สภาเตรียมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประชามติ23ก.ย.
วันนี้ (22 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23-24 ก.ย. มีวาระการประชุมที่น่าสนใจ คือ วาระรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 9 เรื่อง อาทิ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบ และผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2550 รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2551 ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย
นอกจากนั้น มีวาระที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ... ซึ่งคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้วเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการร่วมกันของสองสภาได้แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาที่มีสาระสำคัญ อาทิ หมวด 1 บททั่วไป มาตรา 7 การกำหนดวันออกเสียงประชามติ ต้องไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 120 วัน นับแต่วันที่ประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา และภายในเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันประกาศให้มีการออกเสียงใด ถ้ามีผู้มีสิทธิออกเสียงเห็นว่า การให้มีการออกเสียงนั้น ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย สามารถฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้มีคำวินิจฉัยได้ มาตรา 10 การออกเสียงที่จะถือว่า มีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติ ต้องมีผู้มาออกเสียงเป็นจำนวนเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีจำนวนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น
หมวด 2 การให้ข้อมูล และการจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่จัดทำประชามติ หมวด 9 การคัดค้านการออกเสียง มาตรา 36 ผู้มีสิทธิออกเสียง หากเห็นว่า การออกเสียงในหน่วยใดเป็นไปโดยไม่สุจริต และเที่ยงธรรม มีสิทธิยื่นคำคัดค้านโดยมีรายละเอียดแห่งพฤติการณ์ หรือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า การออกเสียงนั้นไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อ กกต. ภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่การลงคะแนนออกเสียงสิ้นสุดลง มาตรา 37 เมื่อ กกต.รับคำคัดค้านแล้ว ให้พิจารณาสอบสวนโดยพลัน หากเห็นว่า การออกเสียงดังกล่าวไม่สุจริต ให้มีคำสั่งให้ออกเสียงใหม่ในหน่วยนั้น โดยต้องไม่ช้ากว่า 30 วัน นับแต่วันออกเสียง และคำวินิจฉัยของ กกต.ตามมาตรานี้ ให้เป็นที่สุด หมวด 10 ความผิด และบทกำหนดโทษ.