คมชัดลึก :"สาทิตย์” เร่งออกกม.แก้ปัญหา “เอสเอ็มเอส” กวนใจชวนซื้อของ-ทำประกัน เผย สคบ. สั่ง “คกก.ว่าด้วยสัญญา” ศึกษาสัญญาที่ประชาชนทำกับ “บัตรเครดิต” เข้าลักษณะสัญญาที่ไม่เป็นธรรม หรือทำให้คู่สัญญาเสียเปรียบหรือไม่ เตรียมศึกษาโดยเร็วเพื่อเสนอต่อ สคบ. ต้นเดือนก.ค.นี้.
(15 มิ.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า จากกรณีผลการสำรวจความเห็นประชาชนของเอแบคโพลล์ที่ระบุว่า
ประชาชนเดือดร้อนรำคาญใจจากเอสเอ็มเอสขายสินค้า ดูดวง บริษัทประกันภัย ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) จึงตระหนักถึงเรื่องนี้ และได้มีการหารือกันโดยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลพบว่า ยังไม่มีกฎหมายห้ามโดยเฉพาะ เขาจึงได้ขอให้สคบ.หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ และนำเสนอกลับเข้ามาให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่า ในกรณีเอสเอ็มเอสขายสินค้านั้น อาจจะใช้แนวทางของต่างประเทศ ที่ใช้วิธี DO NOT CALL CENTER โดยสามารถแจ้งผ่านศูนย์ว่าจะไม่รับข้อมูลเหล่านี้
ส่วนกรณีโทรศัพท์เชิญชวนทำประกันภัยนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า มีระเบียบที่ทุกคนไม่ค่อยทราบว่า ผู้รับมีสิทธิ์ถามว่า เอาเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวมาจากไหน และห้ามคนที่โทรมาแล้วเราปฏิเสธ โทรซ้ำ ขณะเดียวกันกำลังหาที่มาของการได้ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งมีแนวโน้มว่า เป็นข้อมูลจากโอเปอเรเตอร์ ดังนั้น จึงมีแนวคิดที่จะผลักดันกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
นายสาทิตย์ ยอมรับว่า มีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะยังมีปัญหาเรื่องการจำกัดความคำว่า ข้อมูลส่วนบุคคลว่า จะครอบคลุมแค่ไหนอย่างไร จึงต้องรอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้เสร็จก่อน
“ผมคิดว่า จะพยายามทำให้กฎหมายฉบับนี้ เข้าสู่การพิจารณาของสภาในสมัยประชุมหน้า เพราะดูแล้วมีความจำเป็น เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลส่วนบุคคลถูกละเมิดกันมาก อย่างกรณีโทรศัพท์นี่ชัดที่สุด หรือแม้แต่กรณีที่เราเป็นเจ้าของรถยนต์อยู่ ๆ บริษัทประกันภัยรู้ได้อย่างไรว่า เราเป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้ และไม่ใช่รู้บริษัทเดียว รู้สามสี่บริษัทแล้วโทรมาขายประกัน บางทีขายสมาชิกโรงแรม สมาชิกสปา สมาชิกบัตรเครดิต เยอะมาก อย่างนี้ในต่างประเทศเขาถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ ผมเชื่อว่าทั้งสองเรื่องนี้น่าจะทำได้เลย ในเดือนกรกฎาคมนี้ก็น่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้"
เขาบอกว่า ในเบื้องต้น ได้ให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโอปะเรเตอร์ เจ้าของโทรศัพท์ทั้งหลายว่า เรื่องการคุ้มครองข้อมูลต้องทำ ขอความร่วมมือไปยังกรมการประกันภัยว่า ให้กำชับไปยังบริษัทประกันภัยว่า อย่าทำอะไรในลักษณะที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญกับประชาชน
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาสัญญาบัตรเครดิตที่มีการระบุว่า ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตสามารถหักบัญชีได้ทันทีที่เกิดหนี้
ผลกระทบที่ตามมาคือ การหักหนี้ดังกล่าว เกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับได้ เพราะบางทีการไม่ชำระบัตรเครดิต ไม่เป็นเพราะมีหนี้แล้วไม่จ่าย แต่อาจเกิดจากหนี้เพราะบัตรหายแล้วอายัดไม่ทัน หรือถูกขโมย เรื่องนี้ต้องมีวิธีแก้ไข ไม่ให้ธนาคารใช้สิทธิ์เหนือผู้ทำบัตรเครดิต ทั้งนี้ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มอบให้คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ไปดูสัญญาที่ประชาชนทำกับบัตรเครดิต เข้าลักษณะสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ หรือเข้าลักษณะสัญญาที่ทำให้ผู้เป็นคู่สัญญาเสียเปรียบหรือไม่ โดยให้ศึกษาเรื่องนี้โดยเร็ว เสนอต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้