"มาร์ค"โต้พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสน ล้าน มั่นใจไม่ขัดรธน. เผยถกทีมกฎหมายคลังหลายรอบ ย้ำจำเป็นต้อง ออกพ.ร.ก. เมินฝ่ายค้านขู่วอล์กเอาต์ "ชัย" รอ"มาร์ค"ชี้ขาดจะชะลอหรือถอนร่างออกไปก่อน
วิปรัฐบาลรับอาจต้องเลื่อนถก รอศาล รธน.วินิจฉัย หากไม่ขัดรธน.อาจขอเปิด วิสามัญหารืออีกรอบ อัดฝ่ายค้านเอาปากท้องมาเล่นการเมือง เผย"มาร์ค"กำชับผ่านแกนนำพรรคร่วมห้ามส.ส.เบี้ยวประชุม รัฐบาลส่อแววปรับครม.ก่อนถกงบปี"53 ในเดือนมิ.ย.นี้ รวมใจไทยฯเชื่อปชป.-พผ.-ภท.ปรับแน่ ก๊วนเพื่อนเนวินกดดัน"สรอรรถ"ปลด"ชาติชาย" เสนอชื่อ"ศุภชัย โพธิ์สุ"เสียบแทน "ชวรัตน์" รับมีปัญหาจริง อ้างไม่เข้าร่วมประชุมพรรค เด็กสรอรรถยันเพื่อนเนวินเปล่ากดดัน หากปรับพ้นรมต.จริง ไม่กระทบปัญหาในพรรค วางตัวส.ส.อีสานนั่งแทน "ดิเรก-เลิศรัตน์"โต้ข่าวล็อบบี้ส.ว.หนุนแก้รธน. ชี้แค่เรื่องโจ๊กในวงกาแฟ เสธ.อู้ลั่นไขก๊อกหากขยายอายุส.ว. สรรหาอยู่ยาว 6 ปี ขณะที่เรืองไกรอึกอัก อ้างมารยาทการเมืองไม่เปิดเผยคนล็อบบี้
หึ่ง มิย.นี้ปรับครม.
ในงานประชุมวิชาการวิชาชีพสื่อสารมวลชนระดับชาติ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ศูนย์พัทยา จ.ชลบุรี ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารอารักขาอย่างแน่นหนา เมื่อวันที่ 16 พ.ค.
คุ้มกันเข้ม"มาร์ค"ร่วมงานพัทยา
วันที่ 16 พ.ค. เวลา 09.30 น. ที่วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา จ.ชลบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมงานประชุมใหญ่วิชาการวิชาชีพสื่อสารมวลชน จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สถาบันอิศรา และสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย ทั้งนี้ ในการรักษาความปลอดภัยได้เกณฑ์เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ประมาณ 450 นาย และทหารอีกจำนวนมาก มาดูแลอารักขาทั้งในพื้นที่วิทยาลัยนวัตกรรมฯ และเส้นทางการเดินทางเมื่อเข้าสู่จังหวัดชลบุรี โดยมีการเคลียร์พื้นที่ในทุกๆ 200 เมตร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ตอนนี้มีคนมากล่าวหาตนเป็นนักลวงโลก ไม่อยู่ในกระทรวงมหาดไทย พูดซ้ำทุกวัน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าตนอยู่ในรถ แต่มาบอกว่าไม่อยู่ในรถ กรณีนี้มีคนมายุตนให้ฟ้อง แต่ตนไม่อยากใช้เรื่องนี้มาฟ้องร้อง แต่คนที่พูดไม่มีความรับผิดชอบ สร้างความเท็จ ปลุกให้คนจำนวนหนึ่งขึ้นมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกฯกล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับการทำงานของสื่อ ได้เปิดให้ซักถาม ซึ่งมีตัวแทนจากอุบลราชธานี ถามนายกฯถึงข่าวช่วงสลายการชุมนุม ทำไมถึงไม่มีข่าวคนเสื้อแดง มีแต่ข่าวภาครัฐ และสื่อได้นำเสนอข่าวเสื้อแดงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ในช่วง 2-3 เดือนก่อนการชุมนุมมีข่าวการชุมนุมตลอด แต่ในช่วงเกิดเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ถ้าเราปล่อยให้เสียงของแกนนำผู้ชุมนุมออกไปเช่น ที่บอกให้คนมาทุบรถ หรือมีการตะโกนว่ารถนายกฯขับรถชนผู้ชุมนุมตาย หรือมีการยิงผู้ชุมนุมตาย ซึ่งไม่เป็นความจริง ถ้ามีเสียงอย่างนี้ไปยังประชาชน เขาจะลุกฮือขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น อย่างนี้เราไม่ได้ให้ความจริงกับสังคม เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้สังคมโกรธแค้น สร้างความวุ่นวาย และเชื่อว่าคงไม่มีรัฐบาลประชาธิปไตยที่ไหนในโลกที่จะยอมให้ทำ
