ถก 2 สภาวันที่สองดุเดือด "จตุพร"งัดเรื่องรถแก๊สแฉกลางสภา ระบุ 2 คันมาจาก 2 บริษัทแต่เจ้าของเดียวกัน ซัดรัฐบาลนำมาจัดฉากที่ดินแดงเพื่อสร้างความชอบธรรมในการปราบปราม ตั้งรางวัล 5 แสนนำจับคนยิงมัสยิดถ.เพชรบุรี และหาตัวมือยิงชาวนางเลิ้ง 2 ศพ ศพละ 5 แสน ขู่"มาร์ค"เจอแน่ข้อหาฆ่าคนตาย เพื่อไทยอภิปรายพร้อมเปิดคลิป อ้างเป็นภาพทหารยิงประชาชน ทหารจิกหัวทำร้ายผู้หญิง กล่าวหานายกฯมือเปื้อนเลือด "เทือก"เปิดคลิปโต้ทุกช็อต แฉกลับภาพเสื้อแดงขว้างระเบิดเพลิง ขับแท็กซี่-รถเมล์ชนทหาร พยายามฆ่านายกฯ-เลขาฯที่มหาดไทย "มาร์ค"เตรียมรวบรวมทุกประเด็นความเห็น สรุปหาแนวทางแก้ปัญหา ยังไม่ปิดประตูยุบสภา-ลาออก "เหนาะ"ได้คิวตอนค่ำอภิปรายเล่าวิกฤตในอดีตโยงมาถึงปัจจุบัน ชี้นักการเมืองพอมีอำนาจมักใช้จนเกินขอบเขต "ทักษิณ"ก็คือหนึ่งที่ทำให้เจ็บปวด
"ชัย"ปัดพูดถึงคนกลางมีบารมี
เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 23 เม.ย. นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมร่วมรัฐสภาถึงกรณีที่เคยระบุว่าจะมีคนกลางที่มีบารมีเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ทางการเมืองให้ดีขึ้นว่า เขาไม่ให้ตนพูดเรื่องนี้แล้ว เพราะคิดว่ารัฐบาลกับสภาจะแก้ไขปัญหาได้ เขาไม่ต้องมายุ่งแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่าที่ฟังการอภิปรายเห็นทางออกของสถานการณ์แล้วหรือไม่ นายชัยกล่าวว่า ส่วนตัวมองเห็นทางออกแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอมติของสภา แต่คิดว่าการประชุมครั้งนี้มีประโยชน์มหาศาล ส.ส. หรือส.ว.บางคนให้แนวคิดที่ดีมาก แต่มีบางคนเอาเรื่องส่วนตัวมาอภิปราย ถือเป็นทัศนคติแต่ละคน คงกำหนดกรอบอะไรไม่ได้ เป็นเรื่องแต่ละคน ส่วนเอกสารและหลักฐานต่างๆ ที่ใช้อภิปรายนั้น จะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบว่าจะเปิดเผยได้หรือไม่
เมื่อถามว่าคิดว่าขณะนี้การยุบสภาหรือนายกรัฐมนตรีลาออก แนวทางใดเป็นทางออกที่ดีที่สุดขณะนี้ นายชัยกล่าวว่า ต้องดูการชี้แจงตอบรับของรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร วันนี้อาจได้ข้อสรุปที่จะนำมาวิจัยและประยุกต์เพื่อแก้ไขปัญหาได้ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้อาจเป็นไปได้ก็ได้ ต้องช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาก่อน เท่าที่เห็นรู้สึกว่ารอมชอมกันมากขึ้นพอสมควร
สมาชิกต้องเชื่อฟังปธ.
