จับตา...ศึกชิงเก้าอี้ผบ.ตร. ระวัง! มอบชัยชนะให้ตาอยู่

ถึงนาทีนี้ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่า "ศึกชิงเก้าอี้" ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะจบลงอย่างไร หลังเกิดการประลองกำลังระหว่าง "คน 2 ขั้วในหัวเดียว" กลางที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา

โดยฝ่าย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ต.ช. สนับสนุน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นแท่น ผบ.ตร. คนใหม่

ขณะที่ฝ่าย เนวิน ชิดชอบ และ อนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคภูมิใจไทย ผนึกกำลังกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผลักดัน "เพื่อนร่วมวง" ที่ชื่อ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.คั่วเก้าอี้ "เจ้าสำนักปทุมวัน"

ทว่าในการประชุมนัดดังกล่าว "อภิสิทธิ์" กลับเสนอชื่อ "พล.ต.อ.ปทีป" ให้ที่ประชุมพิจารณาเพียงชื่อเดียว จึงมีความหมายชัดเจนว่า "จะเอา" และต้องมั่นใจว่า "ได้แน่"

เพราะถ้าพลาด นั่นหมายถึง "เสียคน"

ว่ากันว่าใน "คืนหมาหอน" ประธาน ก.ต.ช.ได้ไล่เช็คเสียงและสามารถรวบมือ ก.ต.ช.ไว้ได้เกือบหมด

แต่สุดท้ายคะแนนโหวตกลับผันแปรไปตาม "เงื่อนไขพิเศษ" โดยหัวหอกฝ่ายเสียงข้างมากได้อ้าง "เหตุผลสำคัญ" ในการผลักดัน "พล.ต.อ.จุมพล" ขึ้นแทน "ประมุขสีกากี"

ทำให้มติ ก.ต.ช.ออกมาแบบตบหน้า "ผู้นำ" คือไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อ "พล.ต.อ.ปทีป" เป็น ผบ.ตร.คนใหม่เพียงชื่อเดียว ด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 งดออกเสียง 2 คน

โดยปรากฏภาพ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และ วิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย โหวตสวนนายกฯ ทั้งที่โดยมารยาทหาก "ผู้ใต้บังคับบัญชา" ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ "หัวโต๊ะ" นำเสนอ น่าจะงดออกเสียงมากกว่า

คำถามที่เกิดขึ้นคือ "เหตุผลสำคัญ" ที่ว่านั้นคืออะไร

ทำไม "อภิสิทธิ์" ถึงกล้าแหกโผดังกล่าว?

หากไล่เช็คปูมหลังของ 2 แคนดิเดต ผบ.ตร.จะพบว่า "พล.ต.อ.ปทีป" ถูกมองว่าเป็นนายตำรวจ "ฝ่ายบุ๋น" ที่โตจากสาย "ธุรการ" ถนัดงานบริหารบุคคลและงบประมาณ

ขณะที่ "พล.ต.อ.จุมพล" ถูกมองเป็น "ฝ่ายบู๊" เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนสอบสวน อีกทั้งยังเป็นมือประสานสิบทิศ เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับผู้มากบารมีหลายกลุ่ม หลายวงการ

แม้ด้านหนึ่งการมี "ซุปเปอร์คอนเน็กชั่น" จะเป็นผลดีต่อการเดินเกม "ล็อบบี้" สารพัดกิจการงาน

แต่อีกด้านหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจทำให้ผู้เป็น "นาย" รู้สึกคลางแคลงใจกับสถานะ "ข้าหลายเจ้า บ่าวหลายนาย" ในภาวะที่การเมืองเปราะบาง

ทำให้มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึง "บทสนทนาสำคัญ" ใน "พื้นที่พิเศษ" ที่ถูกถ่ายทอดไปยัง ก.ต.ช. จนนำมาสู่การคว่ำข้อเสนอนายกฯ

โดยมี "วรรคทอง" ว่า "ผมไม่ใช่ลูกน้องทักษิณ แต่..." !!!

หลังตกเป็นผู้เพลี่ยงพล้ำในยกแรก "หัวขบวนเสียงข้างน้อย" เกิดเช็คได้ว่ารายการนี้น่าจะเป็นการ "อ้าง" มากกว่าเป็นเรื่อง "จริง" จึงมุดเข้าบ้านพักในซอยสุขุมวิท 53 ของ นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในช่วงเช้าของวันที่ 21 สิงหาคม เพื่อตรวจสอบ "การข่าว" ที่ได้มา

ไม่มีใครรู้ว่า "นิพนธ์" ยืนยันข้อมูลของฝ่ายไหน?