ย้ำจำเป็นต้องออกพ.ร.ก.กู้เงิน
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงพรรคเพื่อไทยยื่นผ่านนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 จำนวน 4 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลจะเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 พ.ค.นี้ว่า ถ้าการยื่นตีความของฝ่ายค้านได้รับการตรวจสอบจากประธานรัฐสภาว่าถูกต้องแล้ว สภาจะรอการพิจารณาไว้ก่อน
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านดูจะไม่ให้ความร่วมมือจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันในความจำเป็นและขอความสนับสนุนจากทุกฝ่าย ที่ทำทั้งหมดมีเป้าหมายชัดเจนคือการสนับสนุนให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ มีการจ้างงานและปรับปรุงการให้บริการพื้นฐานของรัฐบาลที่จะมีให้กับประชาชน รวมทั้งเรื่องแหล่งน้ำ เส้นทางการคมนาคม โรงเรียน สถานีอนามัย การสนับสนุนการท่องเที่ยวและการทำเศรษฐกิจในความคิดสร้างสรรค์ ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายค้านอ้างว่ารัฐบาลนำเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนใส่ไว้ในพ.ร.ก.ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ นายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่มี อะไรที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนก็แยกอยู่ในพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นเราคงใส่ไว้ในพ.ร.ก.ทั้งหมด
เมื่อถามว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องของฝ่ายค้านไว้จริง รัฐบาลมีทางออกไว้หรือไม่ว่าจะไม่กระทบต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาโดยเร็วอยู่แล้ว คิดว่ารัฐบาลจะใช้วิธีการตามที่ตนได้คุยกับรมว.คลังเมื่อกลางดึกวันที่ 15 พ.ค.หลังกลับจากฮ่องกง โดยขอให้ใช้วิธีการเตรียมการและขั้นตอนต่างๆ เท่าที่จะทำได้ไปก่อน หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาว่าไม่มีอะไรก็จะเดินหน้าต่อได้เต็มที่
ไม่ห่วงฝ่ายค้านป่วนองค์ประชุม
"ถ้าประธานสภาตรวจสอบว่าการยื่นของฝ่ายค้านเข้าเงื่อนไขถูกต้องและส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ การพิจารณาของสภาต้องชะลอไว้ก่อน แต่เท่าที่ผมได้ฟังจากวิปรัฐบาล การประชุมสภายังมีอยู่ต่อไปเพราะยังมีตัวของพ.ร.บ.อยู่" นายกฯ กล่าว เมื่อถามว่ามีทางออกอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนคงพูดล่วงหน้าไม่ได้ แต่รัฐบาลพร้อมชี้แจงและมีความมั่นใจ แต่ถ้าหากพ.ร.ก.ถูกตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญก็คงใช้ไม่ได้ตั้งแต่ต้น
ต่อข้อถามว่าทางออกจะเลี่ยงออกเป็น พ.ร.บ.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดถึงตรงจุดนั้น เพราะเราได้ดูกันมาตลอดและตนเป็นคนที่ย้ำให้ฝ่ายกฎหมายกระทรวงการคลัง ดูให้ชัดเจนว่าเข้าเงื่อนไข เพราะในใจของตนจริงๆ แล้วไม่อยากออกพ.ร.ก.โดยไม่จำเป็น แต่เมื่อเห็นชัดเจนว่ามีความจำเป็นจึงตัดสินใจนำเสนอเป็นพ.ร.ก.เข้าสู่การพิจารณา และได้ย้ำว่าให้แยกเรื่องเร่งด่วนกับไม่เร่งด่วนออกจากกัน โดยเรื่องไม่เร่งด่วนต้องไปอยู่ในพ.ร.บ. ตนมั่นใจการเสนอร่างพ.ร.ก.ดังกล่าว เพราะเราดูเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เช่นนั้นคงไม่เสนอแยกมาทั้งรูปแบบของพ.ร.ก.และพ.ร.บ.
