กรุงเทพฯ 18 พ.ค.- ประธานวิปรัฐบาลหารือนายกฯ ยอมรับต้องชะลอการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 400,000 ล้านบาทออกไปก่อน
หลังต้องส่ง พ.ร.ก.กู้เงินให้ศาล รธน.ตีความ ระบุเนื้อหากฎหมาย 2 ฉบับเกี่ยวเนื่องกัน เล็งให้สภาฯ พิจารณาอีกครั้งในสมัยวิสามัญช่วง 15-25 มิ.ย. เชื่อศาล รธน.จะตีความไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จี้ฝ่ายค้านแสดงความรับผิดชอบหากไม่ขัด รธน. แต่หากขัด รธน.รัฐบาลจะรับผิดชอบ โดยเสนอใหม่ในรูป พ.ร.บ.
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล แถลงภายหลังหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
รัฐบาลตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจออกไปก่อน หลังจากที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่ง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน 400,000 ล้านบาทให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การออก พ.ร.ก.ดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 หรือไม่ เนื่องจากกฎหมายทั้งสองฉบับมีเนื้อหาที่เกี่ยวเนื่องกัน จึงเห็นว่าน่าจะพิจารณาไปในคราวเดียวกัน
ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ คงต้องอาศัยช่วงที่จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 ประมาณวันที่ 15-25 มิ.ย.นี้พิจารณา พ.ร.ก.ดังกล่าว
แต่หากคำวินิจฉัยออกมาหลังการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ก็จะขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญอีกครั้ง เพื่อพิจารณากฎหมายทั้ง 2 ฉบับโดยเฉพาะ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าการออก พ.ร.ก.ดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีแนวคำวินิจฉัยการออก พ.ร.ก. 2 ฉบับ สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คือ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังในการก่อหนี้ พ.ศ.2545 และ พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิตและภาษีโทรคมนาคม พ.ศ.2547 ที่มีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเช่นกัน และศาลได้วินิจฉัยว่า การออก พ.ร.ก.ดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเป็นเรื่องเร่งด่วน จึงมั่นใจว่าจะสามารถนำ พ.ร.ก.ดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 400,000 ล้านบาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างไร
นายชินวรณ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังเชื่อว่า น่าจะชอบด้วยกฎหมาย แต่ถ้าศาลวินิจฉัยว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายจะถือ พ.ร.ก.ดังกล่าวไม่มีผลตั้งแต่แรก สามารถนับหนึ่งใหม่ได้ โดยจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะพิจารณาว่า จะขอออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน 400,000 ล้านบาทฉบับเดียว หรือเปลี่ยนเป็นขอออกร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 800,000 ล้านบาท
“ผมคิดว่าการยื่นตีความของฝ่ายค้าน น่าจะมีเจตนาป่วน หรือหวังผลทางการเมืองมากกว่า ทั้งที่เวลานี้ไม่ควรจะแบ่งว่าใครเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน อยากให้มาร่วมใจกันแก้ปัญหาให้กับประชาชน เหมือนในสหรัฐอเมริกาที่ ส.ส.ทั้งสองฝ่ายช่วยกันผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และผมเห็นว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการออก พ.ร.ก.ดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ฝ่ายค้านต้องแสดงความรับผิดชอบที่ทำให้การออกกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนสะดุดไป ส่วนจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรนั้น เป็นเรื่องฝ่ายค้านจะคิดเอาเอง” นายชินวรรณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย