"อภิสิทธิ์" แถลงยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขตกทม.-ปริมณฑลแล้ว เรียกร้องทุกฝ่ายให้ความร่วมมือนำความสงบกลับคืนสู่ประเทศ เผยยังคงกำลังตร.-ทหารตรึงทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งจุดที่เคยมีปัญหาปะทะกันตอนม็อบชุมนุม ทางด้านเสื้อแดงทันที เปลี่ยนจากชุมนุมที่สมุทรสาคร ย้ายมาท้องสนามหลวงเลย 3 แกนนำม็อบเสื้อแดง "วีระ-ณัฐวุฒิ-หมอเหวง" ได้ประกันตัวจากศาลแล้ว ด้วยวงเงินคนละ 5 แสน แต่มีเงื่อนไขถ้าปลุกระดมก่อความไม่สงบอีก ศาลจะถอนประกัน เจ้าของบริษัทรถแก๊สโผล่แฉมีกลุ่มคนมายึดรถแก๊ส 2 คัน ไปจอดที่ดินแดงกับหน้าคิงส์เพาเวอร์ พยายามเปิดแก๊สจากถังด้วย แต่ขั้นตอนนิรภัยแน่นหนาเลยทำไม่สำเร็จ ส่วนโรงแรมรอยัลคลิฟสรุปค่าเสียหายจาก ม็อบแดงบุกเกือบ 15 ล้าน เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย ทางด้านส.ส.เพื่อไทยแนะ"มาร์ค" จะ ดำเนินคดี"แม้ว"ก็ทำไป แต่ต้องเงียบๆ ไม่พูดให้ชาวบ้านโกรธแค้น
-อภิสิทธิ์แถลงยุติพรก.แล้ว
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 24 เม.ย. ที่ทำ เนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐ มนตรี แถลงว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา ตนยืนยันต่อที่ประชุมว่าจะยกเลิกประกาศภาวะ ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งประกาศมาตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.2552 โดยให้มีผลภายในวันนี้ ฉะนั้น เช้าวันนี้ (24 เม.ย.) จึงลงนามในประกาศยกเลิก ให้มีผลตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันนี้เป็นต้นไป ซึ่งวันที่ 23 เม.ย.ได้สอบถามฝ่ายที่เกี่ยวข้องตลอด ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงยังใช้มาตรการต่างๆเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสภาพการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยจะดำรงอยู่ได้เมื่อยกเลิกพ.ร.ก.
นายกฯ กล่าวว่า เมื่อยกเลิกการใช้พ.ร.ก.การ บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว อำนาจ ต่างๆที่ใช้ตามพ.ร.ก.จะสิ้นสุดลงด้วย ทั้งนี้ได้ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในจุดต่างๆโดยเฉพาะจุดที่ประชาชนยังหวั่นวิตก โดยอาศัยกฎหมายตามปกติ ฉะนั้นขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยต่อไป แต่จะไม่มีเรื่องของอำนาจพิเศษ และการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ส่งสัญญาณไปทั่วโลกว่าเราได้นำบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
-พร้อมปล่อยตัวแกนนำแดง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนการดำเนินการต่อไปนั้น ประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาจะร่วมกับวิป 3 ฝ่ายดำเนินการ 1.เดินหน้าประ มวลเหตุการณ์เพื่อตรวจสอบกรณีที่มีข้อสงสัยเรื่องการใช้เจ้าหน้าที่รัฐช่วงประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.นำประเด็นปัญหาซึ่งถือเป็นปมความขัดแย้งต่างๆมารวบรวมเพื่อวางแนวทางคลี่คลายปัญหา ซึ่งตนจะรอฟังความคืบหน้าของฝ่ายนิติ บัญญัติในการแก้ปมขัดแย้ง รัฐบาลจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และจะมีเวลาทุ่มเทแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ชัดเจนมากขึ้น
เมื่อถามว่าการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะส่งผลอย่างไรบ้างโดยเฉพาะผู้ที่ถูกควบคุมตัว นายกฯ กล่าวว่า ใครที่ถูกควบคุมตัวโดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.ก.ก็ต้องปล่อยตัว แต่ถ้าหากมีความผิดก็ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป เพียงแต่ใช้อำนาจควบคุมตัวตามพ.ร.ก. ไม่ได้ แต่สมมติว่าเขามีคดีอยู่ มีหมายเรียกหรือหมายจับก็ว่าไปตามกระบวนการตามปกติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ต่อข้อถามว่าขณะนี้มีแกนนำเสื้อแดงถูกคุมตัวอยู่เท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้นับตัวเลขทั้ง หมด เพราะมีคดีที่เกี่ยวข้องก่อนออกพ.ร.ก. ฉุกเฉินด้วย
-ขอความร่วมมือ-คืนความสงบ
เมื่อถามถึงกระบวนการการไล่ล่า นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันไม่มีการไล่ล่า มีนโยบายชัดเจนว่าผู้ที่ไปร่วมชุมนุมเฉยๆไม่มีการดำเนินการ แต่ผู้ที่ขึ้นเวทีปราศรัยยุงยงให้ทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ อะไรที่เป็นปัญหาและอยู่ในโครง สร้างของกฎหมาย ชัดเจนว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะมีกระบวนการแก้ไขในเชิงโครงสร้างต่อไป ส่วนที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหาร เช่น การดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนของตำรวจก็จะเร่งรัดให้เกิดความชัดเจนว่ามีมาตรฐานเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน คิดว่าตำรวจ ทหาร จะรับมือกลุ่มเสื้อแดงหากมีการเคลื่อนไหวได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ โดยรัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ที่ผ่านมารัฐบาลมีจุดมุ่งหมายนำความสงบกลับคืนมา ส่วนปัญหาค้างคาใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ให้ฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง 3 ฝ่ายไปดูแล นอกจากนี้ตนขอเชิญชวนประชาชนและสื่อว่าระหว่างที่ฝ่ายนิติบัญญัติทำงานอยู่ ฝ่ายบริหารจะขอทำ งานเพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศด้วยการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน
-ยังคงกำลังทหารบางพื้นที่
ต่อข้อถามว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง นอกจากการแจกใบปลิวโจมตียังมีรูปแบบอื่นอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนยังเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่มาชุมนุมไม่ต้องการทำผิดกฎหมาย และข้อเรียกร้องต่างๆกำลังได้รับการสะสางโดยกระบวนการนิติบัญญัติ ส่วนคนที่อาจมีความคิดเป็นอย่างอื่นนั้น มั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน เพราะไม่ใช่การทำร้ายฝ่ายใด แต่เป็นการทำร้ายประเทศ ทั้งนี้ ทุกกลไกต้องไปทำความเข้าใจกับคนเหล่านี้ กระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการ
เมื่อถามว่าต่างประเทศจะเข้าใจหรือไม่ แม้ไทยจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว แต่บางพื้นที่ยังคงกำลังทหารไว้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เชื่อว่าต่างประเทศทราบ ก่อนจะประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน และเมื่อรัฐบาลยืน ยันว่าการปฏิบัติงานในทุกขั้นตอนและทุกระยะเป็นไปตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็ไม่สามารถ ใช้อำนาจพิเศษที่อยู่ในพ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ คิดว่าต่างประเทศเข้าใจเพราะติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ยังคงกำลังทหารไว้ในบางพื้นที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความจำ เป็นที่ตำรวจต้องมีคนมาสนับสนุนและช่วยงาน โดยเฉพาะบางพื้นที่ซึ่งประชาชนยังวิตกกังวล เช่น จุดเกิดเหตุในช่วงกลางวันของวันที่ 13 เม.ย. เพื่อให้เกิดความอุ่นใจจะคงกำลังทหารไว้ ต่อข้อถามว่าแสดงว่าตำรวจไม่มีศักยภาพเพียงพอ นายกฯ กล่าวว่า ตำรวจทำงานได้ระดับหนึ่ง แต่มีข้อจำกัดในหลายด้านในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จำเป็นต้องอาศัยการใช้กำลังผสมผสานกัน เพื่อให้ทำงานตรงนี้ได้ ซึ่งต่อไปจะดูว่าควรมีกฎหมายเรื่องการชุมนุมแต่ต้องไม่ไปจำกัดสิทธิ์ ต้องเป็นกฎหมายในเชิงการบริหารจัดการ ให้เป็น ไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
-แก้กฎหมายปราบม็อบถนัดๆ
เมื่อถามว่าเนื้อหาสาระกฎหมายควรเป็นอย่างไร และจะแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะดูตามแนวมาตรฐานสากล แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่าการชุมนุมต้องอยู่ห่างจากสถานที่สำคัญเช่น ทำเนียบฯหรือรัฐสภาเท่าไหร่ ซึ่งในสภาเคยมีกฎหมายนี้เสนอมา แต่มีข้อท้วงติงว่าไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรม นูญ ซึ่งกฎหมายใหม่จะต้องให้เจ้าหน้าที่มีหลักอ้างอิงในการปฏิบัติ มีอำนาจและมีบทลงโทษด้วย เพราะสถานการณ์ที่เราดูแลอยู่ขณะนี้ ถ้าตามเจตนารมณ์ตามกฎหมายความมั่นคงใหม่ เป็นสถานการณ์ที่ไม่รุนแรงถึงขั้นต้องประกาศ พ.รก.ฉุกเฉิน
