หมายเหตุ : เป็นคำแถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธาน เมื่อวันที่ 4 กันยายน เพื่อพิจารณารายงานความผิดของสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) และสมาชิกพรรครวม 4 คน ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการชุมชนพอเพียง ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมนุมพอเพียง ซึ่งมีนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นประธานเสนอมา
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้บุคคลที่เป็นสมาชิกพรรค 4 คน ได้แก่ นายพงศ์ศักดิ์ วุฒิชัย ส.ข.บางกะปิ นายศุภกิตติ สุคันธปรีย์ ส.ข.บางพลัด นายปรีชา ศรีวิไล สมาชิกพรรค และนายจเด็ด โพธิมาก สมาชิกพรรค ซึ่งเป็นประธานกรรมการชุมชนด้วย ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 100 ที่ให้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากตามข้อสรุปของคณะกรรมการของพรรคเห็นว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และอาจจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อพรรคประชาธิปัตย์ ในการที่จะนำเสนอโครงการให้แก่ชุมชน และร่วมกันก่อโครงการให้แก่ชุมชน โดยให้ชุมชนมีหน้าที่เพียงลงลายมือชื่อในโครงการเท่านั้น โดยไม่มีการประชุม หรือประชาคม ตามกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการชุมชน ส่อให้เห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะทำให้พรรคเสียหาย ตามข้อบังคับพรรคหมวด 12 ว่าด้วย วินัย และจรรยาบรรณของสมาชิกพรรค ข้อ 91 ที่ระบุว่าสมาชิกพรรคต้องประพฤติตนไม่ให้เป็นที่เสียหายแก่พรรค ทั้งนี้ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าพฤติกรรมของคนทั้ง 4 เข้าข่ายละเมิดกฎหมายฉบับใด ก็ขอให้ดำเนินการเอาผิดได้
คณะกรรมการของพรรคได้พิจารณาว่า
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบุคคทั้ง 4 ไม่มีลักษณะของการได้ผลประโยชน์โดยตรงแต่อย่างใด และไม่พบว่าบุคลากรในพรรค รวมทั้งบุคคลทั้ง 4 คน จงใจในการกระทำทุจริต แต่เป็นการดำเนินการตามจรรยาบรรณของพรรค นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาในส่วนของโครงการอื่นที่คณะกรรมการของพรรคได้พิจารณาในเขตพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พบว่ามีความพยายามสมคบกันระหว่างนักการเมืองท้องถิ่นหลายพรรค หลายภาค ร่วมกับผู้นำชุมชน ผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาจากโครงการอยู่ดีมีสุข และโครงการเอสเอ็มแอล เช่น กรณีการสอบปุ๋ยใน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแกนนำพรรคเพื่อไทย ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จึงหวังว่าทุกพรรคการเมืองจะดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องที่กระทำตัวไม่เหมาะสมกับทุกโครงการในมาตรฐานเดียวกัน
ที่ประชุมยังเห็นอีกว่า
นักการเมือง และผู้มีอิทธิพลที่เข้าไปเกี่ยวข้องโครงการอื่นๆ เป็นการทำในลักษณะอาศัยช่องว่าง และระเบียบในการดำเนินการโครงการชุมชนพอเพียง ซึ่งเป็นการสมคบกันของเจ้าหน้าที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงการเดียวกันในอดีต มาสวมทับโครงการชุมพอเพียงในปัจจุบัน และการดำเนินการดังกล่าวผู้กำกับในระดับนโยบายปัจจุบัน ไม่ได้รับรู้หรือละเว้น ไม่ว่าจะเป็นนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการบริหารโครงการ หรือนางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกฯ ในฐานะกรรมการบริหารโครงการ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าไม่มีส่วนกี่ยวข้องใดๆ กับการทุจริตในโครงการชุมชนพอเพียง
@การลงโทษเพียงสมาชิกพรรคทั้ง 4 คนถือเป็นการตัดตอนเพื่อไม่ให้ไปถึงบุคคลที่สูงกว่านี้หรือไม่
ยืนยันว่าไม่มีการตัดตอน ไม่มีการจับแพะ และไม่มีการปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่การดำเนินการในส่วนของกฎหมายนั้น ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว และจากการสอบสวนพบว่าบุคคลทั้ง 4 ทำการอยู่ในขั้นพยายาม หรือเตรียมการ ซึ่งในทางกฎหมายถือว่าความผิดยังไม่สำเร็จ แต่ในส่วนของพรรคถือว่าบรรทัดฐาน และจรรยาบรรณต้องมาก่อน ผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต้องมีมาตรฐานที่สูงกว่ามาตรฐานทางกฎหมาย