เมื่อถามว่าเป็นห่วงเรื่ององค์ประชุมหรือไม่เพราะหากฝ่ายค้านไม่ให้ความร่วมมืออาจมีปัญหาได้ นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะต้องดูแลให้องค์ประชุมครบ เรามีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่มันมีปัญหาในเวลาที่มีการประชุมร่วมรัฐสภา แม้รัฐบาลจะมาครบแต่ยังไม่ครบองค์ประชุม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากวุฒิสภาเป็นอย่างดี
วอนเสื้อแดงใช้เวทีสภา
นายกฯ กล่าวถึงกลุ่มเสื้อแดงจัดตั้งหนังสือพิมพ์เดอะเรดนิวส์ว่า เรื่องนี้จะเป็นการยั่วยุหรือไม่ อยู่ที่การทำงานของเขา ขอให้การเป็นสื่อเป็นการทำงานในการเสนอข่าวสาร ความเห็นตามปกติ อย่ามีอะไรที่ผิดกฎหมาย เมื่อถามว่าเป็นเพราะเสื้อแดงเปิดสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นไม่ได้จึงใช้ช่องทางหนังสือพิมพ์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใครจะเริ่มต้นสื่อสารเผยแพร่ข่าวสารก็เป็นสิทธิ มีเสรีภาพที่ทำได้แต่ขอให้อยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหากระทบกระทั่งทางกฎหมายขึ้นมาอีก
เมื่อถามว่าการแถลงข่าวเปิดตัวยังพูดว่าทหารฆ่าประชาชน เป็นห่วงหรือไม่จะมีการบิดเบือนข้อมูลหากเปิดหนังสือพิมพ์จริง นายกฯ กล่าวว่า ถ้ามีการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงและเกิดความเสียหายถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ขอร้องว่าอย่าไปทำ อย่างที่ตนได้ย้ำไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหตุการณ์อะไรต่างๆ รัฐบาลเปิดโอกาสให้มายื่นข้อมูลและเบาะแสต่างๆ ต่อคณะกรรมการที่สภาผู้แทนราษฎรตั้งขึ้นอยู่แล้ว ในส่วนของรัฐบาลมีคณะกรรมการประมวลเหตุการณ์ ถ้าไม่เชื่อฝ่ายรัฐบาลก็ขอให้ใช้เวทีของสภา จะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
ยันรัฐบาลไม่ทำร้ายประชาชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่ารัฐบาลต้องการให้ความจริงทั้งหมดปรากฏขึ้นมาเพราะรัฐบาลมีนโยบายในเรื่องความโปร่งใส ยืนยันให้การทำงานของรัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งยืนยันนโยบายที่ผ่านมาของรัฐบาลไม่ได้เป็นเรื่องการทำร้ายประชาชน แต่ต้องการที่จะจัดการดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เพื่อให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงขอร้องว่าอย่าใช้ประเด็นดังกล่าวเพื่อทำให้เกิดความขัดแย้ง ถ้าสงสัยหรือคิดว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอให้เข้ามาในกลไกที่จะช่วยกันดูแลในเรื่องดังกล่าวได้
เมื่อถามว่าในวันที่ 18 พ.ค. คณะกรรม การตรวจสอบข้อเท็จจริง จะเชิญนายกฯ และนายสุเทพ ไปให้ข้อมูล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะไป ซึ่งได้ยืนยันไปแล้วว่าพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่างกับคณะกรรมการ ต่อข้อถามว่าอยากให้แกนนำเสื้อแดงไปให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯเห็นว่าอยากได้ข้อมูลจากกลุ่มเสื้อแดง หรือถ้าเขาคิดว่ามีข้อมูลอะไรที่สมควรเสนอต่อคณะกรรมการก็ควรจะทำ
เมินข่าวพธม.ตั้งพรรค
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองว่า ทุกคนมีสิทธิ์ตั้งพรรคการเมืองอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีข่าวว่าส.ส.ของ พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนอาจย้ายไปสังกัดพรรคพันธมิตรฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นักการเมืองต้องพิจารณาว่าการทำงานอยู่กับพรรคไหนก็ต้องมั่นใจในแนวคิดและอุดมการณ์ ถ้าคิดว่ามีพรรคที่ดีกว่า ถ้าเป็นเรื่องอุดมการณ์ก็ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่าการที่กลุ่มพันธมิตรฯจะตั้งพรรค จะมีผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์แค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้วิเคราะห์ลึกไปถึงขนาดนั้น แต่เรายังเดินหน้าเตรียมความพร้อมของเราอย่างเต็มที่ ปิดสมัยประชุมสภาก็จะไปสัมมนาพรรค เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯตั้งพรรคเห็นว่าดีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบแต่ในระบอบประชาธิปไตย การมีการแข่งขันทางการเมืองก็เป็นเรื่องที่ดี การเสนอทางเลือกให้กับประชาชนถือเป็นเรื่องที่ดี เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯเกิดมาจากประชาชนแต่มาถึงวันนี้มีการตั้งพรรคการเมืองถือว่าถูกต้องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การตัดสินใจของแต่ละฝ่ายต้องมีเหตุผลของตัวเองและเขาต้องรับผิดชอบในการตัดสินใจของตนเอง