ต่อข้อถามว่าทำเนียบรัฐบาลจะกลับคืนสู่ภาวะปกติเมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า จะค่อยๆดำเนินการ และที่ยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.ก. ในเวลา 12.00 น. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับตัวเพื่อเข้าสู่ภาวะปกติต่อไป ส่วนหน่วยงานด้านความมั่นคงจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่นั้น เมื่อกลับสู่ภาวะปกติแล้ว จะมาทบทวนดูในสิ่งที่จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขด้วย รวมทั้งระบบการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดกำลังปรับ ปรุงอยู่ เมื่อถามว่าครม.ที่ดูแลงานด้านความมั่นคงต้องปรับเปลี่ยนด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครม.ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งจะทบทวนดูทั้งหมดและปรึกษาหารือกันอีกครั้ง
-ไม่หวั่นโฟนอิน-ชี้สื่อนอกรู้
เมื่อถามว่าคณะกรรมการ 3 ฝ่ายที่ตั้งมาจากฝ่ายนิติบัญญัติจะได้รับการยอมรับหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า หวังว่าจะเป็นที่ยอมรับเพราะ พยายามฟังเสียงจากทุกฝ่ายในการประชุมรัฐ สภา ส่วนระยะเวลาและวิธีการนั้น เขาจะหารือกันเอง
ต่อข้อถามว่าสถานะรัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อสถานการณ์ดูจะไม่สามารถกลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุก ฝ่ายต้องช่วยกันทำ การที่ฝ่ายนิติบัญญัติทำเรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายบริหารเพิกเฉยงอมืองอเท้าไม่ทำอะไร แต่กระบวนการการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นเราต้องทำ จุดรวมที่ทำได้ขณะนี้คือฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งตนแนะว่าจะทำโดยลำพังไม่ได้ ต้องดึงทุกภาคส่วนเข้ามา
ผู้สื่อข่าวถามว่าแม้จะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่อดีตนายกฯยังโฟนอินหรือใช้สื่อต่างประเทศเข้ามาอีก รัฐบาลจะควบคุมอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สื่อต่างประเทศมีความเข้าใจมากขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และตนได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติคำต่อคำ คิดว่าจะสร้างความเข้าใจให้ดีขึ้น ยังเชื่อว่าการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันปกป้องสถาบัน และป้องกันไม่ให้เกิดความรุน แรงจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆได้ เมื่อถามว่าทราบข่าวความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ไลบีเรียหรือไม่ นายกฯ หยุดคิดก่อนตอบว่า "ทราบครับ"
-นางเลิ้ง-เพชรบุรีขอคุ้มครอง
เวลา 11.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิ ธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ช่วงค่ำวันที่ 23 เม.ย. นายกรัฐมนตรีแจ้งในการประชุมรัฐสภาว่าจะยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะปรับกำลัง และปรับสภาพพื้นที่ต่างๆ ให้เข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตามการประเมินสถานการณ์เพื่อยกเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉินนั้น ประเมินสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง อาทิ แนวโน้มการชุมนุมที่จะก่อให้เกิดการจลาจลยังคงมีอยู่หรือไม่ พบว่าขณะนี้ค่อนข้างคลี่คลายลงไปมาก ถึงแม้จะมีการชุมนุมเกิดขึ้นเป็นระยะ แต่ถ้าชุมนุมในกรอบประชาธิป ไตยและไม่มีความรุนแรงก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป หากการดำเนินคดีหรือมอบตัวพัฒนาอยู่ในสถานะที่ไม่น่าเป็นห่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะให้อำนาจควบคุมตัวก็ไม่จำเป็น รวมทั้งเสียงสะท้อนจากต่างประเทศด้วย จึงไม่จำเป็นต้องคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้
นายปณิธานกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีบางพื้นที่ร้องขอกำลังตำรวจ ทหาร เข้าไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย อาทิ ชุมชนเพชรบุรี ซ.7 และชุมชนนางเลิ้ง เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีบางพื้นที่ เช่น ทำเนียบรัฐบาล จะต้องคงกำลังเจ้าหน้าที่บางส่วนเอาไว้ โดยเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้พิจารณาปรับลดกำลังตามความเหมาะสมของสถานการณ์ และจะลดระดับความเข้มข้นในการดูแลรักษาความปลอดภัยลงเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยคณะกรรมการ กอฉ.จะเป็นผู้วางแผนปรับลดและถอนกำลังในทุกพื้นที่อย่างเป็นระบบ ส่วนการรักษาความปลอดภัยนายกฯ และบุคคลสำคัญนั้น ยังคงความเข้มข้นในขั้นเตรียมพร้อมสูงสุด เพราะนายกฯ และบุคคลสำคัญถูกปองร้ายและคดีความต่างๆ ยังไม่สิ้นสุด แต่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี จึงต้องคงการรักษาความปลอดภัยไว้ขั้นสูงสุด
-ทำเนียบยังมีทหาร-ตำรวจ
เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศยกเลิกพ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า นายกฯ แสดงความตั้งใจไว้ตั้งแต่วันที่ประกาศใช้พ.ร.ก. แล้วว่ารีบทำงานให้เสร็จ และรีบยกเลิกโดยเร็วที่สุด ตนในฐานะรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงพยายามเร่งรีบทำงานต่างๆ เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยได้รายงานให้นายกฯ ทราบก่อนจะตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าหากยกเลิกแล้วจะควบคุมดูแลสถานการณ์ให้อยู่ในความเรียบร้อยได้ นายสุเทพกล่าวว่า คิดว่าในเวลาที่ผ่านมาทั้งประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ ได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง และการประชุมร่วมรัฐ สภาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาแล้วคงเข้าใจเรื่องได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าทุกฝ่ายจะมีความร่วมมือกันเพื่อรักษาสถานการณ์บ้านเมืองให้เรียบร้อย แต่ทหารยังคงเป็นผู้ช่วยของตำรวจอยู่เช่นเดิม ดังนั้น ในทำเนียบรัฐบาลจึงยังคงกำลังทหาร และตำรวจไว้เท่าที่จำเป็น ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายปกติ
-เทือกเลิกชี้แจงสลายม็อบแล้ว
ส่วนการให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายนั้น นายสุเทพกล่าวว่า นายกฯ แถลงชัดในสภาแล้วว่าจะไม่มีการไล่ล่า แต่จะดำเนินการกับผู้ทำผิดตามกฎหมายปกติ ขณะนี้คดีต่างๆ ของทุกฝ่ายที่ทำผิดอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเร่งรัดให้ดำเนินคดีโดยเร็ว เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อการให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่ระบุว่าภาครัฐใช้ความรุนแรงต่อประชาชน นายสุเทพกล่าวว่า ตนจะไม่ชี้แจงแล้ว เพราะจะให้ความจริงชี้แจงตัวเองดีกว่า และรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดขึ้นแล้ว อีกทั้งนายกฯ ยังเสนอให้รัฐสภา ให้ประธานรัฐสภา วิปทั้ง 3 ฝ่าย คัดเลือกบุคคลที่เป็นกลางขึ้นมาประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด และจัดทำเป็นรายงานขึ้นมาเพื่อให้เห็นความจริงที่ เกิดขึ้น
ต่อข้อถามว่าขณะนี้ยังมีการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มเสื้อแดงอยู่จะดำเนินการอย่างไร นาย สุเทพกล่าวว่า ตนจะทำตามหน้าที่ นายกฯ กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาช่วงท้ายแล้วว่าประชา ชนมีสิทธิจะชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นทาง การเมืองได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย คิดว่านายกฯ ได้พูดสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับสังคมไทยวันนี้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายพิจารณาถึงคำพูดของนายกฯ ที่กล่าวไว้ในช่วงท้ายของการประ ชุมรัฐสภา และตนมั่นใจว่าข้อเสนอของนายกฯ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย และจะเป็นแรงกดดันให้ทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน เพราะความจริงก็คือความจริง เมื่อเอาความจริงมาพูดทุกฝ่ายต้องยอมรับ
