ตำรวจตรึงเข้มสถานทูตกัมพูชาหวั่นมือที่3


ตำรวจต้องวางกำลังคุมเข้มสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยหลังรัฐบาลเรียกเอกอัครราชทูตประจำกัมพูชากลับไทย และ กัมพูชา เรียกเอกอัครราชทูตกลับประเทศเช่นกัน


พ.ต.อ.สมิต เชิงสะอาด ผู้กำกับการ สน.วังทองหลาง กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการสนธิกำลังเจ้ากน้าที่ตำรวจจาก 8 สน.ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 50 นาย ดูแลความปลอดภัยเข้มสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ตลอด 24 ชม.หลังรัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นที่ปรึกษา จนกระทรวงการต่างประเทศต้องออกมาตรการตอบโต้ เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะเกิดความไม่พอใจแล้วบุกไปก่อความวุ่นวายที่สถานทูต รวมถึงกลุ่มม็อบต่างๆที่จะเดินทางมาชุมนุม โดยทางกองบับชาการตำรวจนครบาลได้กำชับให้ดูแลอย่างเข้มงวด ขณะที่เอกอัคราชทูตกัมพูชา และเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตไม่ได้มีการประสานข้อเพิ่มกำลังคุ้มกันเป็นพิเศษแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าประชาชนชาวไทยคงจะไม่โกรธแค้นจนถึงขั้นเผาสถานทูตเหมือนเหตุการเผาสถานทุตไทยประจำกรุงพนมเปนเมื่อปี 2546

ขณะที่พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า พ.ต.อ. อาณัติ เกล็ดมณี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (รองผบก.น.4) เปิดเผยว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ได้วางแผงเหล็กกั้น รักษาความปลอดภัย บริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ถนนประชาอุทิศ โดยมีตำรวจปราบจลาจล จำนวน 45 นาย รวมทั้งสายตรวจ 191 และ ตำรวจนอกเครื่องแบบอีกจำนวนหนึ่ง วางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ขึ้น

จากรายงาน พบว่า ตลอดคืนที่ผ่านมา เหตุการณ์ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่พบความเคลื่อนไหว กลุ่มป่วนสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี หากมีประชาชนไปชุมนุมหน้าสถานทูต พ.ต.อ. อาณัติ ระบุว่า จะมีการเพิ่มกำลังตำรวจ อีก 1 กองร้อย หรือ 150 นาย เข้ารักษาความปลอดภัยทันที

ส่วนบรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เริ่มได้รับผลกระทบ เนื่องจากพ่อค้า แม่ค้า บริเวณตลาดโอร์เสม็ด ประเทศกัมพูชา สับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงรีบปิดร้านก่อนกำหนด และติดตามข่าวสารจากโทรทัศน์ของกัมพูชาตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา


ขณะที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ มีผลกระทบต่อเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่บริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งทหารไทยและทหารกัมพูชา ตรึงกำลังทหารกันอยู่ เนื่องจากว่า สถานการณ์เริ่มตึงเครียด โดยทหารทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีการปะทะกันเกิดขึ้นช่วงใด ขณะเดียวกัน มีข่าวว่า ทหารกัมพูชา ได้มีการเสริมรถถัง จำนวนประมาณ 40 คัน ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้กับเขาพระวิหาร พากันหวาดผวา ภัยสงครามเป็นอย่างมาก เพราะว่ามูลบ้านภูมิซรอล อยู่ในรัศมีความแม่นยำของปืนใหญ่ของทหารกัมพูชานั่นเอง ทางด้านนายบุญมี บัวต้น อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ชาวบ้านทุกคนพากันหวาดผวาภัยสงครามกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตนได้ชี้แจงให้ชาวบ้านทุกคนเข้าใจว่า เหตุการณ์ขณะนี้ เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ไม่เกี่ยวข้องกับประชาชนตามแนวชายแดนแต่อย่างใด อีกทั้ง จากการที่ตนได้โทรศัพท์สอบถามจากกลุ่มแรงงานกัมพูชาหลายรายแล้ว แจ้งว่า ทางกัมพูชา ไม่อยากรบกับทหารไทย เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้เกิดการสูญเสีย
ทั้ง 2 ฝ่าย

ทั้งนี้ บรรยากาศที่บริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กว่า 50 นาย ดูแลรักษาความปลอดภัย อยู่โดยรอบบริเวณ และได้มีการนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางไว้ตลอดแนวกำแพงรอบสถานทูตกัมพูชา ด้วย โดยขณะนี้
ยังไม่พบว่ายังมีกลุ่มความเคลื่อนไหวกลุ่มใด จะเดินทางมาที่สถานทูตกัมพูชา ภายหลังจากที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ประเทศกัมพูชา โดยเรียก เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับมายังประเทศไทย กรณีที่รัฐบาลกัมพูชา ได้แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา รวมถึงที่ปรึกษาส่วนตัวของ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทั้งนี้มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ว่า นายสก อัน รองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ตัดสินใจเรียก นายยู อาย
(H.E. Mrs. You Ay) เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย เดินทางกลับประเทศกัมพูชาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม
สถานการณ์บริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชาขณะนี้ ยังเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ขณะที่การจราจรเป็นไปอย่างคล่องตัว
รถสามารถไปได้ตามสัญญาณไฟจราจร

ล่าสุด พล.ต.ต.สมวุฒิ วรรณพิรุณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เดินทางมาตรวจความเรียบร้อย ทั้งในและนอกสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย หลัง เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ถูกเรียกตัวกลับประเทศ ซึ่ง กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดกำลังตำรวจเพิ่มเติมจากเดิม ทั้งชุดปราบปรามจลาจล จาก สน.ต่าง ๆ ใน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 230 นาย สับเปลี่ยนหมุนเวียนมารักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจัดไว้ทุกประตูทางเข้า-ออก สถานทูต และบริเวณพื้นที่โดยรอบ พร้อมนำแผงเหล็กปิดกั้นถึงแนวบาทวิถี รวมทั้ง จัดเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ บนอาคารสูงบริเวณใกล้เคียง และหากประเมินว่าสถานการณ์จะไม่ปกติ ก็สามารถขอกำลังเสริมได้ทันที อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ยังไม่พบสิ่งใดผิดปกติ


ขณะที่ นายกำพลรัตน์ หุตารมณ์ อายุ 64 ปี ชาวกรุงเทพฯ เขตบางซื่อ เดินทางมาที่สถานทูตกัมพูชา โดยสวมใส่เสื้อสีแดงและแขวนป้ายที่มีข้อความระบุให้กำลังใจ สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา โดย นายกำพลรัตน์ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเดินทางมายืนหน้าสถานทูตกัมพูชาในวันนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าตนเห็นด้วยกับรัฐบาลกัมพูชา ที่แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกรณีที่รัฐบาลไทยเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชากลับมายังประเทศไทย เพราะมองว่าจะเป็นการสร้างความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามตนจะยืนให้กำลังใจอย่างสงบเป็นเวลา 1 ช.ม. จากนั้นจะเดินทางกลับบ้าน ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจรักษาความปลอดภัยที่บริเวณสถานทูตกัมพูชา โดยยังมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตามพนักงานรักษาความปลอกภัยประจำสถานทูตกัมพูชา เปิดเผยว่า นายยู อายเอกอัครราชทูตกัมพูชา ได้เดินทางออกจากสถานทูต ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมาแล้ว เพื่อเดินทางกลับไปยังประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ในส่วนของเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตนั้น ยังคงทำงานกันตามปกติ
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์