จี้กำนัน-ผญบ.เร่งเคลียร์ชาวบ้าน
ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวในการประชุมสัมมนากำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำองค์กรส่วนท้องถิ่น ท้องที่ และผู้นำศาสนา รุ่นที่ 1 ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลพร้อมแก้กฎหมายเอื้อการทำหน้าที่ ดังนั้นขอให้ทุกคนไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ใครเดือดร้อนอะไรขอให้บอกมา ไม่ต้องไปปิดถนน หรือก่อม็อบ รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือ อย่างเรื่องลิ้นจี่ ตนจะนำเรื่องเข้าพิจารณาในครม.วันอังคารที่ 19 พ.ค.นี้ ยืนยันว่าตนจะทำงานให้กับคนทุกภาค ทุกพื้นที่ ส่วนการแสดงความเห็นทางการเมืองทำได้แต่ต้องไม่ไปยุยงให้ใช้ความรุนแรงหรือทำผิดกฎหมาย หลังเหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย. ประธานรัฐสภาได้ตั้งกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดหนึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนพร้อมจะไปให้ข้อมูล ดังนั้นหากมีข้อสงสัยอะไรให้พูดกันในสภา ขอให้สอบถามมาได้เต็มที่เพราะเราต้องการให้เกิดความชัดเจนอยู่แล้ว
ปชป.ไม่หวั่นคำขู่วอล์กเอาต์
เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อประธานสภาเพื่อขอให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีการออกร่างพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญว่า พรรคพร้อมให้กระ บวนการตรวจสอบตามกฎหมาย แต่ยืนยันว่าการออกพ.ร.ก.ดังกล่าวมีความจำเป็นต่อการพลิกสภาพเศรษฐกิจ และจะเป็นตัวชี้ว่าเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในระดับต่ำสุดจะคงอยู่นานแค่ไหน จะกลับมาเป็นบวกได้ภายในปีนี้หรือไม่ โดยการออกพ.ร.ก.ดังกล่าว มุ่งหวังจะลดการเลิกจ้าง เพิ่มการลงทุน เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน
ส่วนที่นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุการออกพ.ร.ก.กู้เงินอาจเป็นการตัดตอนเศรษฐกิจในประเทศนั้น น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการกู้เงินดังกล่าวเพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องภายในประเทศ พรรคหวังว่าหลังจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 บรรลุแล้ว วิกฤตเศรษฐกิจทุกอย่างจะหมด ซึ่งแผนนี้ต้องทำควบคู่กับมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องดูแลอัตราดอกเบี้ยเงินฝากด้วยหลังจากอัตราเงินกู้ลดลง
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยขู่วอล์กเอาต์จะดูแลเสียงของรัฐบาลอย่างไร น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เบื้องต้นวิปฝ่ายค้านบอกชัดแล้วว่าขอฟังการประชุมก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้การประชุมสภาเดินหน้าไปได้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญ พรรคร่วมรัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความสำคัญด้วยการเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งได้กำชับส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลหลายครั้งแล้ว ส่วนจะมีการคาดโทษกันอย่างไร ถือเป็นเรื่องของแต่ละพรรค
จี้พรรคร่วมต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ต่อข้อถามว่าถ้ากฎหมายเกี่ยวกับการเงินถูกคว่ำกลางสภา รัฐบาลต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ถูกต้องแต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้กังวลต่อปัญหานี้ เพราะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวตอบโต้กรณีกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางคน ระบุพรรคประชาธิปัตย์ไม่จริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญว่า เรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการเมือง หรือรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและกระทบความรู้สึกจะต้องมีกระบวนการรับฟังความเห็นจากประชาชน ก่อนที่จะเป็นรูปธรรม โดยสร้างความเห็นพ้องในวงกว้างให้ได้