-ชี้สื่อเห็นกับตา-บิดเบือนยาก
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังคงมีใบปลิวโจมตีนาย สุเทพเป็นคนจัดฉากสร้างสถานการณ์ปราบม็อบเสื้อแดงจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า พูดตามตรงว่าบ้านเมืองวันนี้โชคดีอย่างหนึ่ง สื่อ มวลชนเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่แท้จริงในทันทีทันใด และประชาชนได้เห็นไปพร้อมกัน ดังนั้น ใครจะมาบิดเบือนอย่างไรคงทำได้ยาก เมื่อถามว่าคิดว่ายังมีการเคลื่อนไหวใต้ดินอยู่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้าย จะทำให้ดีที่สุด
ต่อข้อถามว่าการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะส่งผลอย่างไรต่อการควบคุมตัว 3 แกนนำนปช. นายสุเทพกล่าวว่า ทั้งนายวีระ มุสิกพงศ์ น.พ. เหวง โตจิราการ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะ ได้รับการปล่อยตัว อันเป็นผลจากการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และตำรวจจะขออำนาจศาลเพื่อฝากขังต่อไปตามกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายโดยปกติ เมื่อถามว่าจำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวของแต่ละคนอยู่หรือไม่ นาย สุเทพกล่าวว่า ตนดำเนินการตามกฎหมาย
เมื่อถามถึงการติดตามตัวนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.ที่ถูกออกหมายจับ นายสุเทพกล่าวว่า ตนได้ข่าวเพียงว่านายจักรภพอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าอยู่ที่ไหน จะพยา ยามติดตามดู ต่อข้อถามว่าจะต้องส่งหมายจับไปให้ประเทศต่างๆ รับทราบหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า จะให้ฝ่ายกฎหมายดูเรื่องนี้ ส่วนนาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ที่มีข่าวว่าหลบหนีไปนั้น ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
-ตร.ดำเนินคดีอาญาแทนพรก.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ รองผบ.ตร. ในฐานะโฆษกตร. กล่าวถึงกรณีการทำงานของตำรวจในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมภายหลังนายอภิสิทธิ์ ประกาศยกเลิกพ.ร.ก.บริหารราชการในสถาน การณ์ฉุกเฉิน ว่า ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งระยะเวลาประมาณ 1 ปี ที่ทำงานดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมมา โดยมีทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจถือว่าทำได้ค่อนข้างดี อาจมีช่วงที่เป็นเหตุการณ์พิเศษเข้ามาต้องว่าไปตามกรณี แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าฝ่ายไหนจะทำอะไรก็ขอให้คิดถึงความเสียหายของประเทศ หลังยกเลิก พ.ร.ก.หากพบว่ากลุ่มใดที่สร้างความวุ่นวายตำรวจจะดำเนินการอย่งจริงจัง
"แม้ตำรวจต้องการให้รัฐบาลคงพ.ร.ก.ไว้ก่อน แต่รัฐบาลอาจพิจารณาผลดีต่อประเทศในด้านอื่น ก็เป็นหน้าที่ตำรวจในการดูแล จากนี้ไปต้องพิจารณาทางด้านการข่าว เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ที่อาจมีการรวมตัวกันอีก แต่ตอนนี้มีการดำเนินการเรื่องนี้ในรัฐสภาตามกระบวนการนิติบัญญัติคิดว่าจะช่วยคลี่คลายปัญหาการชุมนุมไปได้ แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจเตรียมการรับมือสถานการณ์โดยตลอด" พล.ต.อ.วัชรพล
ผู้สื่อข่าวถามว่าการดำเนินคดีกับแกนนำนปช.หลังยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า เรื่องนี้ผู้ที่ดำเนินคดีทราบอยู่แล้วว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรในช่วงรอยต่อ และเตรียม การไว้แล้ว คดีที่ออกหมายจับไปแล้วตามกฎหมายอาญาก็ดำเนินคดี ส่วนข้อหาตามพ.ร.ก. ต้องยกเลิก และดำเนินคดีตาม ป.วิ อาญา แทน
-ตามล่าอริสมันต์-จักรภพ
ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีวิทยุสั่งการตำรวจทุกหน่วยตรวจสอบคลังอาวุธ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า เรื่องนี้มีปัญหาเรื่องคดีสำคัญ ตำรวจหน่วยต่างๆ มีอาวุธประจำกายต่อสู้คนร้ายไว้ เช่น ภาคใต้ ซึ่งการควบคุมอาวุธ กระสุนปืนมีระเบียบที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว แต่ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้ดูแลเข้มงวดขึ้นไม่ให้รั่วไหลออกไป เพราะอาจถูกนำออกไปก่อเหตุที่เสียหาย แต่ไม่มีอะไรที่กำชับเป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีปิดวิทยุชุมชน และสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น จะดำเนินการอย่างไรหลังยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า วิทยุชุมชนอยู่ภายใต้กฎหมายคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ดูแลอยู่ พนักงานสอบสวนมีหน้าที่สืบสวนจับกุมกรณีกระทำผิดตามการร้องขอของกทช. ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะมีกฎหมายอยู่แล้ว
ส่วนการติดตามตัวนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มเสื้อแดงนั้น พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า เท่าที่ทราบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพยายามสืบสวนติดตามจับกุมอยู่ รวมทั้งบุคคลที่มีหมายจับ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวในรัฐสภาว่ากลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินที่ทำร้ายกลุ่มเสื้อแดงมีตำรวจภูธรภาค 3 รวมอยู่ด้วย พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า เรื่องนี้ผบ.ตร.มอบหมายพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รองผบ.ตร. ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งต้องรอข้อมูลในส่วนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ โดยกำหนดกรอบ เวลาที่ชัดเจนและต้องรายงานตรงต่อผบ.ตร. ทราบแล้ว ที่ผ่านมาเมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ตำรวจไม่รอช้าจะให้ออกจากราชการก่อน ยืนยันว่าเป็นหน่วยงานเดียวที่จริงจังกับข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหาไม่มีการปกป้อง
-ผบช.น.โอเคชุมนุมสงบ
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ บช.น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เรียกประชุม รองผบช.น. ผบก.น.1-9, ผบก.อก., ผบก.จร., ผบก.ตปพ.(191) และผกก.ทุกนายสังกัดบช.น. ภายหลังการประกาศยกเลิกพ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ท.วรพงษ์เปิดเผยว่า ประชุมเน้นย้ำให้ช่วยกันรักษากฎ หมายให้ได้ เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่ปกติแล้ว ที่ผ่านมาตำรวจถูกมองว่าไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกัน ซึ่งยอมรับตรงนั้น ปัจจุบันตามนโยบายของรัฐ บาล นายกรัฐมนตรีบอกว่าต้องเป็นนิติรัฐ ตำรวจ ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ได้ จึงมาทำความเข้าใจกับนายตำรวจที่มีส่วนสำคัญในพื้นที่คือ ผกก. เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าจากนี้ไปการชุมนุมสามารถทำได้ พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า การชุมนุม หากทำอย่างสงบสามารถทำได้ ส่วนกรณีที่ม็อบเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวที่สนามหลวง หากประ กาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ชุมนุมอย่างสงบทำได้ บช.น.จะจัดตำรวจไปดูแลความสะดวก เรื่องการจราจรและความปลอดภัย
-ยันไม่มีคลิปทหารฆ่าแดง
เมื่อถามว่าแกนนำม็อบเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ หลังจากยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วต้องปล่อยตัวหรือไม่ พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า ต้องดูเป็นรายๆไป รายใดที่มีเรื่องของคดีอาญาอยู่ 3 คนคือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวีระ มุสิกพงศ์ และน.พ.เหวง โตจิราการ ที่มีคดีอาญาอยู่ ก็ต้องนำตัวมาฝากขังต่อศาลอาญาวันนี้ ซึ่งเมื่อดูตามหลักการกฎหมายแล้วให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ไม่ให้มองว่าเป็น 2 มาตรฐาน ซึ่งคงพิจารณาว่าทั้ง 3 คนมามอบตัวคงไม่หลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน คงไม่คัดค้านการประกันตัว
