คมชัดลึก : การชุมนุมของ "กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ" (นปช.) ที่บริเวณข้างวัดไผ่เขียว เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ดูเหมือนว่าการชุมนุมครั้งนี้ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่
เพราะระหว่างที่ประชาชนผู้สนับสนุนการชุมนุมครั้งนี้เริ่มทยอยเดินทางมาก่อนการนัดหมาย ซึ่งจะมีขึ้นเวลา 16.00 น. ก็เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนักทำให้ผู้ชุมนุมต่างพากันวิ่งหลบฝนกันชุลมุน บางส่วนต้องอาศัยหลบฝนภายในโบสถ์และศาลาต่างๆ ของวัดไผ่เขียวกันแน่นขนัด
ส่วนพื้นที่จัดงานบางแห่งน้ำท่วมขัง แต่ก็ยังมีประชาชนบางส่วนปักหลักร่วมชุมนุมอย่างเหนียวแน่น
เนื่องจาก "แกนนำ นปช." ไม่ว่าจะเป็น "วีระ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-การุณ โหสกุล-ก่อแก้ว พิกุลทอง" ฯลฯ ยังปักหลักอยู่ในพื้นที่นั่นเอง
บรรยากาศส่วนใหญ่มีการตั้งเวทีขนาดใหญ่สำหรับการปราศรัยและแสดงดนตรี และนำเต็นท์กว่า 10 หลัง มาตั้งให้บริการแก่ผู้ที่เดินทางมาร่วมชุมนุม
นอกจากนี้บริเวณทางเข้าด้านหน้ายังมีการแบ่งล็อกสำหรับให้เช่าขายอาหารและสินค้าที่ระลึกกว่า 60 ล็อก ซึ่งผู้จัดงานตั้งโต๊ะให้เช่าพื้นที่ในราคาล็อกละ 500 บาท หากเหมาในราคารวมเต็นท์หลังคาจะคิดค่าเช่ารวม 600 บาท
ถ้าพ่อค้าแม่ค้าสู้ราคาไม่ไหว หันไปติดต่อขอเช่าพื้นที่หน้าบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณที่ชุมนุมเพื่อตั้งแผงขายสินค้าแทน ในส่วนของห้องสุขานั้นมีการติดป้ายเก็บค่าบริการใช้ห้องสุขาครั้งละ 2 บาท ห้องอาบน้ำครั้งละ 5 บาท
การจัดงานครั้งนี้ภายใต้ชื่อ "ความจริงวันนี้ ใครทำร้ายประเทศไทย"
ไฮไลท์ของการจัดงานอยู่ที่การนำเหตุการณ์สลายกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงมาเปิดเผยบนเวทีอีกครั้ง
และที่สำคัญต้องดูความเคลื่อนไหวของ "แกนนำ นปช." เช่น "วีระ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขห้ามปราศรัยปลุกปั่นก่อให้เกิดความวุ่นวายแก่บ้านเมือง
การจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดงานทำตาม "สัญญา" ที่เคยบอกกับผู้สนับสนุนการชุมนุมไว้
จำนวนผู้ชุมนุมครั้งนี้ไม่มากเท่ากับการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะประชาชนส่วนใหญ่นอกจากคนในกรุงเทพฯ แล้ว ก็มาจากจังหวัดใกล้เคียง คือ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ
ส่วนหนึ่งเป็นผู้ชุมนุมที่เป็น "แฟนพันธุ์" หรือ "แม่ยก" ของบรรดา "แกนนำ นปช."
แต่การชุมนุมครั้งนี้มีผู้ร่วมชุมนุมบางส่วนเริ่มมีความเคลื่อนไหวต่างออกไปจากครั้งก่อนคือมีประชาชนจากพื้นที่ต่างจังหวัดเดินทางมากับ "แกนนำ" ที่เป็น "มืออาชีพ" ในการทำงานด้านมวลชนซึ่งมีจำนวนรวมแล้วนับพันคน
เนื่องจากการชุมนุมครั้งก่อน "เจ้ามือ" เริ่มเรียนรู้แล้วว่าการจัดกิจกรรมการชุมนุม "ต้องจัดตั้ง" จึงจะประสบผลสำเร็จ
เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์สลายกลุ่มผู้ชุมนุม "แฟนพันธุ์แท้" แกนนำไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ หรือคอนโทรลผู้ร่วมชุมนุมเหล่านี้ได้
สุดท้ายก็กลายเป็น "จุดอ่อน" ทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าผลดี
ที่สำคัญเพียงแค่ถูก "ม็อบจัดตั้ง" ของอีกฝ่ายมาสร้างความปั่นป่วนก็ถอยไม่เป็นกระบวน
ประกอบกับ "แกนนำเสื้อแดง" ที่ปราศรัยบนเวทีส่วนใหญ่ไม่มีคนของตัวเองอยู่ในมือจึงต้องใช้ "ม็อบจัดตั้ง" มาช่วยสนับสนุนอีกแรง
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นของการ "ง้อมืออาชีพ" ให้มาช่วยทำกิจกรรมในครั้ง
โดยยึดพันธสัญญาของ "ม็อบมืออาชีพ" ห้ามใช้พันธสัญญาของ "นักการเมือง" ห้ามผิดคำพูด
หากผิดคำพูด "ถอนยวง" เหมือนที่เคยทำมาแล้วในวันแถลงนโยบายของรัฐบาล
โดยการทำงานร่วมกันครั้งนี้ตั้งเป้าไว้ที่ "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ"
แกนนำม็อบมืออาชีพประกาศว่าการชุมนุมครั้งนี้จะจัดไปเรื่อยๆ จนกว่า "เสื้อเหลือง" ในพรรคประชาธิปัตย์จะเห็นด้วยกับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ "คนเสื้อแดง" นำเสนอบนเวที
สมถวิล เทพสวัสดิ์