สามารถตอบได้


"ปุระชัย"ชี้ผิดจริยธรรมจี้"ก.ตร."ออก


ด้าน ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าวถึงสาเหตุการประชุม ก.ตร.ต้องยกเลิกว่า ได้ท้วงติงในที่ประชุม ก.ตร. ในเรื่องคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง ที่นายศิริโชคร้องเรียนว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในสมัยที่ พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร. ที่มีผลการพิจารณาออกมา ซึ่งตนเห็นว่ามีหลายประเด็นที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการตรวจสอบหลักฐานที่เป็นนามบัตรหรือลายเซ็นที่นายศิริโชคนำมากล่าวอ้าง ไม่มีความชัดเจน ไม่สามารถตอบสังคมได้


"ทั้งนี้ ผมยังทราบว่า อนุ ก.ตร.กว่าครึ่งหนึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง โดยมีหลักฐานว่ามีการทำหนังสือลงชื่อจากสำนักงานตนเองถึง พล.ต.อ.พัชรวาท เพื่อฝากฝังแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงไป ซึ่งหากอนุ ก.ตร.คนใดเกี่ยวข้อง ถือว่าเป็นการทำผิดจริยธรรม กฎ ก.ตร.ผมเห็นว่าการลาออกจากอนุ ก.ตร.ไม่เพียงพอ ต้องลาออกจาก ก.ตร.ด้วย" ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าว และว่า หากมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ก็ถือว่ามีความผิดตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 266 อนุ 2 ที่ห้าม ส.ส.ก้าวก่ายเรื่องการแต่งโยกย้ายตำรวจ หากพบหลักฐานว่ามีความผิดจริงสามารถยื่นถอดถอนได้ ส่วนจะเป็นนักการเมืองคนใดนั้นตนไม่ทราบ


"สุเทพ" ยังไม่กำหนดถกอีกรอบ


ต่อมาเวลา 14.15 น. นายสุเทพเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลและเก็บตัวอยู่บนห้องทำงานชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 จนเวลา 15.00 น. ก่อนเดินทางออกไปอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวมาดักรอถามถึงสาเหตุที่การประชุม ก.ตร.ล่มอีก แต่นายสุเทพพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่า ให้สัมภาษณ์วันละหนพอแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาเรื่องรายชื่อทำไมยังไม่ลงตัวอีก นายสุเทพกล่าวว่า "ยังไม่ได้พิจารณาเลย ยังไม่ทันถึงการพิจารณา มีเรื่องอื่นเสียก่อน เขาขอตรวจสอบความสมบูรณ์ของคณะกรรมการคัดเลือกทั้งคณะเลย"  เมื่อถามว่า จะประชุม ก.ตร.อีกครั้งได้เมื่อไหร่ นายสุเทพตอบว่า "เดี๋ยวดูก่อน" ทั้งนี้นายสุเทพยังคงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้เคร่งเครียดแต่อย่างใด


"เผย36" นายพลผ่านบอร์ด


รายงานข่าวแจ้งว่า ข้าราชการตำรวจที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองมี 36 นาย ในระดับ รอง ผบ.ตร.ที่ว่างลง 2 ตำแหน่งจึงโยก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี และพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา (สบ 10) เข้าดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก เลื่อน พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ตร. ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.
ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.จะมีการเลื่อน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ท .ประชิน วารี จตร.(สบ 8) เป็นรอง จตร.(สบ 9) เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร. แทน  พล.ต.ท.พรชัย พันธุ์วัฒนา รอง จตร.(สบ 9) ที่เออร์ลี่ รีไทร์ พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผบช.ศ.ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ จตร.(สบ 8) ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว รอง จตร.(สบ 9) โยกเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก และให้ พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.เป็นรอง จตร.(สบ 9) พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ ผบช.นรป.ขึ้นเป็นรอง นรป.(สบ 9)


ระดับ ผบช. พล.ต.ท.ถวิล สุรเษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ท.ธีระยุทธ กิติวัฒน์ ผบช.งป.เป็น ผบช.สกบ. พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม.เป็น ผบช.ศ. สำหรับตำแหน่ง ผบช.น.ในบอร์ดกลั่นกรองถกกันยังไม่ได้ข้อยุติมีการเสนอชื่อ พล.ต.ท.เจตต์ มงคลถัตถี ผบช.กมส. พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 มานั่งเป็น ผบช.น. พล.ต.ต.เดชาวัต รามสมภพ รอง ผบช.ภ.3 ขึ้นเป็น ผบช.ภ.1  พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รอง ผบช.ภ.4 ขึ้นเป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. เป็น ผบช.ภ.7 และหาก พล.ต.ท.สัณฐานได้ตำแหน่ง ผบช.น.จะให้ พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รอง ผบช.สตม.เป็น ผบช.ภ.8  พล.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.เป็น ผบช.ภ.9


พล.ต.ต.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รอง ผบช.กตร.เป็น ผบช.สตม. พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส.เป็น ผบช.ส. พล.ต.ท.อุดม รักศีลธรรม จตร.(สบ 8) เป็น ผบช.สตส. พล.ต.ต.ยงยุทธ เตียวตระกูล รอง ผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบช.ปส.เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.ธนากร ศิริอัฐ รอง ผบช.สตม.ขึ้นเป็น ผบช.งป. พล.ต.ต.ยงยศ นาคเฉลิม รอง จตร.(สบ7) ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.วิบูล ปรองดอง รอง ผบช. สง.ก.ตร.ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.จงเจตน์ อาวน์เจนพงศ์ รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) เป็นนายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) พล.ต.ต.ไตรรัตน์ อมาตยกุล นรป.(สบ 7) ขึ้นเป็น ผบช.นรป.(สบ 8) เป็นต้น 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์