เมื่อถามว่าพล.ต.อ.พัชรวาท มีหนังสือเตือนเรื่องระมัดระวังเรื่องอาวุธของทางราชการ ผบช.น. กล่าวสั้นๆว่า มีการพูดเรื่องนี้ด้วย "ผมเชื่อว่า บรรยากาศเมื่อคืนที่รัฐสภาเป็นไปด้วยความสมานฉันท์ เชื่อว่าทุกฝ่ายน่าจะยุติความรุนแรงได้ ผมมองอย่างนั้น" ผบช.น.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ามีคลิปทหารฆ่าประชาชนหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ไม่มี สั่งตรวจสอบไป 3 วันยังไม่พบเลย และให้รายงานทันที หากพบเหตุ ฝากด้วยว่าหากประชาชนพบเบาะแสสามารถแจ้งตำรวจได้ตลอด ทั้ง 191 และสน. พื้นที่ เชื่อว่าสมานฉันท์ดีที่สุด
ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า จากการประชุมร่วม 3 ฝ่ายของรัฐสภาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา พอจะมีแนวทางแก้ปัญหาได้ อย่างน้อยที่สุดทำให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร ประ ชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ ยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว มีผลบังคับใช้วันนี้ ซึ่งเหมาะสมแล้ว หากยังคงประ กาศใช้ต่อไปจะส่งผลกระทบถึงต่างประเทศ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกด้วย
-เปลี่ยนพงส.คดีพันธมิตร
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนรับผิดชอบดำเนินคดีกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรชุมนุมในบริเวณทำเนียบรัฐบาล ท่าอากาศยานดอนเมือง เขตรับผิดชอบบช.น. และบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณ ภูมิ เขตรับผิดชอบ บช.ภาค 1 และบุกรุกเข้าไปภายในสถานที่และทำลายทรัพย์สินในสถานที่ดังกล่าว
เนื่องจากมีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนบางนายไปดำรงตำแหน่งใหม่ พนักงานสอบสวนหลายนายได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งต่างๆ เปลี่ยนไปจากเดิม และมีพนักงานสืบสวนสอบสวนบางนายขอถอนตัวจากการเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน ประกอบกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นแกนนำพันธมิตรได้ร้องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสืบสวนสอบสวนบางนาย เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ผบ.ตร.จึงมีคำสั่งที่ 172-173/2552 ยกเลิกและแต่งตั้งพนักงานสืบสวนใหม่ โดยมอบหมาย พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นหัวหน้า พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. และพล.ต.ท. ฉลอง สนใจ ผบช.ภาค 1 พล.ต.ต.ชยุต ธนทวี รัชต์ รองผบช.ภาค 1 พล.ต.ต.คำรบ ปัญญาแก้ว รอง ผบช.ภาค 1 เป็นรองหัวหน้า โดยมีพนักงานสอบสวนจำนวนรวม 96 คน โดยให้พนักงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว หากพบว่ามีผู้อื่นร่ามทำผิดให้มีอำนาจดำเนินคดีกับผู้นั้นด้วย
พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร. เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนในคดีพันธมิตร บุกยึดท่าอากาศยานดอนเมือง สนามบินสุวรรณ ภูมิ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ก่อนจะสั่งการพนักงานสอบสวนที่มาประชุม ให้ทำความเห็นทางคดีเป็นรายบุคคล หากมีคนไม่เห็นด้วยกับความเห็นทางคดีของส่วนใหญ่ก็จะไม่บังคับ ไม่ลงชื่อในรายงานการสอบสวนก็ได้
-ชุมชนเพชรบุรีซ.7 เครียดสุด
วันเดียวกัน น.พ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตร่วมกับสำนักอนามัย กรุง เทพมหานคร (กทม.) ได้ลงพื้นที่สำรวจและประเมินผลสุขภาพจิตของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายหลังจากเกิดเหตุก่อจลาจลในกรุง เทพฯ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยทีมสหวิชาชีพได้ลงพื้นที่สำรวจ ระหว่างวันที่ 16-19 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้บาดเจ็บที่อยู่ในโรงพยาบาล ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและทหาร มีจำนวน 48 ราย และญาติหรือคนในครอบครัว อีก 33 ราย และกลุ่มชาวชุมชน 3 แห่ง คือ ชุมชนเพชรบุรี ซอย 7 ชุมชนแฟลตดินแดง และชุมชนตลาดนางเลิ้ง ประมาณ 300 คน โดยใช้แบบทดสอบพลังสุข ภาพจิตคนไทย หรือแบบประเมินอาร์คิว (RQ : Resilience Quotient) เพื่อประเมินว่ามีผู้ที่อยู่ในภาวะกลุ่มอาการความซึมเศร้าที่เกิดหลังจากการเผชิญภาวะวิกฤตรุนแรงทั้งทางใจและกาย (Post- Traumatic stress Disorder : PTSD) หรือไม่ โดยผลการประเมินกลุ่มผู้บาดเจ็บและญาติ มีสุขภาพจิตปกติ ไม่มีปัญหาความเครียดแต่อย่างใด
น.พ.ชาตรีกล่าวว่า ส่วนกลุ่มชุมชนค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะผลประเมินพบว่า ทุกชุมชนมีความเครียด โดยเฉพาะชุมชนเพชรบุรี ซอย 7 มีความเครียดมากที่สุด โดยมีสมาชิกชุมชนเครียดมากถึงร้อยละ 50 แบ่งเป็นเครียดรุนแรง ร้อยละ 38 และเครียดเล็กน้อย ร้อยละ 12 รองลงมาคือ ชุมชนตลาดนางเลิ้ง มีความเครียด ร้อยละ 27 แบ่งเป็น เครียดรุนแรง ร้อยละ 5 และเครียดเล็กน้อย ร้อยละ 22 และชุมชนแฟลตดินแดง มีความเครียดเล็กน้อยเพียงร้อยละ 7 เท่านั้น ถือว่าเป็นชุมชนที่มีพลังสุขภาพจิตเข้มแข็งมากที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะชาวชุมชนมีการรวมตัวอย่างเหนียวแน่น ร่วมกันทำกิจ กรรมต่างๆ เป็นประจำ และกิจกรรมที่ทำประ สบความสำเร็จจึงเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับปัญหาต่างๆ
-เหตุเพราะไม่มั่นใจปลอดภัย
"ที่น่าสนใจคือ สาเหตุที่ชุมชนเพชรบุรีซอย 7 ทำไมจึงเกิดภาวะเครียดค่อนข้างมาก ซึ่งทีมสหวิชาชีพจะต้องประเมินและวิเคราะห์หาสา เหตุของปัญหาความเครียดที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางแก้ไขและเยียวยาให้กับประชาชนเพื่อให้กลับมามีสุขภาพจิตที่แข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไป ซึ่งจากการสอบถามเบื้องต้นพบว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดคือ ความไม่มั่นใจในความปลอด ภัยของชาวบ้าน หวาดระแวงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ทีมสหวิชาชีพได้ให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวและแบบกลุ่มกับชาวบ้านทุกคนที่มีความเครียด และให้คำแนะนำในการปรับสภาพจิตใจ และต้องนัดให้คำปรึกษาโดยบางรายต้องพบนักจิตวิทยาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง ไปจนถึง 3 เดือนต่อครั้งจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ" อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว
น.พ.ชาตรีกล่าวว่า สำหรับอาการความเครียด ที่พบ มีทั้งอาการทางกาย และจิต เช่น ใจสั่น นอนไม่หลับ นึกถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ซึมเศร้าไม่พูดคุยกับใคร ปวดท้อง เบื่ออาหาร หรือกินมากกว่าปกติเพื่อชด เชยความเครียดที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายใดที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นร้องไห้ทุกครั้งที่อยู่คนเดียว หรือซึมเศร้าจนคิดอยากฆ่าตัวตาย ซึ่งอาการความเครียดเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาวิกฤตในชีวิต แต่จะหายไปเองในเวลา 1-3 เดือน แต่หากไม่สามารถจัดการความ เครียด ได้จะถือว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าถาวร โดยการจัดการความเครียดสามารถทำได้คือ 1.ต้องเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถฝ่าวิกฤตทางการ เมืองได้ 2.ต้องมองด้านบวก ยอมรับและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้ารู้สึกเครียดให้หันมาทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ออกกำลังกาย สวดมนต์ ไหว้พระ ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น และ 3.ร่วมกันสร้างสังคมมีความหวัง ไม่จมอยู่กับความทุกข์ ความเครียด
-บุญจงแจงวุ่นที่มาเสื้อน้ำเงิน
