สนธิแจงไม่ขยับจนกว่าจะตั้งพรรคการเมืองใหม่เสร็จ

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ข้อสรุปการจัดตั้งพรรคการเมืองร่วมกันแล้ว โดยเตรียมยื่นขอจดแจ้งใช้ชื่อ "พรรคการเมืองใหม่"

ระยะแรกจะให้นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และนายสุริยะใส กตะศิลา เป็นเลขาธิการพรรคชั่วคราว  ทั้งนี้ แกนนำ พมธ. อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสุริยะใส กตะศิลา รวมถึงตัวแทนจากภาคต่างๆ ร่วมหารือกันเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 มิถุนายน ที่บ้านพระอาทิตย์ จากนั้น นายสมศักดิ์และนายสุริยะใสแถลงผลการหารือร่วมกันถึงการตั้งพรรคการเมืองใหม่


นายสมศักดิ์กล่าวว่า การประชุมวันนี้มีผู้เข้าร่วม 21 คน เพื่อพิจารณาก่อตั้งพรรคการเมืองตามมติการชุมนุมใหญ่ วันที่ 25 พฤษภาคม ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ว่า ให้ตั้งพรรคชื่อ "พรรคการเมืองใหม่"  มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า New Politics Party ชื่อย่อภาษาไทย ก.ม.ม. และภาษาอังกฤษ NPSP

นายสุริยะใสกล่าวว่า ทั้ง 21 คน ที่เข้าประชุมวันนี้ ผ่านความเห็นชอบของ 5 แกนนำ ที่ใช้หลักการคัดเลือกโดยยึดโยงกับตัวแทนภาค ตัวแทนสาขาอาชีพ และกลุ่มองค์กรแนวร่วมที่ร่วมเคลื่อนไหว

"ทั้งหมดนี้ถือเป็นตำแหน่งชั่วคราว หลังจากนี้ถ้า กกต.รับรองการจดทะเบียนแล้ว ทางพรรคจะประชุมเพื่อคัดเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ทุกตำแหน่งอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยสีของพรรค คือสีเหลืองกับสีเขียว สีเหลือง คือ การเชิดชูระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรืออุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  สีเขียว คือ การเมืองสะอาด หรือการเมืองที่ไร้มลพิษ ซึ่งมีความหมายในประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องทรัพยากร และความเป็นธรรมทางการเมือง สำหรับโลโก้พรรค ที่ประชุมแล้วให้ไปปรับปรุง วันที่ 4 คงได้เห็นรายละเอียด" นายสุริยะใสกล่าว

ส่วนรายชื่อกรรมการบริหารพรรคที่ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควรนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้คือผู้ก่อตั้ง ก็คิดว่าไม่จำเป็น

เพราะแค่ผู้ก่อตั้งก็น่าจะมีคนรู้จักพอสมควรแล้ว หัวหน้าพรรคคิดว่าคนรู้จักเยอะแล้ว เลขาธิการพรรคก็รู้จักกันเยอะ และคีตาญชลีคนรู้จักกันทั่วประเทศแล้ว ในส่วนที่ทำการพรรคนั้น ใช้บ้านเลขที่ 93/360 หมู่ที่ 5 ต.อนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. ไม่ได้ใช้บ้านพระอาทิตย์

ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดหมายพรรคการเมืองใหม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ที่นี่ไม่ใช่ร้านขายของ แต่เป็นลักษณะนำเสนอให้ประชาชน เห็นว่าการเมืองใหม่มายังไง

"จุดของเราก็คือว่า เราส่งเสริมให้คนดีที่มีประวัติศาสตร์ตรวจสอบได้มาเป็นผู้ปกครองเรา เพราะว่าบ้านเมืองทุกวันนี้มันมีปัญหาเรื่องการคอร์รัปชั่น จุดขายของเราก็คือว่า ผู้ที่เข้ามาทำงานตรงนี้จะต้องมีประวัติศาสตร์ นอกจากจะไม่คอร์รัปชั่นแล้ว จะต้องเป็นคนที่เกลียดคอร์รัปชั่น และต่อต้านการคอร์รัปชั่น และจะต้องมีการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และรักษาชาติ ศาสนา และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากนั้น เราก็จะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางตรงให้มากในการตรวจสอบการตัดสินใจในการดำเนินการในด้านปัญหาเศรษฐกิจ ในด้านสิ่งแวดล้อม อะไรก็ตามที่กระทบกับประชาชน คือให้เป็นไปตามเจตจำนงในการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างจริงจัง" นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ที่สำคัญจะต้องทำให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับองค์ความรู้ด้านข้อมูลข่าวสารได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม เสมอภาค

รวมทั้งการกระจายรายได้และผลประโยชน์ที่เป็นทรัพยากร และที่ผลิตได้ ให้กับสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม นี่คือเป้าหมาย ทิศทางที่จะนำให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการเมืองใหม่อย่างไร ไม่ใช่แบบเก่าๆ อย่างแน่นอน

"ฉะนั้นอยากให้ประชาชนได้เปรียบเทียบได้ว่าจุดยืนของเราเรื่องการทุจริต การคอร์รัปชั่น เราจะต้องจัดการอย่างเด็ดขาด และให้คนยอมรับเคารพตามกฎหมาย" นายสมศักดิ์กล่าว

สำหรับคดีความต่างๆ ของ พธม.นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ได้ปรึกษาแล้ว เพราะว่าคดีมันอยู่แค่การกล่าวหา อยู่ในกระบวนการของศาล

