เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 29 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
กล่าวกรณี สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขู่ยิงผู้บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ 4.6 กิโลเมตร พื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทเขาพระวิหารว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้ตรวจสอบเพิ่งเห็นจากข่าว คงจะมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องก็ต้องหาทางชี้แจงพูดจากันเพื่อคลี่คลายกันไป เมื่อถามว่า สมเด็จฮุนเซนระบุว่า หากคนของฝ่ายไทยล้ำเข้าไปพร้อมจะยิงทันที นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยิน ได้ฟังชัดเจน จึงขออนุญาตที่จะไม่วิจารณ์ไปก่อน แต่ก็ไม่ได้ไปบุกรุกประเทศเขา จึงไม่ต้องไปกังวลใจอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่และกระทรวงการต่างประเทศ หาข้อมูลในทางการข่าวอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เดี๋ยวคงมีรายงานมาไม่ต้องไปสั่ง เพราะกรณีมีข่าวว่ามีการพูดจาเช่นนั้น มีความหมายอย่างไรและมาจากสาเหตุอะไร แต่ตนเชื่อว่า ด้วยน้ำใสใจจริง นายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็เหมือนเราที่ต้องการสันติ ไม่มีเจตนาที่จะมาท้ารบอะไร
ต่อข้อถามว่านายกรัฐมนตรีกัมพูชามักให้สัมภาษณ์ ทุกครั้ง เหมือนชวนทะเลาะกับฝ่ายไทย ทั้งที่ฝ่ายไทยมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี นายสุเทพ กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดา
คนของเราหลายคนก็พูดจาเหมือนกับคนของเขา ตนไม่ทราบจริงๆ ว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชาพูดจริงอย่างนั้นหรือไม่ ทำไมต้องพูดอย่างนั้น แต่ไม่เป็นไรตนจะติดตามตรวจสอบดูและคงจะพูดคุยกัน ส่วนกรณีมีการระบุว่าสมเด็จฮุนเซนอาจจะไม่เดินทางมาประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ก็ต้องดูกัน และต้องคุยกัน ถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้ตนๆ ก็จะไปพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน
สุเทพรู้ใจฮุนเซน ออกแอ็กชั่น ไม่ได้เอาใจแม้ว
เมื่อถามว่าแต่ครั้งนี้สมเด็จฮุนเซนประกาศชัดว่าจะไม่ขอเจรจากับนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดจริง ๆ
สื่อบอกว่าแล้วถ้าจะให้ตนไปวิจารณ์ตามนั้นทันที เดี๋ยวก็เป็นเรื่อง ให้ทราบข้อเท็จจริงก่อน จึงจะสามารถชี้แจงได้ หากมีเรื่องที่ต้องแก้ไขก็ไปดำเนินการกัน ตอนนี้ยังไม่มีการยกหูโทรศัพท์เพื่อพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน ถ้ามีข่าวขึ้นมาแล้วไปพูดโดยไม่มีการตรวจสอบก็จะเสียรังวัด คงไม่ปล่อยเรื่องนี้เอาไว้นาน ใน 1-2 วัน คงจะตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนกรณี นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยรักชาติ เตรียมดูท่าทีเรื่องนี้เพื่อที่จะเคลื่อนไหวประเด็นปราสาทเขาพระวิหารอย่างต่อเนื่อง และจะจัดการสัมมนาในวันเดียวกันนี้ ตนคงไม่ไปวิจารณ์เดี๋ยวจะโกรธเคือง แต่ได้บอกไปตั้งแต่ไปเขาพระวิหารแล้วว่าต้องระมัดระวัง หากยิ่งทำอะไรไปจะยิ่งกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ แต่ละคนที่ทำอะไรก็ต้องระมัดระวังพอสมควร
นายสุเทพ กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ว่า อยู่ในความดูแลของ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการพูดคุยกัน ได้ให้นโยบายไว้ชัดเจนแล้วว่า