เวลา 10.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีมวลชนสวมเสื้อสีน้ำเงินด้านหน้ามีคำว่า ปกป้องสถา บัน ด้านหลังมีคำว่า สงบ สันติ สามัคคี สัญ ลักษณ์ของโครงการปกป้องสถาบันสร้างความสมานฉันท์ให้กับคนในชาติ ของกระทรวงมหาด ไทยว่า ยืนยันว่าโครงการนี้ไม่เคยคิดแยกสีประ ชาชน ช่วงที่กระทรวงมหาดไทยดำเนินการนั้นเนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองมีแนว คิดแตกแยก มีคนบางกลุ่มมีแนวคิดจาบจ้วงสถา บันพระมหากษัตริย์ กระทรวงมหาดไทยมีเจ้าหน้าที่อยู่จำนวนมากจึงคิดโครงการนี้ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสร้างความรักความสามัคคี จากนั้นจึงคิดสัญลักษณ์คือใช้สีน้ำเงินที่ปรากฏในธงชาติมาเป็นสัญลักษณ์
ผู
มาร์คเลิกพรก.แล้ว แดงทันที สนามหลวงเย็นนี้
-นครบาลงานเข้ารับม็อบอีก
ที่บช.น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกบช.น. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีม็อบเสื้อแเดงนัดชุมนุมอีกครั้งที่สนามหลวงวันที่ 25 เม.ย.ว่า บช.น.จัดกำลังดูแลอยู่แล้ว หากชุมนุมอย่างสงบไม่น่ามีปัญหา โดยการรักษาความปลอด ภัยได้วางแผนนครบาล 50 เพื่อรับมือสถาน การณ์ต่างๆ แล้ว แบ่งเป็น 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ระวังพิเศษอย่างยิ่ง เช่น เขตพระราชฐาน, สถาน ทูต, พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ เช่น สถานที่ราชการ, บ้านพักบุคคลสำคัญ, โรงแรม, ศูนย์การค้า และพื้นที่เฝ้าระวัง เช่น ธนาคาร, ร้านทอง, ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
เมื่อถามว่าสถานีวิทยุชุมชนหรือดีสเตชั่นสามารถเปิดได้ตามปกติหรือไม่ หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.ต.ต.สุพรกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล หากไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นการยั่วยุก่อให้เกิดความวุ่นวาย สามารถเปิดได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่บช.น.มีพื้นที่เฝ้าระวังทั้ง 3 ประเภท จำนวน 4,375 จุด แบ่งเป็นพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษอย่างยิ่ง 361 จุด พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ 791 จุด และพื้นที่เฝ้าระวัง 3,223 จุด
-ปชป.เชื่อเพื่อไทยเล่นไม่เลิก
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านพยายามยัดเยียดว่าทหารใช้อาวุธทำร้ายจนมีประชาชนเสียชีวิตทั้งที่ยังไม่เห็นร่องรอย พยายาม เบี่ยงเบนประเด็น ทำทุกวิถีทางเพื่อมีคนตายให้ได้สัก 1 คน แต่ปรากฏว่าไม่มีใครตาย ถ้า เขาต้องการให้มีศพจริง มีคนตายจริง อยากแนะ นำว่าแกนนำ นปช.น่าจะเสียสละสักคน สังเวยชีวิตเป็นเหยื่อไล่รัฐบาล แต่ไม่มีใครกล้า จึงพยา ยามเฟ้นหาชีวิตของคนอื่นมา แต่หาไม่ได้ กลุ่มคนเสื้อแดงทำพิธีบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้คนตายเมื่อวันที่ 23 เม.ย.เพื่อสร้างภาพว่ามีคนตายจริง น่าจะเป็นการทำบุญบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้คนที่มีชีวิต แต่เร่รอนอยู่ต่างประเทศมากกว่า
นายเทพไทกล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้มี 2 มาตรฐาน มีเพียงมาตรฐานเดียว เหตุการณ์คนเสื้อเหลืองเกิดในรัฐบาลอื่น หากเกิดในรัฐบาลนี้คงไม่ปล่อยให้คดีคาราคาซังแน่นอน น่าแปลกใจคือนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรค เพื่อไทย เรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบด้วยการลาออกเพราะมีทหารสลายการชุมนุม อยากถามนายจตุพรว่าช่วงสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อเหลืองเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ใช้แก๊สน้ำตา อาวุธปืน มีคนบาดเจ็บและล้มตาย ทำไมตอนนั้นนายจตุพรจึงไม่มีสามัญสำนึก เรียกร้องให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รับผิดชอบด้วยการลาออกบ้าง พฤติ กรรมของนายจตุพรต่างหากที่เป็น 2 มาตรฐาน กรณีกล่าวหานายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มือเปื้อนเลือดก็ไม่จริง นายอภิสิทธิ์ถือเป็นนายกฯ มือสะอาดคนหนึ่ง เป็นที่ยอมรับของคนทั้งในและต่างประเทศ แปลกใจว่าที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ถูกฆาตกรคนเสื้อแดงไล่ล่าเอาชีวิต แต่วันนี้กลับสร้างภาพว่านายอภิสิทธิ์เป็นฆาตกรที่ฆ่าคนเสื้อแดงได้อย่างไร การที่กลุ่มคนเสื้อแดงเปลี่ยนมาจัดชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ทำให้คนส่วนหนึ่งกังวล อยากให้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงจับตาเป็นพิเศษ เชื่อว่าจะเล่นไม่เลิก หาช่องทางล้มล้างรัฐบาลให้ได้
-ขู่เอาผิดแจกซีดีบิดเบือน
เมื่อถามถึงพรรคเพื่อไทยผลิตวีซีดีรัฐบาลสั่งทหารฆ่าประชาชน ไว้แจกจ่ายหลังจากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายเทพไทกล่าวว่า หากหลักฐานชัดเจนว่าวีซีดีดังกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง ตัดต่อเพื่อสร้างเรื่อง จัดฉาก ถือเป็นการปลุกระดมยั่วยุ ทำลายความมั่นคง พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบ รัฐบาลเองไม่ยอมให้พรรคเพื่อไทยทำอย่างนั้น ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แม้พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะถูกยกเลิกแต่ยังมีกฎหมายอื่นที่ควบคุมได้ เช่น กฎหมายความมั่นคง กฎ หมายอาญา
น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคสนับสนุนการทำงานของนายอภิสิทธิ์ ที่รักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมโดยไม่มีการเสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และยืนยันความสำคัญของการใช้กระบวนการรัฐสภาในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง เพราะเอาวิกฤตการเมืองที่อยู่ภายนอกกลับเข้าสู่การทำงานในสภา ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความสมานฉันท์และการปฏิรูปการเมือง ขณะนี้รัฐสภาบรรลุเจตนารมณ์เบื้องต้นของการกลับมาเป็นทางออกจากวิกฤตสังคมไทย ทุกฝ่ายทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาลและส.ว. ยืนยันจุดยืนร่วมกันที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ เป็นเครื่องยืนยันว่าอนาคตหากจะแสดงสิทธิตามรัฐธรรมนูญการชุมนุมจะต้องไม่เกิดความรุนแรง ไม่ว่าจากฝ่ายใด ทั้งนี้ จากการประ ชุมร่วมรัฐสภา สังคมมีภารกิจ 4 เรื่องต้องสานต่อร่วมกัน คือ 1.รักษาสถาบันสูงสุดของประ เทศไม่ให้ฝ่ายใดจาบจ้วงหรือดึงเข้าสู่วังวนความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าจากภายในหรือภาย นอกประเทศ 2.สร้างความสมานฉันท์ รักษาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุม 3.ทุกภาคส่วนต้องแก้ตัว ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนอีกครั้งอย่างสงบ และ 4.ช่วยกันแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจที่มีผลต่อประเทศชาติ
-บีบจักรภพ-ยกเลิกพาสปอร์ต
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวนอกประเทศจากองค์กรและบุคคลที่ไม่ต้องการให้ประเทศเกิดความสงบ เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศต่อเนื่อง ส่งสัญญาณเตรียมใช้ความรุนแรงล้มล้างรัฐบาล ก่อความไม่สงบ นายจักร ภพระบุว่าเตรียมตั้งฐานปฏิบัติการในต่างประเทศเพื่อบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาลในต่างประเทศ การกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลชุดหนึ่งชุดใด แต่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับประเทศ โดยแสดงความไม่หวังดีกับบ้านเมือง รูปแบบการเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณมีแนวโน้ม ไปอยู่ในประเทศที่มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยน้อยลง ล่าสุดไปอยู่ที่ไลบีเรีย แม้มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย แต่ทางการไทยต้องประสานงานผ่านสถานทูตไทยในประเทศเซเนกัล ส่วนไลบีเรียหากจะประสานมายังไทยต้องผ่านสถานทูตไลบีเรียในประเทศญี่ปุ่น ขณะเดียวกันประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปไม่ได้เป็นประเทศที่ยึดโยงอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย ไลบีเรียมีประวัติเกิดสงคราม กลางเมืองมานาน และกลุ่มประเทศในแอฟริกาหรืออเมริกากลางเป็นที่รับทราบในวงการสากลว่าเป็นที่ที่ใช้เป็นเส้นทางผ่านในการลำเลียงอาวุธและเส้นทางเงิน เพื่อสนับสนุนการก่อความไม่สงบในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า จากการเคลื่อนไหวต่างๆ เพื่อสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลและบิดเบือนข้อเท็จจริงนั้น พรรคจะสนับสนุนรัฐ บาลโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศเร่งประสานงานระหว่างมิตรประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ จำกัดการเดินทางและติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณและนายจักรภพเข้ามาสู่กระ บวนการยุติธรรม เบื้องต้นหากนายจักรภพพยา ยามเดินทางไปอยู่ประเทศใดก็ตาม พรรคจะหารือกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ทันทีที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เรื่องการขอถอนพาสปอร์ตตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ หากผู้ที่ถือหนังสือเดินทางคงอยู่ในต่างประเทศต่อไป อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยได้