"ก่อนจะกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้กลับไปดูตัวเองก่อนว่าเข้าร่วมกระบวน การสมานฉันท์ฯ แต่โครงข่ายบางส่วนกลับเดินหน้า ปลุกระดมแจกใบปลิวใต้ดิน สร้างความแตกแยก และยังทำลายความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง สร้างความสับสนเรื่องผู้เสียชีวิต ไม่รอให้กรรมการชุดนี้สอบสวนก่อน ถือว่าทำให้กระบวนการสร้างความสมานฉันท์เดินหน้าได้ยากขึ้น" น.พ.บุรณัชย์ กล่าว
รัฐบาลมีเอกภาพ-ไม่ยุบสภา
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการยุบสภาว่า จากการประชุมของคณะทำงานปฏิบัติการเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง(วอร์รูม) พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบผ่านไปแล้ว เวทีสภาจะมีบทบาทสำคัญในการหาทางออก เพื่อสร้างความสมานฉันท์ โดยการปฏิรูปการเมือง ทำให้รัฐบาลเดินหน้าแก้วิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ พรรคยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคให้การสนับสนุนแนว ทางการยึดมั่นเวทีรัฐสภาอย่างเต็มที่ ดังนั้นเงื่อนไขการยุบสภาไม่ว่าจะเกิดจากเอกภาพพรรคร่วมรัฐบาลหรือความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ บัดนี้ไม่มีและมั่นใจว่าประชาชนอยากเห็นประเทศชาติเดินหน้า
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวใบสั่งยุบพรรคและให้ดำเนินคดีกับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้นไม่เป็นความจริง ผู้ที่ออกมาพูดไม่มีหลักฐานตามที่กล่าวอ้าง ขอยืนยันว่าพรรคเคารพในสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยืนยันจะต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ขอให้วิธีการต่อสู้อยู่ภายใต้กฎหมาย และไม่ทำร้ายประเทศชาติ
ฉะ"แม้ว"พูดเอาแต่ได้
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงตำรวจได้ดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณในมาตรา 112 และมีแถลงการณ์ ฉบับ 3/2552 ระบุโดนกลั่นแกล้งให้ถูกดำเนินคดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเอาแต่ได้ วันที่ตัวเองทำผิดและถูกดำเนินคดีตามกฎหมายชัดเจน แต่ไม่ยอมรับ การที่ตำรวจดำเนินคดีในครั้งนี้ ถือเป็นกระบวน การเบื้องต้นสามารถสู้คดีได้ หากพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่มีความผิดเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ความยุติธรรม
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยพูดถึงการดำเนินคดีของตำรวจมีเบื้องหลังและใช้ 2 มาตรฐานนั้น รัฐบาลไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องใด ตำรวจต้องดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม การอ้างรัฐบาลว่า 2 มาตรฐานในการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ควรย้อนไปดูว่ากลุ่มพันธมิตรฯทำผิดในรัฐบาลไหน ทำไมรัฐบาลนั้นไม่จัดการ วันนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์มาสานต่อนปช.ที่ทำผิด ใน ความรับผิดชอบในรัฐบาลประชาธิปัตย์ จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขณะเดียวกันต้องสานต่อคดีที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดก่อนด้วย ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ใช้ 2 มาตรฐาน
ย้ำรัฐบาลไม่เลือกปฏิบัติ
นายเทพไท กล่าวว่า เชื่อว่าหลังจากนี้คงมีคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ตามมาอีกหลายคดี และวันนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกดำเนินคดีอย่างน้อย 17 คดี และคดีก็งวดขึ้นมาทุกที เชื่อว่ามีผลต่อการบังคับคดีออกมาเป็นระยะ แต่ไม่อยากให้หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาใส่ร้ายรัฐบาลว่าอยู่เบื้องหลัง ทั้งที่กระบวนการทั้งหมดอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว รัฐบาลไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ตำรวจดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกมองว่าเป็น 2 มาตรฐานหรือไม่ เพราะตำรวจที่รับผิดชอบคดี นาม สกุลปราศจากศัตรู ที่มีความเกี่ยวโยงกับพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท กล่าวว่า ความจริงตำรวจผู้นั้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งความรับผิดชอบอยู่ในหน่วยงานอยู่แล้ว ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยปกติ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เพราะไม่ว่าจะเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ หรือใครก็ตามที่ทำความผิด ตามมาตรา 112 ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต้องถูกดำนินคดีอยู่แล้ว