ทหารที่อยู่ในพื้นที่ต้องพยายามทำความเข้าใจกัน ต้องทำความเข้าใจนโยบายของรัฐบาลชัดเจนว่าต้องการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี เมื่อถามว่า นโยบายในเรื่องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นอย่างไร เพราะสมเด็จฮุนเซนระบุว่าใครรุกล้ำจะยิงทันที นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่า คงขยายความเกินไป ทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าแล้วว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่เป็นปัญหาอยู่ต้องให้คณะกรรมการปักปันเขตแดนเป็นผู้คลี่คลายแก้ไขปัญหา ไม่ให้มีการเข้าไปทำอะไรหรือเปลี่ยนแปลงสภาพ ยังยึดอยู่ในหลักนั้นอย่าเพิ่งไปขยายความให้ไกลเกินไป
เมื่อถามว่า ทางแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ถ้าเขมรยิงมาก็จะยิงกลับเพื่อไม่ให้รุกล้ำอธิปไตยไทย นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ธรรมดา ทหารจะปล่อยให้ยิงข้างเดียวได้อย่างไรก็ต้องว่ากันไป แต่ในส่วนของรัฐบาลนโยบายจริงๆ ไม่ต้องการให้ยิงกันได้กำชับกันไว้ ล่าสุดยังไม่มีการรายงานสถานการณ์ตามแนวชายแดนว่ามีความตรึงเครียดอย่างไร
ส่วนที่มีการมองว่ากัมพูชาพยายามใช้สื่อโจมตีฝ่ายไทยตลอดเวลานั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า คนในเขมรอ่านสื่อของเราแล้วมีความรู้สึกอย่างไร
แต่เราอยู่ฝ่ายนี้ฟังสื่อของเขมรก็รู้สึกอีกอย่าง ก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ค่อย ๆ ดูกันจะเอาอารมณ์เข้ามาใช้ไม่ได้กับเรื่องระหว่างประเทศ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการยกประเด็นเรื่องการเมืองของไทยเป็นผลทำให้เกิดปัญหา ระหว่างกัน นายสุเทพ กล่าวว่า เขาอาจจะถูกก็ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า สมเด็จฮุนเซนเคลื่อนไหวในช่วงนี้เป็นเพราะมีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงออกมากดดันทำให้เกิดปัญหาการเมืองในประเทศไทย และรัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่ตนได้รู้จักและสัมผัสกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา คิดว่า เป็นนักการเมืองอาชีพแยกแยะได้ว่าอะไรคือเรื่องส่วนตัว อะไรคือเรื่องบ้านเมือง และอะไรคือเรื่องระหว่างประเทศ ตนไม่เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะทำหรือจุดประเด็นเรื่องนี้เพื่อเอาใจใคร หรือให้สอดคล้องกับต้องการของใคร ตนเข้าใจดีว่า ในมุมมองของคนกัมพูชาอาจจะคิดอีกอย่างหนึ่ง อาจมองเรื่องที่ฝ่ายไทยคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ไปอีกด้านหนึ่งก็ได้ และอาจมองกรณีคนของเราที่พยายามที่จะเข้าไปในพื้นที่เหล่านั้นอีกมุมมอง หนึ่งก็ได้ ต้องพยายามเข้าใจแต่ทั้งหมดก็อยู่ในวิสัยที่จะพูดจาชี้แจงทำความเข้าใจกัน ได้ โดยหาแนวทางสันติในการแก้ปัญหาได้ นายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีการสอบถามเรื่องนี้มาที่ตน
อย่างไรก็ตามเรียนยืนยันได้เลยว่ารัฐบาลนี้จะไม่ยอมให้มีการสูญเสียดินแดน หรือเสียสิทธิที่เป็นของคนไทย
เป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้วถ้าใครไปทำอย่างนั้นก็เป็นความผิดและเราก็ไม่ต้องการให้เกิดสิ่งเหล่านั้นอยู่แล้ว เมื่อถามว่าการที่สมเด็จฮุนเซนออกมาประกาศรบกับประเทศไทยเป็นเพราะมีปัญหา การเมืองภายในกัมพูชาหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เขาจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าเขาไม่ออกมาแอ็กชั่นอะไรบ้าง