คมชัดลึก :อ่านข่าวคำให้สัมภาษณ์ของ คุณกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ จากนิวซีแลนด์ครั้งล่าสุด กับของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ประเด็นเดียวกันคือ ข้อหาก่อการร้ายจากการปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
อารมณ์ของสองท่านนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณกษิต บอกว่าต่อไปนี้ไม่เกรงอกเกรงใจใครอีกแล้ว ผมสงบ เสงี่ยมมานานแล้ว
เพราะเห็นว่าอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในรัฐบาล แต่ตอนนี้ถ้าจะรุมกินโต๊ะคนเดียว ก็จำเป็นต้องลุกขึ้นสู้ ไม่ต้องเกรงใจใครอีกแล้ว คุณกษิตใช้สุ้มเสียงและถ้อยคำที่ดุเดือดรุนแรงกับคนที่เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่ว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ ประกาศชัดเจนว่า เป็นทหารต้องหาสนามรบเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวเอง ต้องหาประสบการณ์จากชีวิต ไม่ได้กลัวตาย มาถึงวันนี้เป็นสนามรบที่ต้องรบกับสงครามภายในชาติ ที่จะทำให้ชาติล่มจมหรือไม่ล่มจม กับพวกโกงเลือกตั้งแล้วเข้ามามีอำนาจประโยชน์ให้แก่ตัวเอง
พล.อ.ปฐมพงษ์ บอกว่า ที่บอกว่าจะต้องตายติดคุกก็เฉยๆ เรื่องปกติ วันที่ 16 กรกฎาคม บอกทุกคนเลยว่าให้ไปที่สโมสรตำรวจ ไม่หนีไปไหนหรอก
ถ้าใครจะโดนจับติดคุกให้เลิกซะทีเรื่องจะเอาข้าวผัด โอเลี้ยงไปให้ ขอเป็นแกงไตปลาบ้างเถอะ นี่คือชีวิตของคนต่อสู้ อย่ามาคิดว่าสบายเพราะถ้าจะสบายก็อย่ามาต่อสู้ เสียงของพล.อ.ปฐมพงษ์ นี่ปักหลักสู้ เสียงของคุณกษิต ภิรมย์ ก็ปักหลักสู้เหมือนกัน แต่สู้ด้วยอาการที่ค่อนข้างดุเด็ดเผ็ดมัน คล้ายๆ กับจะบอกว่า ใครที่เสนอให้ลาออกนั้นมีเจตนาร้ายกับคุณกษิต ทั้งสิ้น และยังย้อนถามว่าแล้วทำไมไม่วิจารณ์คนอื่น นักการเมืองที่โกงกินทั้งหลายแหล่มีเต็มบ้านเต็มเมือง ทำไมจึงมารุมกินโต๊ะคุณกษิตแต่เพียงคนเดียว
คุณกษิต บอกว่า มีทหารบางคนพยายามกดดันนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะให้เขาออกจากตำแหน่ง แต่ว่าคุณกษิตไม่บอกว่าเป็นใคร เพียงแต่ท้าให้มาดีเบตผ่านสื่อโทรทัศน์
เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของคุณกษิตกับของ พล.อ.ปฐมพงษ์ นั้นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง พล.อ.ปฐมพงษ์ ปักหลักสู้แล้วบอกว่าไม่มีถอยหรอก ขอแกงไตปลาแทนข้าวผัดก็แล้วกัน แต่ว่าคุณกษิต ดูเหมือนจะมีความกดดันอึดอัดเป็นพิเศษ สู้เหมือนกันแต่สู้ลักษณะที่ออกมาอาละวาดฟาดฟันกับคนที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ฉะนั้นผมก็เลยรู้สึกขำๆ
ขำๆ ว่า คุณกษิต กับพล.อ.ปฐมพงษ์ ขึ้นเวทีเดียวกัน ถูกข้อหาเดียวกัน แต่ปฏิกิริยาที่ออกมามีอารมณ์กันคนละเรื่องคนละราวเลย
คนหนึ่งสู้อย่างโฉ่งฉ่างถึงแม้จะเป็นนักการทูตอาชีพ อีกคนหนึ่งสู้แบบนักรบเก่าที่เจนสนามรบ ถึงแม้คราวนี้จะเป็นสนามการเมืองก็ตาม จับตาดูให้ดีว่า ผลที่จะตามมาสำหรับทั้งสองคน เวทีเดียวกัน ข้อหาเดียวกัน สู้คนละแบบนั้น ผลสุดท้ายจะจบอย่างไรสำหรับทั้งสองท่านนี้