สภาอาจเลื่อนถกพ.ร.ก.กู้เงิน
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้ประธานรัฐสภาเพื่อส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพ.ร.ก.กู้เงินว่า ตนโทรศัพท์รายงานนายกฯทราบแล้ว นายกฯระบุว่าถือว่าเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้าน เมื่อเรื่องเข้าสู่ประธานรัฐสภา ตรวจสอบรายชื่อส.ส. 1 ใน 5 แล้ว ต้องเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยเร็ว ทำให้พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวยังไม่สามารถเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้ ถ้าศาลพิจารณาว่า การออกพ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ หากอยู่ในช่วงนอกสมัยประชุมสภาสามารถเรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญได้ เรื่องดังกล่าวไม่ถือว่ามีผลกระทบต่อการดำเนินการของรัฐบาล แต่ทำให้การพิจารณาในสภาขาดความต่อเนื่อง หากศาลรัฐธรรม นูญวินิจฉัยว่าไม่ขัดหรือแย้ง ฝ่ายค้านก็ ต้องรับผิดชอบกับความล่าช้าครั้งนี้เพราะฝ่ายค้านไม่ควรนำวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชนมาเป็นประเด็นทางการเมือง
นายชินวรณ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าศาลรัฐ ธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าเป็นกรอบอำนาจของรัฐบาลที่จะออกพ.ร.ก. เพราะในปี 2546 ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าการออกพ.ร.ก. เป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะดำเนินการได้ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการออก พ.ร.ก.ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ก็แค่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญและมีผลให้พ.ร.ก.ฉบับนั้นตกไป แต่รัฐบาลคงไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะเรื่องยังไม่เข้าสภา หากเรื่องเข้าสู่สภาแล้วไม่ได้รับการพิจารณา รัฐบาลถึงจะต้องรับผิดชอบทางการเมือง
มั่นใจพรรคร่วมไม่เบี้ยว
นายชินวรณ์ กล่าวว่า ในการประชุมร่วม 2 สภา ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ยังมีวาระการ พิจารณาพ.ร.ก.ขยายเพดานภาษียาสูบ และ พ.ร.ก.ขยายเพดานภาษีสรรพสามิต รวมทั้ง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในวงเงิน 4 แสนล้านบาท จึงขอให้ส.ส.และ ส.ว.ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยตนในฐานะวิปรัฐบาลกำชับวิปรัฐบาลให้ตามตัวส.ส. และให้ประชุมวิปรัฐบาลในวันที่ 18 พ.ค.เวลา 08.30 น. และกำชับให้พรรคร่วมบอกกับสมาชิกว่าหากมีเรื่องอะไรที่ต้องประชุมก็ขอให้มาประชุมที่สภา จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเรื่ององค์ประชุมอย่างแน่นอน
น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยขู่วอล์กเอาต์ว่า มั่นใจรัฐบาลควบคุมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรได้ การขู่วอล์กเอาต์ขอบอกว่าช้าไปแล้ว เพราะคนทั่วไปรู้อยู่แล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยเข้าประชุมหรือถ้าเข้าก็เพื่อมารวนการประชุมเท่านั้น ไม่เคยกดโหวตให้กฎหมายฉบับใดที่รัฐบาลเสนอ ดังนั้น รัฐบาลจึงมีภูมิต้านทานการไม่เข้าประชุมของฝ่ายค้านอยู่แล้ว ยิ่งฝ่ายค้านไม่ประชุมยิ่งดี จะได้ไม่มีการอภิปรายตีรวน และการพิจารณากฎหมายจะเสร็จได้โดยเร็ว เชื่อว่าเมื่อถึงเวลา ส.ส.พรรคเพื่อไทยคงไม่วอล์กเอาต์ เพราะจะเสียโอกาสในการขัดขวางการทำงานของรัฐบาล
ดึง"เนวิน"ให้ปากคำม็อบน้ำเงิน
น.พ.วรงค์ ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง กล่าวถึงการเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ มาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการ ในวันที่ 18 พ.ค.ว่า เบื้องต้นวางกรอบการให้ข้อมูลแบบคร่าวๆว่าจะให้ผู้เกี่ยวข้องมาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8-15 เม.ย. เนื่องจากกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยได้ตั้งข้อกังขาหลายประเด็น
