ทำเนียบฯ 30 ก.ย. - นายกรัฐมนตรี ระบุการถอนกำลังทหารออกจากบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สภาฯ ต้องผ่านกรอบการเจรจา ยืนยันรัฐบาลไม่คิดเอาผลประโยชน์ชาติไปช่วยการเมืองต่างประเทศ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหาร
การปรับกำลังของกัมพูชาจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ฝ่ายไทยถ้าจะถอนกำลังทหารต่อเมื่อสภาฯ ให้ความเห็นชอบในกรอบของการเจรจา รัฐบาลยังยืนยันว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือประเด็นปัญหาเรื่องเขตแดน ซึ่งเดินไปตามกลไกที่ตกลงกันไว้ 2 ฝ่าย ตั้งแต่ปี 2543 คือใช้คณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)
“ระหว่างนี้ให้ยึดเจตนารมณ์ว่าไม่มีฝ่ายใดเข้าไปทำให้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่นั้นในลักษณะที่จะมีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ คือ ทำอย่างไรไม่ให้มีการปะทะกัน ถ้าจะมีลักษณะของพื้นที่ก็ให้เหมือนกับสมัยก่อน ถ้าเปิดให้ขึ้นไปท่องเที่ยว ก็มีคนไทย มีคนกัมพูชามาขายของ ในส่วนของปราสาทนั้น ศาลโลกบอกว่าเป็นของเขา ก็ให้อยู่ในลักษณะนั้น ก็จะเป็นสภาพคล้าย ๆ กับ 10 ปีที่แล้ว ดูจากคำอภิปรายของผมได้ตอนเป็นฝ่ายค้านว่า ให้ยึดตามข้อตกลงปี 43 เราถือสันปันน้ำ เมื่อมีเขตที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์อยู่ ก็จะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี แต่ไม่ไปยอมรับอะไรที่เกินเลยกว่าที่ศาลและคำวินิจฉัยของศาลโลก เรายังสงวนสิทธิ์ตามคำตัดสินของศาลโลกว่า ถ้ามีข้อมูลใหม่เราจำเป็นต้องโต้แย้ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับกรณีที่กัมพูชาพยายามหยิบยกปัญหาเข้าสู่เวทีโลกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรยกระดับเรื่องนี้
เพราะเป็นข้อตกลงของทั้ง 2 ฝ่าย เวลาที่มีความพยายามของกัมพูชาที่จะให้เป็นประเด็น รัฐบาลจึงระมัดระวังประเด็นไม่ให้นำไปสู่เวทีอื่น และเชื่อว่าในเวทีโลกจะเข้าใจ เพราะรัฐบาลทำความเข้าใจตลอดเวลา ระหว่างที่ไปสหรัฐตนได้ทำความเข้าใจกับเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และยูเนสโก และยืนยันจุดยืนของไทย
เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจกับสังคมได้อย่างไร การที่ ป.ป.ช.กล่าวอ้างว่าเอาผลประโยชน์ประเทศชาติไปช่วยการเมืองภายนอก นายกรัฐมนตรียืนยันว่าทุกเรื่องที่เราดำเนินการไม่มีประโยชน์ของคนอื่น นอกจากประโยชน์ของประเทศ ขอยืนยันว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่รัฐบาลนี้จะไปแลก.- สำนักข่าวไทย