พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวิตข้อความถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า "แน่นอนครับ ผมพูดเสมอและก็เห็นพ้องกันว่าเราจะสู้ด้วยความจริงอย่างสันติครับ อีกไม่นานคงจะกระจ่างว่าใครโหดร้ายใครสั่งใช้ความรุนแรง"
พ.ต.ท.ทักษิณยังทวิตข้อความถึงการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ในการชี้มูลความผิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 รวมถึงภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า "เป็นการฟาดฟันกันทางการเมืองโดยไม่ยึดหลักแห่งนิติรัฐ นิติธรรม และหลักการบริหารราชการที่ดีก็จะเป็นอย่างภาพที่เห็นทุกวันนี้ละครับ"
นายบุบผา ศรีสุนันท์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.)
มอบอำนาจนายคารม พลทะกลาง ทนายความ ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ต่อศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 10.00 น. ว่าออกประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เขตดุสิต กทม. ระหว่างวันที่ 18 -22 กันยายน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการเดินทาง และสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในพื้นที่เขตดุสิตเป็นแต่เพียงการคาดหมายเอง ขอให้ศาลเพิกถอนข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ และขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ให้ระงับการบังคับใช้ข้อกำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯด้วย ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ฟ.54/2552 เพื่อพิจารณาว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจศาล และจะมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉินหรือไม่ต่อไป
ต่อมาศาลปกครอง สั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากบทบัญญัติตาม มาตรา 22 วรรค 2 พ.ร.บ.จัดตั้งศาล ระบุว่า การดำเนินคดีใดๆ อันเนื่องมาจากข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง ให้อยู่ในอำนาจศาลยุติธรรม
นายคารมยังยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ กับพวกที่เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวม 36 คนต่อศาลอาญา เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณี ครม.มีมติให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯทั้งที่การชุมนุมเพื่อแสดงการคัดค้านต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