เมื่อถามว่าจะเชิญนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยมาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ เพราะหลายฝ่ายสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน น.พ.วรงค์ กล่าวว่า ถ้ามีคนข้องใจ และกรรมการชุดใหญ่เห็นว่าการชี้แจงของนายเนวิน จะมีประโยชน์ สมควรเปิดโอกาสให้นายเนวินได้ชี้แจง โดยคณะกรรมการกำหนดวันชี้แจงข้อเท็จจริงเบื้องต้นไว้ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-20 พ.ค.นี้เท่านั้น
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ตนยังไม่ได้เห็นหนังสือที่ฝ่ายค้านยื่นมาให้ เพราะฝ่ายค้านส่งมาให้เมื่อช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ 15 พ.ค. จึงขอดูก่อน และต้องตรวจสอบตามกฎหมายให้เรียบร้อยก่อนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
พท.อัดรัฐบาลรวบรัดถกกู้เงิน
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อประธานสภารับเรื่องไปแล้วต้องตรวจสอบความถูกต้อง และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ซึ่งระหว่างการพิจารณาของศาลนั้น จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมไม่ได้ ส่วนร่างพ.ร.บ.อื่นยังเข้าสู่ที่ประชุมตามวาระปกติได้ แต่ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมรัฐบาลจึงต้องรวบรัดออกทั้งพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท และพ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท เท่ากับรัฐบาลจะต้องกู้เงิน 8 แสนล้านบาท อ้างว่าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เพิ่งกู้มา 1 แสนล้าน ด้วยเหตุผลกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน แต่ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น และไม่รู้ว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่
นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า การประชุมงบประมาณกลางปีครั้งที่ผ่านมาใช้เวลา 2-3 วัน แต่ครั้งนี้เงินมากกว่าครั้งที่แล้ว แต่ใช้เวลาเพียงวันเดียว ถือว่ารวบรัดเกินไป ทั้งนี้ในช่วงเช้าวันที่ 18 พ.ค. วิปฝ่ายค้านจะหารือในรายละเอียดของเรื่องนี้อีกครั้ง และจะขอให้รัฐบาลถ่ายทอดสดการประชุมสภา เพราะถือว่ากรอบเงินกู้เป็นเรื่องใหญ่ที่มีจำนวนเงินเยอะมาก ทำให้ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ส่วนที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุหากรัฐบาลยังดึงดันพิจารณาพ.ร.ก.ดังกล่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทยอาจจะวอล์กเอาต์นั้น ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของนายพร้อมพงศ์
รวมใจไทยฯลั่นรัฐบาลครบเทอม
ที่จ.นครราชสีมา น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวถึงข่าวความขัดแย้งระหว่างนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯในขณะประชุมครม.วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ตนมองว่าไม่ใช่ความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล เป็นแค่การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งบรรยากาศภายในรัฐบาลไม่ได้ตึงเครียด ถือว่าเป็นปกติดี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมใจไทยฯยืนยันว่าเรายังทำงานร่วมกับรัฐบาลต่อไป ไม่มีปัญหา คิดว่าจนถึงขณะนี้รัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพ ใน 3 เดือนนี้คงไม่มีการยุบสภาแน่นอน ซึ่งรัฐบาลพยายามมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างเต็มที่เพื่อให้ปัญหาได้คลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด หากทุกอย่างคลี่คลายเชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมแน่นอน
น.พ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า ส่วนจุดยืนแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พรรคเห็นว่ามาตรา 237 ควรคงไว้แต่ให้แก้เฉพาะการลงโทษโดยให้ลงโทษคนที่ทำผิดเท่านั้น ส่วนพรรคการ เมืองหากพิสูจน์ได้ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายหรือทำผิดด้วยมติพรรค ก็พิจารณายุบพรรคได้ ถ้าพรรคไม่เกี่ยวข้อง เป็นแค่ความผิดเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น
เผย"มาร์ค"ซาวเสียง-ส่อปรับครม.
