เมื่อเวลา 18.50 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์ทางไกลมาจากสหรัฐอเมริกา ระหว่างการร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 64
ณ นครนิวยอร์ก และการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ (G 20) ที่เมือง Pittsburgh ในระหว่างวันที่ 21-27 กันยายน 2552 ร่วมรายการข่าวค่ำช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ว่าเสียงสะท้อนจากนักลงุทนชาวต่างชาติที่ได้พบกับตนนั้นส่วนใหญ่เป็นไปในทางบวกโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่เห็นความก้าวหน้าใน 8-9 เดือนที่ผ่านมา ที่รัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน และตัวเลขต่างๆก็เพิ่มขึ้นโดยลำดับ แต่ก็มีเสียงสะท้อนเรื่องการเมืองบ้างว่ามีความสงบเรียบร้อยมากกแค่ไหน แต่เมื่อตอบตามแนวทางประชาธิปไตยก็ตอบรับในทางที่ดี ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าขณะที่การเมืองยังมีปัญหาอยู่บ้าง
แต่รัฐบาลมีความชัดเจนในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะไม่ให้กระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการดำเนินการตามแนวทางประชาธิปไตย
โดยเปิดโอกาสให้แสดงออกและรับฟังทุกฝ่ายภายใต้กฎหมายทำให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นในขณะนี้ โดยนักลงทุนชาวต่างชาติก็คงไม่อยากเห็นบ้านเมืองเราวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น และคงเหมือนประชาชนคนไทยทั่วไปที่อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า และถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมันไม่ได้กระทบกับรัฐบาล แต่กระทบกับประชาชนส่วนใหญ่ กระทบกับความเชื่อมั่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและรายได้ไปจนถึงการมีงานทำของคน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าสถานการณ์ประเทศไทยหลังการชุมนุมของคนเสื้อแดงก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยทำให้ทุกฝ่ายสบายใจมากขึ้น
เมื่อถามว่ามีข้อมูลว่าประเทศไทยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤติครั้งนี้ช้าที่สุดในเอเชีย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะเราติดตามตัวเลขอยู่ และก็เห็นตัวเลขฟื้นตัวมาพอสมควรโดยเฉพาะการคำนวนตัวเลขหากเทียบระหว่างไตรมาสที่สองกับไตรมาสแรก แต่ก็ต้องดูความลึกของตัวเลขตอนที่เศรษฐกิจตกไปด้วย เพราะมีอีกหลายตัวที่ตัวเลขเขาติดลบสูงกว่าเราในช่วงแรก เพราะฉะนั้นเวลาฟื้นตัวมันก็จะเร็วกว่า แต่การฟื้นตัวของภูมิภาคในภาพรวมก็จะไปในทางเดียวกัน เมื่อถามว่าตัวเลขของเอดีบีที่บอกว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัวร้อยละ 3.2
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวเลขของรัฐบาลจะอยู่ที่ ลบ 3ถึง 3.5 ก็จะสอดคล้องกัน