-พัชรวาทเชื่อคนมาไม่เยอะ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมที่สนามหลวงในช่วงเย็นวันที่ 25 เม.ย. หลังมีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า การดู แลกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ตำรวจก็ยังคงใช้มาตร ฐานเดิม โดยเน้นการเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุม นุมถึงข้อเรียกร้อง และจะพยายามให้การชุมนุมอยู่ในระเบียบ ไม่เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่
ส่วนการประเมินจำนวนผู้ชุมนุม พล.ต.อ. พัชรวาท กล่าวว่า คงประเมินได้ยากว่าจะมีจำ นวนมากเท่าใด แต่จากรายงานข่าวพบว่ามีกลุ่มเดียวคือมาจากจ.สมุทรสาคร ซึ่งตำรวจได้เจรจาทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมบางส่วนแล้ว ซึ่งสถาน การณ์การชุมนุมไม่น่าจะมีความวุ่นวายเนื่องจากตำรวจไม่ได้คัดค้านการขอประกันตัวแกนนำครั้งล่าสุด
-เผยทำเนียบยังคุ้มกันเข้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบว่า แม้นายกฯ จะยกเลิกประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว แต่การรักษาความปลอดภัยและอารักขาทำเนียบยัง คงเข้มข้นอยู่เช่นเดิม แต่ได้ลดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่เคยมาประจำการคงเหลืออยู่เท่าที่จำเป็นประมาณหน่วยละ 1 กองร้อย เพราะ ยังถือว่ามีความจำเป็นในการให้เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ที่มีความสำคัญ ส่วนการเดินเท้าตรวจบริเวณโดยรอบทำเนียบของทหารก็ยังคงดำเนินการปฏิบัติตลอด 24 ชั่ว โมง อีกทั้งยังอยู่ประจำตามจุดต่างๆ ทั้งประตูทางเข้า-ออก บริเวณอาคารสำคัญต่างๆ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกระจายกำลังปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งเช่นเดิม
สำหรับบรรยากาศในทำเนียบที่เคยใช้มาตร การดูแลและรักษาความปลอดภัยในชั้นสูงสุด หลังที่ได้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดลง โดยเฉพาะเมื่อมีการลดกำลังทหารและตำรวจลง โดยมีการเปิดประตูทางเข้า-ออกด้านประตู 4 ด้านถนนพิษณุโลก เพื่อให้ข้าราชการและผู้มาติดต่อกับหน่วยงานในทำเนียบได้รับความสะดวกมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ดีกับประเทศ และเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวให้กลับคืนสภาพโดยเร็ว แต่ในด้านการข่าวก็ยังจำเป็นที่ต้องคงกำลังทหารไว้ในบางพื้นที่ที่เป็นจุดล่อแหลมสำคัญๆ
-กก.สอบม็อบเริ่มจันทร์นี้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ครม.มีมติเห็นชอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 101/2552 แต่งตั้งคณะกรรมการรวบรวมและประมวลเหตุ การณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 13 เม.ย.และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง (คปช.) มีกรรมการ 40 ราย และมีตนเป็นประธานนั้น จะจัดประชุมคปช.ขึ้นครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 27 เม.ย. เวลา 10.00 น.ที่ห้องประ ชุม 203 ชั้น 2 อาคารกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อรับทราบคำสั่ง รายงานผลการดำเนินงานรักษาความไม่สงบ การให้ความช่วยเหลือและความเสียหายที่เกิดขึ้น ระหว่างวันที่ 26 มี.ค.-ปัจจุบัน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะพิจารณากรอบแนวทางรวบรวมข้อมูลและประมวลเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมืองก่อนกำหนดกรอบระยะเวลารวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านต่างๆ จำนวน 4 คณะเพื่อช่วยปฏิบัติงาน นอกจากนี้จะรวบรวมข้อมูลกรณีหน่วยงานรัฐ เอกชนที่ได้รับความเสียหายเพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือต่อไป
-เล็งภูเก็ตประชุมอาเซียน
นายพนิช วิกิตเศรษฐ ผู้ช่วยรมว.ต่างประ เทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าเตรียมจัดการประ ชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่ เจรจา และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องครั้งใหม่ หลังจากถูกกลุ่มคนเสื้อแดงบุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี จึงต้องยกเลิกจากการประชุมดังกล่าวเมื่อวันที่ 11-12 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า นายอภิสิทธิ์วางกรอบเวลาคร่าวๆ ไว้ว่าอาจเป็นสัปดาห์ที่ 2 หรือ 3 ของเดือน มิ.ย.2552 เพื่อใช้ในการสอบถามช่วงเวลาที่ตรงกันของประ เทศที่จะเข้าร่วมประชุมดังกล่าวทั้ง 15 ประเทศ ในเบื้องต้น ทราบว่าประธานาธิบดีของประเทศเกาหลีใต้ต้องเดินทางไปร่วมประชุมในต่างประ เทศ ประมาณวันที่ 17-18 มิ.ย.นี้ และยอมรับว่ามีบางประเทศที่สอบถามด้วยความเป็นห่วงมากเป็นพิเศษถึงแผนการรักษาความปลอดภัยของไทยในการจัดประชุมดังกล่าว เช่น ประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เพื่อขอความมั่นใจในความพร้อมว่าสามารถจัดได้โดยจะไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ว่าใครที่เคยผ่านเหตุการณ์เหมือนครั้งที่แล้ว ก็ไม่อยากจะให้เกิดความเสี่ยงขึ้นอีกครั้ง ไทยจะต้องชี้แจงต่อคณะทูตานุทูตและหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศนั้นๆ ต่อไป
ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องสถานที่จัดการประชุมนั้น คาดว่าน่าจะเป็นที่จ.ภูเก็ต โดยจะคำนึงถึงเรื่องความสะดวกในการดูแลความปลอดภัยเป็นหลัก ทั้งนี้ เจ้าหน้า ที่ของกระทรวงการต่างประเทศเคยไปสำรวจพื้น ที่บริเวณลากูน่า ก่อนที่จะย้ายไปจัดที่เมืองพัทยา แต่เบื้องต้นเห็นว่าอาจเปลี่ยนเป็นบริเวณอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงแทน เพราะเห็นว่าเส้นทางเข้า-ออกบริเวณลากูน่าดูแลความปลอดภัยได้ค่อนข้างยาก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอยากให้ได้ข้อสรุปเรื่องสถานที่และช่วงเวลาจัดการประชุมดังกล่าวให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือนกว่าๆ ในการเตรียมการต่างๆ
-มท.1 ย้ำไม่บังคับใส่สีน้ำเงิน
เวลา 15.00 น. ที่ว่าการอำเภอปลวกแดง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการจัดงานวันฉัตรมงคล วันที่ 5 พ.ค.ว่า ตนไม่ได้กำหนดให้คนที่เข้ามาร่วมงานต้องใส่เสื้อสีน้ำเงิน ทุกคนจะใส่เสื้อสีไหนก็ได้ แต่ที่กระ ทรวงมหาดไทยจัดงานคนเสื้อสีน้ำเงิน เพราะเห็นว่าเป็นสีของสถาบัน แต่ไม่ได้บังคับ เชื่อว่าจะมีคนมาร่วมงานในวันที่ 5 พ.ค. ประมาณ 1.2 แสน-2 แสนคน แต่ไม่มีการบังคับให้แต่ละจังหวัดว่าต้องเกณฑ์คนมาร่วมงาน ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสมัครใจ
นายชวรัตน์ กล่าวถึงนายกฯ ยกเลิกการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า น่าจะเกิดจากการพิจารณา แล้วว่าถึงเวลาที่ควรยกเลิก และสถานการณ์ความไม่สงบลดน้อยลง หลังอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ 2 วัน เชื่อว่าทุกอย่างจะเบาบางลง แต่ละจังหวัดไม่มีการรายงานของกลุ่มคนเสื้อแดงมาก่อความวุ่นวาย ส่วนการชุมนุมใหญ่ของนปช. ที่สนามหลวง คิดว่าไม่มีปัญหา และไม่หวั่นว่าจะมีมือที่ 3 มาก่อเหตุ และคงไม่มีการบุกรุกเข้ากระ ทรวงมหาดไทยอีก เพราะคนทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจแล้วว่าไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครได้ประโยชน์ จึงอยากให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง แต่ได้วางแผนรองรับเพราะที่ผ่านมาถือเป็นประสบการณ์
