เติ้งผนึกเนวิน ไล่บี้มาร์ค เร่งแก้ไขรธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง ได้เดินทางไปตรวจราชการที่ จ.สุพรรณบุรี จากนั้นได้แวะเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร และ หอเกียรติยศนายกรัฐมนตรี จ.สุพรรณบุรี ตามคำเชิญของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมด้วย

ทั้งนี้ นายบรรหาร พร้อมด้วยนายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชาย และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา

ได้มาให้การต้อนรับคณะของ นายชวรัตน์ และ ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น. นายบรรหารได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันที่ร้านแม่บ๊วย ซึ่งบรรยากาศการพูดคุยระหว่างแกนนำของทั้งสองพรรคเป็นไปอย่างชื่นมื่น รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้ ในการหารือช่วงหนึ่งแกนนำ ทั้งสองพรรคได้หารือกันถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย โดยนายบรรหาร ได้ปรารภบ่นถึงท่าทีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ความจริงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายกฯ รับปากไว้ครั้งแรกว่าจะแก้ไขตั้งแต่ตอนที่ไปรวมตัวกัน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านนายบรรหาร ครั้งที่ 2 รับปากอีก ในการหารือกันของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านพักของ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ เมื่อเดือน เม.ย.ตอนนั้น ก็รับปากว่าสิ้นเดือน เม.ย.จะเรียบร้อย แต่จนป่านนี้ยังไม่ไปถึงไหน อย่างนี้ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลคงจะต้องหารือกันอีก เพื่อจะได้ทวงถามให้แกนนำรัฐบาลเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่รับปากกันไว้โดยเร็ว น่าจะทำให้เรียบร้อย เพราะ 2 พรรคนี้รวมกันก็ 70 กว่าเสียงแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่นายเนวิน ได้กล่าวแสดงความเห็นด้วยกับ นายบรรหารว่า ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย

เห็นว่าทั้ง ม.190 และ เขตเลือกตั้ง เป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันแล้วว่า ต้องแก้ ไม่จำเป็นต้องไปทำประชามติอีก แต่เมื่อนายกฯ จะให้ทำประชามติ ก็ไม่ว่าอะไร แต่ควรเริ่มลงมือทำให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลานานพอสมควร หากเปลี่ยนแปลงรัฐบาล อาจทำให้ทุกอย่างที่ได้ตกลงกันไว้ ไม่เป็นไปตามที่พูดกันไว้ ปัญหาหลายอย่างก็จะไม่ได้รับการแก้ไข

วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่นายกฯ ระบุภายหลังการหารือร่วมกับวิป 3 ฝ่ายว่า ต้องใช้เวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญนาน 9 เดือน ว่า เรื่องกำหนด 9 เดือน เป็นเรื่องของนายกฯ

แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง ๆ เป็นเรื่องของสภา ซึ่งมีขั้นตอนข้อบังคับว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด สำคัญที่สุดคือสภาต้องยึดโยงกับประชาชน โดยส่วนตัวมองว่าถ้ารัฐบาลจริงใจจะดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่จำเป็นต้องนานถึง 9 เดือน สำคัญที่สุดคือต้องเร่งลงมือทำ เมื่อนายกฯ กับวิป 3 ฝ่ายคุยกัน ได้ข้อยุติ แล้วก็ควรดำเนินการทันที เพราะเวลาเหลืออีกไม่นานแค่เดือนเศษ ๆ ก็จะปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติแล้ว เมื่อทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าต้องเร่งแก้ปัญหา และคณะกรรมการสมานฉันท์ก็สรุปแนวทางไว้แล้ว ถ้ารัฐบาลจริงใจจะสร้างสมานฉันท์ในชาติ ควรไปตั้งงบประมาณไว้ 2 พันล้านไว้ทำประชามติ ถ้าไม่มีก็ต้องใช้งบกลาง


นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าถ้ารัฐบาลและสภาจริงใจจะแก้รัฐธรรมนูญก็ทำได้เร็ว และเมื่อนายกฯ ประกาศจะทำประชามติ ตามกฎหมายกำหนดให้ทำภายใน 90 วัน

แต่ไม่เกิน 120 วัน ซึ่งช่วงที่เหมาะสมที่จะทำประชามติ คือเมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านการพิจารณาวาระแรกไปแล้ว ก็ให้ตั้งกรรมาธิการไปขัดเกลามาแล้ว ก่อนที่จะนำกลับมาพิจารณาในวาระ 2-3 เพราะถ้าไปทำก่อนเสนอร่างแก้ไขคงไม่มีใครทำกัน และประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่าจะแก้ไขอะไรบ้าง อย่างไร


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์