แต่ที่แน่ๆ ข้อมูลในมือ "อภิสิทธิ์" เป็นข้อมูลชุดเดียวกับอดีตนายกฯ ที่ชื่อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เขามีความมั่นใจในการ "สู้" มากขึ้น

"ผู้นำหน้าแหก" เปิดฉาก "เอาคืน" ด้วยการทำสงครามข่าวลือทันที โดยส่ง "พลทหาร" ออกเดิน "เกมใต้ดิน" ทั้งปล่อยข่าวยุบสภา ปรับ ครม. ขับ ภท. ออกจากรัฐบาล รวม ถึงไล่บี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เร่งชี้มูลความผิดคดีปราสาทพระวิหาร เพื่อยืมดาบ ป.ป.ช. เชือด 1 ในผู้ถูกกล่าวหาที่ชื่อ "ชวรัตน์" บ้าง

ทั้งนี้ เพื่อดึง 1 เสียงของ มท.1 กลับมาอยู่ในมือ

และน่าจะทำให้ได้อีก 1 เสียงของปลัด มท.กลับมาพร้อมกัน

นอกจากนี้หากนายกฯสั่งย้าย พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มาช่วยราชการ ที่สำนักนายกฯ แล้วตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ.10 รักษาราชการ แทน ผบ.ตร.ก็จะทำให้ได้เสียงเพิ่มอีก 1 เสียงด้วย

นั่นหมายความว่าในการประชุม ก.ต.ช.นัดหน้า "อภิสิทธิ์" จะกุมเสียงข้างมากใน ก.ต.ช.ได้ 7-2 เสียง

ขณะที่ "ภารกิจบนดิน" ของ "ทั่นผู้นำ" คือการยืนยันหลักการเดิม พร้อมหยั่งเชิง ฝ่ายต่างๆ ว่ามีปฏิกิริยาอย่างไรหากจะเข็น "พล.ต.อ.ปทีป" ขึ้นแท่น ผบ.ตร.อีกคำรบ

เพราะถ้า "บิ๊กจุ๋ม" วิน ย่อมหมายถึง "หอกข้างแคร่" วิน

ตรงนี้จะทำให้ "อภิสิทธิ์" กลายเป็นนายกฯที่มีอำนาจแต่ปกครองไม่ได้ ขนาดจะตั้ง ผบ.ตร.คนเดียวยังไม่มีปัญญา

การตั้ง ผบ.ตร.จึงเป็นปัญหาท้าทายต่อภาวะผู้นำของ "อภิสิทธิ์" ยิ่ง

อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ได้ขึ้นชื่อว่ามีความสามารถในการบริหารวิกฤต แม้ "อภิสิทธิ์กับพวก" จะคิดถึง "ชัยชนะ" ในศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ครั้งนี้ แต่คงไม่ฉลาดนักหากเขาจะฆ่า "อริ" ตายยกครัว

เพราะจะทำให้ประชาธิปัตย์เดินเข้าสู่สนามรบ และต้องออกทำศึกใหญ่ (กว่า) ไปโดยปริยาย

ตรงกันข้ามหากเขาเลี้ยง "เนวินและผองเพื่อน" ไว้ในฐานะ "เชลย" สถานะ "นายกฯคนที่ 27" และ "รัฐบาล" ก็จะอยู่ในการควบคุมของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

จึงมีความเป็นไปได้ว่าโฉมหน้า ผบ.ตร.คนใหม่ อาจออกมาในลักษณะ "แหกทุกโผ" เพื่อรักษาหน้าตา-ศักดิ์ศรีของ "อภิสิทธิ์" และรักษาไมตรีกับพรรคร่วมรัฐบาล

ท้ายที่สุด "ศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร." อาจจบลงด้วยการสถาปนา "คนที่ 3" ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ชนิดที่บรรดาตัวเก็งก็ยังคาดไม่ถึง ล่าสุดเริ่มมีรายชื่อ "แคนดิเดต ล็อต 2" ออกมาแล้ว อาทิ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. อดีตนายตำรวจราชสำนัก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี หลานอดีตสมุหราชองครักษ์ หรือแม้แต่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รอง ผบ.ตร. อดีตนายเวร พล.ต.อ.เภา สารสิน เมื่อครั้งเป็นอดีตอธิบดีกรมตำรวจ

"ศึกใน" ในรัฐบาล "อภิสิทธิ์" ที่เกิดขึ้นจึงเป็นการรบเพื่อมอบชัยชนะให้ "ตาอยู่" โดยแท้!!!

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์