นายชวรัตน์ กล่าวว่า ส่วนการเสนอตั้งคณะกรรมการร่วมของสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไข ปัญหาความวุ่นวาย ที่นายกฯ เสนอต่อสภา ถือ ว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนเรื่องเสื้อสีน้ำเงินที่ถูกนำไปโยง ตนไม่คิดว่ามีปัญหาเพราะหากไปดูซีดี แล้ว ก็จะรู้ว่าถูกปรักปรำ ส่วนที่นายบุญจง วงศ์ไตร รัตน์ รมช.มหาดไทย ระบุว่ามีตำรวจมาใส่เสื้อสีน้ำเงินด้วยนั้น ตนไม่ได้ยินที่นายบุญจงพูด
-คุม 3 นปช.ฝากขังศาล 12 วัน
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 13.45 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกนายวีระ มุสิกพงศ์ อายุ 60 ปี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 33 ปี และ น.พ.เหวง โตจิราการ 58 ปี แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาที่ 1-3 คดีปลุกระดมมวลชนเพื่อให้ประ ชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับพร้อมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 14 คน ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุติสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล
โดยคำร้องสรุปว่า นายกรัฐมนตรี ได้ประ กาศยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงทำ ให้การควบคุมตัวทั้งสามตาม พ.ร.ก.สิ้นสุดลง แต่การสอบสวนคดียังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานอีก 20 ปาก และรอผลการตรวจสอบประ วัติ อาชญากร จึงมีความจำเป็นต้องฝากขังผู้ต้อง หาเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.-5 พ.ค.นี้
-ม็อบ 30 คนรอมอบกุหลาบ
ด้านนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. กล่าวว่า ตนยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวน เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ประกาศยกเลิกพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว และที่ผ่านมาพ้นระยะเวลาการควบคุมตัว 48 ชั่วโมงตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.แล้ว และยืนยันว่าผู้ต้องหาทั้งสาม ไม่ได้มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ขณะเดียวกันตนก็ยื่นคำร้องขอประกันตัว 3 แกนนำด้วย ซึ่งเตรียม หลักทรัพย์ทั้งเงินสดคนละ 5 แสนบาท และตำแหน่ง ส.ส. ต่อศาล รวมทั้งตำแหน่ง ส.ส. ของนายการุณ โหสกุล และนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาทั้งสามถูกนำตัวจาก บก.ตชด.ภาค1 มายังศาล โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อย 150 นาย กระจายกำลังรอบบริเวณศาลเพื่อดูแลความปลอดภัย ซึ่งวันนี้มีกลุ่มผู้สนับสนุน นปช. สวมเสื้อแดง และเสื้อผ้าหลากสีประมาณ 30 คน เดินทางมา พร้อมนำดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ และนายการุณ โหสกุล ส.ส. พรรคเพื่อไทย นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ ทนาย ความพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาให้กำลังใจผู้ต้องหาทั้งสามด้วย
-ตร.ไม่คัดค้านประกันตัว
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลได้ไต่สวนคำร้องฝากขังของพนักงานสอบ สวนและคำคัดค้านฝากขังผู้ต้องหา โดยพล.ต.ต. อำนวย เข้าเบิกความสรุปว่า หลังจากศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 14 เม.ย. เวลา 15.30 น. ผู้ต้องหาแสดงตนต่อพนักงานสอบ สวน บช.น. ซึ่งแจ้งข้อหาดำเนินคดี ต่อมาวันที่ 16 เม.ย. เวลา 08.00 น. พนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหามายื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาควบคุมตัว ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ตามที่ถูกออกหมายจับ และควบ คุมตัว ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 11 อนุ 1 มาตรา 12 เป็นเวลา 7 วัน และวันที่ 24 เม.ย. เวลา 12.00 น. นายกฯ ประกาศยกเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เจ้าพนักงานจึงหมดอำนาจควบคุมตัว ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำเป็นต้องยื่นคำร้องฝากขังในคดีอาญาเป็นเวลา 12 วัน
พล.ต.ต.อำนวย ตอบการซักค้านทนายความเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง และระยะเวลาการควบคุมตัวผู้ต้องหาว่า การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ไม่ถือว่าสงบ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งการชุมนุมได้ใช้ถ้อยคำยุยงให้ประชาชน กระทำละเมิดต่อกฎหมาย และใช้ความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ซึ่ง
กลุ่มผู้ชุมนุมจะมาด้วยความสมัครใจหรือไม่ ตนไม่ทราบ ส่วนการควบคุมตัวผู้ต้องหา 48 ชั่ว โมง หลังแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่จะนับรวมการเดินทางเข้ามอบตัว และการเดินทางจากสถานที่ควบคุมตัวมาศาล สำหรับเรื่องการขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนไม่คัดค้าน จึงขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล และผู้ต้องหาต้องไม่ฝ่า ฝืนกฎหมาย ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งการยื่นคำร้องฝากขัง ได้ปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหา ตามประ มวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และมาตรา 215 พยานเบิกความเรื่องอื่นๆ แล้วเสร็จ ศาลจึงนัดฟังคำสั่งต่อไป
-เพื่อไทยทำสงครามคลิปต่อ
เวลา 13.30 น.ที่พรรคเพื่อไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าว ซึ่งนายสุรพงษ์ นำมาภาพเหตุการณ์การบุกเข้ากระทรวงมหาดไทยของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมามาแสดงด้วย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ภาพดังกล่าวตนได้มาจากเว็บไซต์ยูทูบที่นำมาจากข่าวของสำนักข่าวบีบีซี ซึ่งเป็นภาพของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมและทีมรักษาความปลอด ภัยจำนวนหนึ่งที่ถือปืนออกมา ซึ่งก่อนที่ภาพดังกล่าวจะปรากฏมีเสียงปืนดังขึ้น 5 นัด จากนั้นเป็นภาพของทีมรักษาความปลอดภัยของพล.อ. ประวิตร นำปืนซ่อนไว้ในสูท ซึ่งอากัปกิริยาอย่างนี้ทำให้สงสัยว่าคนๆ นั้นจะต้องทำอะไรที่ผิดอย่างแน่นอน ดังนั้นตนจะนำภาพดังกล่าวมอบให้คณะกรรมาธิการสอบสวนข้อเท็จจริงของรัฐสภาพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ยังมีคลิปวิดีโอที่มีทั้งภาพและเสียง แสดงให้เห็นว่ามีการสั่งการให้คนเสื้อน้ำเงินตีประชาชนเช่นกัน
-เตรียมแจ้งจับนายกฯมาตรา157
ด้านนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคต่างพอใจการทำหน้าที่ของส.ส. พรรค ขณะนี้คณะทำงานของพรรคอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และคลิปวิดีโอต่างๆ ทั้งส่วนที่ได้เปิดต่อสภาและไม่ได้รับอนุญาตให้เปิด ก่อนจะส่งให้ฝ่ายกฎหมายพรรคดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ ในข้อ หาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ประ มวลกฎหมายอาญา และสัปดาห์หน้าตนจะส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตรวจสอบเช่นเดียวกับกรณีเหตุการณ์ 7 ต.ค.2551
นายประเกียรติ กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมา ธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุจลาจลของกลุ่มคนเสื้อแดงที่วิปทั้ง 3 ฝ่ายจะหารือกันวันที่ 27 เม.ย.นี้ เชื่อว่าจะตั้งได้ตามมาตรา 127 วรรค 4 และวรรค 5 ของรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้พรรคจะสอบถามท่าทีของรัฐบาลต่อการแก้รัฐธรรม นูญ และเรื่องพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติด้วย
