ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพท. แถลงว่า
ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรียังไม่มีความชัดในกรณีที่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีลาออกหรือไม่ เพราะเป็นการสร้างความเสียหายและสับสนรวมทั้งทำให้ความล่าช้าต่อการบริหารราชแผ่นดิน ซึ่งเลขาธิการนายกฯเป็นตำแหน่งที่จะต้องมากลั่นกรองงานให้กับนายกฯ แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์ยังไม่รู้ว่านายนิพนธ์ลาออกหรือหายไปไหน ทำให้การบริหารงานของรัฐบาลพิกลพิการ ประชาชนขาดความเชื่อมั่นว่า นายอภิสิทธิ์จะเป็นผู้นำประเทศต่อไปได้หรือไม่ แม้แต่เลขาธิการนายกฯคนเดียวก็ยังไม่สามารถจัดการได้ รวมทั้งปลัดสำนักนายกฯที่เกษียณราชการก็ยังไม่สามารถแต่งตั้งคนใหม่ได้ นี่คือเป็นวิกฤติภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ หลังจากบริหารผ่านมา 9 เดือน
“ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ แก้วิกฤตภาวะความเป็นผู้นำและเรื่องผลงานโดยการปรับครม.เพื่อประโยชน์ของชาติ ดังนี้
1.นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ผู้ดูแลโครงการชุมชนพอเพียงที่ทำให้เกิดทุจริตทั่วประเทศ
2.นายวิทยา แก้วภราดรัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีปัญหาเรื่องการรับมือกับไข้หวัด 2009 ที่ประชาชนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 200 ราย และล่าสุดทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวง” นายพร้อมพงศ์กล่าว
3.นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีปัญหาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
4.นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บริหารมา 9 เดือนมีแต่กู้ 9 เดือน 9 แสนล้านบาท กู้แล้วยังมีการโกงในโครงการชุมชนพอเพียงและไทยเข้มแข็ง
5.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดูแลสื่อมีผลงานแค่โฆษราประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลเป็นอันดับ 3 รองจากบริษัทเอกชน ล่าสุดใช้งบ 60 ล้านบาท กับโครงการไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
“หากนายอภิสิทธิ์ไม่ปรับครม.ตาม 5 ข้อข้างต้น ก็ควรจะรับผิดชอบต่อการบริหาร 9 เดือนที่ล้มเหลวไร้ผลงานขาดความเป็นผู้นำ มีอำนาจแต่ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่อประชาชน ส่วนเรื่องที่สังคมกังขา นายอภิสิทธิ์กลับอนุมัติโครงการเช่ารถเมล์4,000 คัน 6.3 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ตอนเป็นฝ้ายค้านก็ค้านหัวชนฝาแต่พอเป็นรัฐบาลกลับอนุมัติค้านสายตาประชาชน ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ควรหยุดซื้อเวลาโดยการปรับครม. ถ้าไม่กล้าก็ควรลาออกให้มีการสรรหานายกฯคนใหม่” นายพร้อมพงศ์ กล่าว