ตามรัฐธรรมนูญก็คือว่าผู้ถูกกล่าวหาเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์ มันไม่มีผลอะไร  "อย่าลืมนะครับว่ากรรมการชุดนี้คือชุดก่อการที่จะไปจดทะเบียน หลังจากที่ กกต.รับรองว่าตรวจสอบเอกสารถูกต้องแล้ว ก็จะต้องมาเลือกตั้งใหม่ ภายใน 60 วัน ตามกฎหมาย ตามข้อบังคับของพรรค" ว่าที่หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่กล่าว นายสมศักดิ์กล่าวว่า นายสนธิ ไม่ได้เป็นผู้ก่อการอะไรเลยตอนนี้ นี่เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากันในชุดที่ 2 ว่าจะลงมาสมัครเป็นกรรมการบริหารหรือไม่ อย่างไร วันนี้เอาเฉพาะ 21 คนมาตรงนี้ก่อนว่ามีคุณสมบัติถูกต้องหรือไม่ ก็ต้องให้ กกต.เป็นผู้ตรวจสอบ ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ไม่เลือกนายสนธิเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเพราะติดคดีความต่างๆ หรือไม่ สมศักดิ์กล่าวว่า "ไม่เกี่ยวครับ นี่เป็นผู้ก่อการ อย่างที่เรียนแล้วว่าหลังจากก่อการแล้วก็จะมีการเลือกตั้งกันอีกครั้งหนึ่ง กระบวนการคัดสรรต่างๆ ก็จะมาอีกครั้งหนึ่ง"

นายสนธิที่ร่วมสังเกตการแถลงอยู่ด้วย กล่าวว่า จุดเริ่มต้นในการตั้งพรรคของ พธม. เสื้อเหลือง จะทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคต้องปรับตัวเอง

การที่กลุ่มผู้ก่อตั้งพรรคร่วมชุมนุมมาจากตัวแทนมาจากหลายส่วนมีผู้หญิงหลายคน เป็นการแสดงออกถึงความโปร่งใสตั้งแต่เริ่มต้น แกนนำ พธม.ทั้ง 5 คนตกลงกันว่าจะไม่ขยับอะไรทั้งสิ้นจนกว่าพรรคตั้งได้แล้ว มีสมาชิกพรรคเข้ามาแล้วตามกฎหมายพรรคการเมือง ภายในไม่เกิน 1 ปีจะต้องประชุมใหญ่ แต่เข้าใจว่าคงไม่ยาวขนาดนั้นอย่างน้อย 60 วันคงสมัครเข้ามาหลายหมื่นคนแล้วเมื่อถึงเวลาเลือกคณะกรรมการบริหาร การเลือกคณะกรรมการบริหารจะสนุกมาก เพราะจะไม่ใช่เจ้าของพรรคสั่งมาจะเอาคนโน้นคนนี้ จะมีการเสนอชื่อจริงและจะมีการเสนอชื่อแข่ง

"การตั้งพรรคการเมืองของ พธม.ผมจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง การเลือกหัวหน้าพรรคให้สิทธิเลือกกันอย่างเสรี มีคนในที่ประชุมเสนอให้สุริยะใส เป็นหัวหน้าพรรคด้วย นี่ขนาดเป็นคณะกรรมการบริหารชั่วคราว เป็นเพียงแค่เครื่องมือหนึ่งของพันธมิตรเท่านั้น พันธมิตรหลายคนอาจจะ วันใดก็ตามเมื่อพรรคนี้เริ่มเพี้ยน เริ่มไม่มีอุดมการณ์ พันธมิตรก็จะถอยห่างจากพรรคนี้ทันที"  นายสนธิกล่าว

ขณะที่ความเคลื่อนไหวส่วนอื่นๆ นั้น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ย้ำอีกครั้งว่า ไม่ทราบว่าข่าวทั้งเป็นหัวหน้ากลุ่ม 40 ส.ส.

หรือเรื่องการคิดย้ายพรรคออกมาจากไหน แต่ยืนยันได้ว่าไม่เคยคิดย้ายพรรคแม้แต่วินาทีเดียว เช่นเดียวกันยืนยันว่าตลอด 8 ปีที่อยู่ประชาธิปัตย์ไม่เคยต่อรองตำแหน่งแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนตัวคิดว่าผู้ใหญ่ภายในพรรคน่าจะเข้าใจหมดแล้ว ทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และคนอื่นๆ เพราะทุกคนรู้นิสัยและพฤติกรรมดีว่าเป็นอย่างไร

ส่วนเรื่องที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค ระบุว่านายวิรัช ปิยะพรไพบูลย์ พี่ชายนายเฉลิมชัยประสานเพื่อขอเข้าชี้แจงกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรค

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น ข้อเท็จจริงพี่ชายสนิทกับนายไตรรงค์ ก็คงเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดให้นายไตรรงค์ทราบ และก็เชื่อว่านายสุเทพ ก็คงเข้าใจตนเช่นเดียวกับนายกฯ จึงไม่ได้คุยกันเพราะคิดว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเคยบอกแล้วว่ากับนายกฯ แค่มองตาก็รู้ใจแล้ว

"ผมยืนยันว่าไม่เคยมีอคติกับพรรคแม้แต่นิดเดียว และไม่เคยทำให้พรรคเสียหาย "นายเฉลิมชัยกล่าว เมื่อถามว่าถ้าปรับ ครม.ครั้งต่อไปยังไม่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีอีกจะคิดอย่างไร นายเฉลิมชัยกล่าวว่า  "ไม่มีปัญหา ผมเป็นรองหัวหน้าพรรค ยังไงก็ทำงานในพรรคต่อไป และยังไม่เคยมีความคิดย้ายพรรคอยู่ในหัวเลย"