วันนี้(26 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553
ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่ยอมบรรจุระเบียบวาระการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ในวาระที่ 2 และ 3 ระหว่างวันที่ 26-27 ส.ค. เพราะต่อรองกับนายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง จนรัฐสภาได้งบเพิ่ม 94 ล้าน ว่า ตนไม่ได้พูดอะไรกับใครทั้งสิ้น ก็ทำตามกระบวนการ เอกสารของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณ ที่นายกรณ์เป็นประธานส่งมาถึงสภาในวันที่ 24 ส.ค. ตนก็บรรจุระเบียบวาระในวันดังกล่าว ไม่ได้ผิดอะไร ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ขอให้ดูในเอกสารได้ เพราะเป็นเอกสารทางราชการ จะไปทำปลอมอะไรได้
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยระบุประธานสภาฯพอใจที่สามารถโยกงบจากกรมทางหลวง 94 ล้านมาให้รัฐสภาได้ นายชัยกล่าวเสียงสูงว่า
“ไม่ใช่ ไม่มี มันไม่ใช่เข้ากระเป๋าผม เรื่องนี้มันเรื่องของทางราชการ” เมื่อถามว่า แต่ก่อนหน้านี้เคยแสดงความน้อยใจที่รัฐสภาถูกตัดงบ นายชัย กล่าวว่า ไม่มีน้อยใจกับใครทั้งสิ้น ตนก็ปรามอยู่เสมอ ตนทำอะไรก็ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรอ้อมค้อม เมื่อถามต่อว่าแต่มีการกล่าวหาว่าเงินที่ได้มาเชื่อมโยงการวางมัดจำบริษัทเอกชน นายชัย กล่าวว่า ไม่เป็นไร เราเป็นคนสาธารณะ ใครจะว่าอย่างไร เราก็ต้องยอมรับ
นายชัย ยังกล่าวถึงปัญหาในข้อกฎหมายต่อเรื่องการออกเสียงลงคะแนนของรัฐมนตรี 22 คน ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2553 ว่า ถ้าเป็นเรื่องงบประมาณโหวตไม่ได้
เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่มีส่วนได้เสีย ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะใช้สิทธิลงคะแนนตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นมานั้น ถ้าจะโหวตก็ไม่เป็นไร และตนคงไม่ไปแนะนำอะไร เพราะทุกคนรู้กฎหมาย แต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ก็ต้องการให้งบประมาณออกมาเพื่อจะได้พัฒนาประเทศชาติ ถ้าไม่มีงบประมาณก็บริหารบ้านเมืองไม่ได้
ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า รัฐมนตรีของทั้ง 6 คนได้พูดคุยกัน คิดว่าคงจะไม่โหวตในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2553
เพราะเป็นเรื่องที่มีส่วนได้เสีย ซึ่งจนขณะนี้ยังไม่มีใครตีความเรื่องนี้ชัดเจน ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะร่วมลงมติด้วยนั้น ก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ของท่าน แต่คนที่ร่วมโหวตอาจถูกคนไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ ตนขี้เกียจไปป.ป.ช. อีกทั้งในความเป็นจริงเสียงส.ส. ของรัฐบาลก็พออยู่แล้ว.