รายงานข่าวจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เปิดเผยว่า ในการพูดคุยหารือร่วมกันระหว่างนายกฯและนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องในพรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านพิษณุโลกเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น นายกฯขอให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันดูแลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรต้องเอาเรื่องเศรษฐกิจไว้ก่อน และพร้อมให้ทุกพรรคเสนอความเห็นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และนายกฯคงต้องการเห็นความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล โดยขอให้ทุกพรรคกำชับสมาชิกที่เป็นส.ส.ให้เข้าประชุมสภาเพื่อลงมติในเรื่องสำคัญ เพื่อไม่ให้องค์ประชุมมีปัญหา ไม่อยากให้เกิดเหตุสภาล่มอีก
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้ แกนนำพรรครวมทั้งนายบรรหารและนายสุวัจน์ ต่างยืนยันไม่มีปัญหาในการร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมสนับสนุนแนวทางแก้เศรษฐกิจที่นายอภิสิทธิ์และรัฐบาลดำเนินการอยู่ เชื่อมั่นว่าแนวทางที่นายกฯทำมานั้นถูกต้องและเห็นความตั้งใจในการทำงานของนายกฯ จึงเชื่อมั่นและสนับสนุนที่จะทำงานร่วมกันต่อไป
รายงานข่าวจากพรรครวมใจไทยฯ เปิดเผยว่า แกนนำพรรคได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองว่าก่อนจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่จะขอเปิดสมัยวิสามัญในเดือนมิ.ย. คาดว่าจะมีการปรับครม.เกิดขึ้นในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค เช่นพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินที่เริ่มส่งสัญญาณถึงรัฐบาลแล้ว ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์อาจปรับครม.ในโควตาที่มีการตกลงกันไว้ตั้งแต่ตั้งรัฐบาล แต่ในพรรครวมใจไทยฯจะไม่มีการปรับเปลี่ยน โดยรัฐมนตรีในโควตาของพรรคยังคงเป็นน.พ.วรรณรัตน์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เช่นเดิม
"ปู่จิ้น"รับ"ชาติชาย"มีปัญหา
เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกลุ่มเพื่อนเนวินกดดันให้เปลี่ยนตัวนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ในโควตากลุ่มของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ว่า ตอนนี้ยังไม่มีปัญหา แต่ยอมรับว่านายชาติชาย ไม่ได้เข้าร่วมประชุมพรรคภูมิใจไทยเลย อาจติดภารกิจสำคัญจึงไม่ได้มา แต่การไม่เข้าร่วมประชุมถือเป็นปัญหาในการทำงานร่วมกันของพรรค ตนยังไม่ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับนายชาติชาย ยอมรับว่าพรรคใช้ระบบต่างคนต่างกลุ่มดูแลในส่วนของตัวเอง เหมือนกับพรรคอัมโนของมาเลเซีย แต่ไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกัน ส่วนการเลือกตั้งครั้งต่อไปกลุ่มต่างๆ อาจจะไม่อยู่ร่วมกันอีกนั้น ก็เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลือกตั้ง และสิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่ทำให้พรรคแตกแยกอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จำเป็นต้องปรับครม. ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี เพราะนายกฯกำหนดให้ดำรงตำแหน่ง 6 เดือนถึงจะปรับ ครม. ตอนนี้เหลืออยู่เดือนกว่า รอให้ถึงกำหนดแล้วจะบอก
เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดงบประมาณ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณใดๆ จากพรรคร่วมด้วยกัน ตอนนี้ยังทำงานได้ และงานเดินไปได้ด้วยดี แต่หากมีปัญหาเชื่อว่าพรรคร่วมจะต้องนัดหารือกัน เมื่อถามว่าครั้งที่นายกฯเรียกพรรคร่วมหารือที่บ้านพิษณุโลก การที่นายชวรัตน์ไม่ไปร่วมประชุมถือเป็นการส่งสัญญาณความไม่พอใจของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร ตนไม่ได้รับข้อความเชิญเลยไม่ได้ไป แต่ไม่ได้มีปัญหา
"สรอรรถ"ขานรับ-ปรับพ้นรมต.
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มนายสรอรรถ กลิ่นประทุม พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวกลุ่มเพื่อนเนวินไม่พอใจการทำงานของนายชาติชาย พยายามกดดันให้นายสรอรรถปลดออกจากตำแหน่งว่า ความจริงไม่มีอะไรเลย การประชุมพรรคที่ผ่านมายังไม่มีการพูดคุยกัน แต่วันนี้ถ้าพูดตรงๆ คนที่มาทำหน้าที่รัฐมนตรีต้องรับฟังความคิดเห็นของส.ส.ในพรรค ส่วนนี้นายชาติชาย เป็นรัฐมนตรีก็ต้องฟังเสียงส.ส. การเป็นรมช.เกษตรฯต้องดูปัญหาภาพรวม วันนี้การทำงานของรัฐมนตรี 5 เดือนถือว่าทำงานมาระยะหนึ่งแล้วต้องรับฟังส.ส.ในพรรคด้วย
"กระแสข่าวที่เกิดขึ้นไม่ใช่กระแสกดดันนายสรอร