เมื่อถามว่าระหว่างการตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น พรรคจะขอร้องคนเสื้อแดงให้หยุดเคลื่อนไหวหรือไม่ นายประเกียรติกล่าวว่า พรรคไม่สามารถไปสั่งห้ามให้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวได้ แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะมีการพูดคุยกับแกนนำคนเสื้อแดงเป็นการส่วนตัวให้เข้าใจ คาดว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ขึ้น
-เตือนดำเนินคดีแม้วต้องเงียบๆ
นายประเกียรติ กล่าวเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลยุติการให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินคดีทางกฎหมายกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะยิ่งทำให้คนรักพ.ต.ท.ทักษิณ เกลียดรัฐบาลมากขึ้นและนายอภิสิทธิ์จะเดือดร้อน ดังนั้น รัฐบาล จะดำเนินการกับพ.ต.ท.ทักษิณตามกฎหมายก็ทำไป อย่านำมาป่าวประกาศหรือโพนทะนาให้ชาวบ้านรับรู้
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายพร้อมพงศ์ แถลงข่าวอีกครั้งว่าตนได้รับข้อความทางโทรศัพท์มือถือข่มขู่เอาชีวิต และมีบุคคลลึกลับแอบสะกดรอยตาม หลังพาน.ส.มินตรา โสรส ผู้หญิงที่ถูกกระชากผมที่ปรากฏในคลิปวิดีโอมาแถลงข่าวเปิดตัว ซึ่งตนจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองปราบต่อไป ส่วนคลิปวิดีโอที่นายสุเทพ นำมาเปิดเผยกรณีผู้หญิงเสื้อแดงถูกจิกผมนั้น ในฐานะที่อยู่ในวงการภาพยนตร์มานาน มั่นใจว่าคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อภาพอย่างแน่นอน ส่วนกรณีส.ส.พรรคเพื่อไทยนำข้อมูลคลาดเคลื่อนมาเปิดเผยในที่ประชุมสภา กรณีพ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทะโพธิ์เดชนั้น หากพ.ท.เกรียงศักดิ์ จะฟ้องร้องก็เป็นความรับผิดชอบของตัวส.ส.ผู้นั้นเอง อย่างไรก็ตาม เห็นว่าส.ส.คนดังกล่าวตกเป็นเหยื่อของคนกลุ่มหนึ่งที่นำข้อมูลไปโพสต์ในอินเตอร์เน็ตเพื่อวางยาพรรคฝ่ายค้าน ทำให้ส.ส.เกิดความเข้าใจผิดจนนำพูดในที่ประชุมสภา
-สาวแดงพัทยามอบตัว-รับสิ้น
เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.ธีรพล จินดาหลวง รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี รักษาการ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เงามุข รอง ผบก.หน.ศสส.ภ.2.จว.ชลบุรี นำกำลังตำรวจ นอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งเข้าจับกุมน.ส. ประภาพร หยาบยองศรี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 ม.7 ต.ดงหม้อทองใต้ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.317/2552 ลงวันที่ 9 เม.ย. ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
พ.ต.อ.ธีรพล เปิดเผยว่า น.ส.ประภาพร ได้ร่วมกับพวกที่บางส่วนหลบหนีไป ขัดขวางการเดินทางกลับกทม. ของขบวนรถนายกรัฐมนตรี จนทรัพย์สินได้รับความเสียหายและรปภ.ประจำตัวนายกฯ ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณสี่แยกสัญญาณไฟจราจร ถ.พัทยาสาย 3 พัทยาใต้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีน.ส.จิดาภา ธนหัตถ ชัย เป็นหัวหน้าคอยสั่งการ กระทั่งตำรวจได้มีการนำภาพถ่ายจากสื่อมวลชนมาเปิดดูพร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควร จึงขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งน.ส.ประภาพร ได้เดินทางเข้ามอบตัวที่ศูนย์สืบสวนสอบสวน ตร.ภ.2 จากการสอบปากคำเบื้องต้น น.ส.ประภาพร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนที่จะติดตามจับกุมพวกที่เหลืออีกต่อไป
-รอยัลคลิฟสรุปเจ๊ง 14.4 ล.
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ท พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นางพงา วรรธนะกุล กก.ผจก.ใหญ่ พร้อมด้วยผู้บริหาร ได้เปิดการแถลงข่าวตัวเลขความเสียหายกรณีกลุ่มเสื้อแดง หรือนปช. โดยการนำของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง บุกเข้าไปในศูนย์ประชุมพีชและส่วนต่างๆ ของโรงแรม เพื่อล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้
นางพงา เปิดเผยว่า สำหรับมูลค่าความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางโรงแรมได้ประ เมินไว้ที่ประมาณ 14.4 ล้านบาท แยกเป็นความเสียหายด้านอาคารศูนย์ประชุมพีชที่กระจกประ ตูและถ้วยชามจำนวนมากแตกกระจาย, ต้นไม้และสวนหย่อม รวมไปถึงการปฏิเสธการจ่ายค่า ที่พักและอาหารของนักท่องเที่ยวที่มาพักในโรงแรม ในวันที่ 12-13 เม.ย. ที่กลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุม และการยกเลิกห้องพักของกรุ๊ปทัวร์จากต่างประเทศอีกหลายราย ทำให้เสียโอกาสที่จะได้รายได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชื่อเสียงของโรงแรม เพราะนักท่องเที่ยวยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
-ตั้งทีมกม.ลุยฟ้องเสื้อแดง
นางพงา ยังเผยต่ออีกว่า ปัจจุบันทางโรงแรม ยังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือหน่วยงานไหนทั้งสิ้น เบื้องต้นจึงต้องตั้งทีมที่ปรึกษาทางกฎหมาย เพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะแกนนำที่พากลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปในโรงแรม และจะมีการนำภาพเหตุการณ์มาดูประกอบการพิจารณาว่าจะสามารถฟ้องร้องใครได้บ้าง จากเรื่องดังกล่าว ไม่เพียงทำให้ รร.รอยัลคลิฟฯ ได้รับความเสียหาย ยังมีผลกระทบไปถึงผู้ประกอบการอื่นๆ ในเมืองพัทยาอีกด้วย ซึ่งจะได้มีการประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อหาแนวทางแก้ไข อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติว่า เหตุการณ์ทุกอย่างได้สงบลงแล้ว และสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้อย่างอุ่นใจ ในส่วนของโรงแรมก็มีความพร้อมทั้งห้องพักและศูนย์ประชุม รวมไปถึงบุคลากรที่พร้อมจะให้บริการอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงแผนการตลาดในอนาคตที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว นางพงา กล่าวว่า จะนำเอาจุดเด่นของโรงแรมที่มีศักย ภาพด้านการบริการไปเสนอต่อลูกค้าและสร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันเมืองพัทยามีการตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูการท่องเที่ยวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาให้ภาค ผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งต้องมีการประชุมว่าจะดำเนินการในรูปแบบใดและมีรายละเอียดอย่างไรต่อไป
-ชัยสิทธิ์โต้ไม่เกี่ยวรถแก๊ส
วันเดียวกัน พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ประธานกรรมการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซว่า ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง นำรถขนส่งแก๊ส ที่ติดโลโก้ สยามแก๊ส ไปใช้ในการชุมนุมว่า บริษัทไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะ รถขนส่งแก๊ส คันดังกล่าว เป็นของบริษัทคู่ค้าที่รับแก๊สไปส่งตามสถานีบริการ นอกจากนี้ บริษัท ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปสั่งการ หรือให้กระทำ การใดๆ เนื่องจากไม่ใช่พนักงานของบริษัท
"ผมเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กๆ อย่างแน่นอน ยิ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเสียหาย เดือดร้อนของประชาชน ทำให้เกิดความตื่นตระหนก เราไม่ทำอย่างเด็ดขาด แต่ ทั้งนี้ได้ให้มีการติดตามอย่างใกล้ชิดกับเรื่องนี้มาโดยตลอด" พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว
-เดชะบุญม็อบเปิดแก๊สไม่เป็น
ด้านนายเอกภพ ธนาดำรงศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท อาร์บี กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของรถแก๊ส ที่ถูกนำไปร่วมชุมนุม เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากคนขับรถ 2 คันดังกล่าวเมื่อเวลา 06.10 น. ซึ่งอยู่ระหว่าง กำลังนำแก๊สลงที่ปั๊มย่านอโศก-ดินแดง ว่ามีชายฉกรรจ์ประมาณ 30 คน เข้ามาเจรจาขอยืมรถไปใช้ โดยได้สอบถามว่านำไปทำอะไร แต่ได้ถูกล้อมกรอบเอาไว้ จึงไม่สามารถ ขัดขืนได้ ส่วนอีกคันจอดอยู่ในปั๊ม คนขับรถได้ล็อกรถไว้หมด แต่ชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าว ได้ใช้วิธีต่อสายตรง แล้วนำรถออกไป ทั้งนี้รถทั้ง 2 คันมีระบบจี