ด้านนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า รู้สึกว่าทุกฝ่ายมีความคิดหาทาง ปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชาติ บรรยา กาศการประชุมดีมาก และคงหาทางแก้ปัญหาให้ประเทศได้ ประชาชนจะตัดสินว่าข้อมูลฝ่ายไหนน่าเชื่อถือมากกว่ากัน เมื่อถามว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุเลยจุดสมานฉันท์กันแล้ว นายประสพสุขกล่าวว่า ตนคิดว่ายังไม่เลยจุดสมานฉันท์ แต่ต้องยุติความรุนแรงให้ได้ก่อน ดังนั้นทุกคนยังมีความหวังว่าจะแก้ปัญหาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายคนมองว่าประธานวุฒิสภาไม่เข้มงวด ไม่สามารถควบคุมการประชุม ได้ นายประสพสุขกล่าวว่า คิดว่าควบคุมได้ แต่ปัญหาเมื่อวันที่ 22 เม.ย. อยู่ที่สมาชิกจะต้องเชื่อฟังประธานที่ประชุม ประธานวินิจฉัยอย่างไรต้องเป็นตามนั้น ถ้าไม่เชื่อฟังก็จบไม่ได้ เมื่อวินิจฉัยไปแล้วประธานต้องรับผิดชอบด้วย ดังนั้นสมาชิกควรร่วมมือ อย่าจุกจิกกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ฝ่ายค้านดันแก้รธน.
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ว่า ฝ่ายค้านนำเสนอข้อมูลต่างๆ คิดว่าประชาชนที่ร่วมชุมนุมเมื่อได้รับฟังการอภิปรายจะเข้าใจการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลกระทำกับผู้ชุมนุม ถึงแม้ผู้ปฏิบัติจะยืนยันว่ากระทำโดยชอบ แต่จะชี้ให้เห็นถึงความแตกต่าง โดยเฉพาะมาตรฐานปฏิบัติงาน ซึ่งประชาชนนำภาพถ่ายมาให้ถึงบ้านพัก ตนจะมอบให้ผู้อภิปรายใช้อธิบายในที่ประชุมต่อไป
นายวิทยากล่าวถึงแนวทางแก้รัฐธรรมนูญว่า ช่วงเช้าวันนี้จะหารือกัน ยืนยันว่ารัฐสภาเป็นผู้แก้ไขหากรัฐบาลหาทางออกไม่เจอ รัฐสภายินดี ส่วนที่มีข่าวว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัด ฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค ไม่เห็นด้วยที่จะแก้รัฐธรรมนูญนั้น ตนคิดว่าข้อมูลที่ท่านได้รับอาจยังไม่ครบถ้วน ตนมีโอกาสพูดคุยกับนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เห็นว่าบางมาตราเป็นปัญหาจริงๆ และควรแก้ไข
วิป 3 ฝ่ายร่วมหาทางออก
ต่อมาเวลา 10.20 น. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมวิป 3 ฝ่ายว่า ประเมินผลการอภิปรายที่ผ่านมา 1 วัน และกำหนดกรอบแนวทางเสนอทางออกต่อรัฐสภา เดิมมีข้อเสนอจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมกันเพื่อพิจารณาประมวลสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผ่านมา และคณะกรรมาธิ การวิสามัญเพื่อดำเนินการในกระบวนการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ส่วนนี้ยังไม่ชัดเจนเพราะตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในการประชุมร่วม 2 สภาครั้งนี้ไม่สามารถตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญของ 2 สภาเพื่อศึกษาปัญหาดังกล่าวได้ จึงขอมติในที่ประชุมสภาร่วม หากเห็นด้วยก็จะใช้ข้อบังคับการตั้งคณะกรรมาธิการวาระอื่นๆ ได้ โดยเสนอเป็นญัตติเข้ามา
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าจะนำเข้าสู่การประชุมรัฐสภาได้เมื่อไหร่ นายชินวรณ์กล่าวว่า หากดูตามกรอบเวลาแล้ว เป็นไปได้ที่ประธานรัฐสภาจะนัดประชุมสมาชิกได้ในการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป
ชวน-หยัดโต้ขัดแย้งมาร์ค
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีความเห็นแย้งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญว่า แปลกใจข่าวดังกล่าว เนื่องจากยังไม่เคยหารือกัน เพราะตนรักษาตัวอยู่ร.พ. เพิ่งออกมาเมื่อสภาเปิด ตนคุยกับนายอภิสิทธิ์เรื่องเดียวคือให้กำลังใจตอนประชุมอาเซียนเท่านั้น ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญ พรรคมีหลักการว่าหากส่วนใดไม่เป็นประชาธิปไตยก็แก้ได้ ส่วนจะเป็นมาตราใดควรหารือในพรรคก่อน มติพรรคอย่างไร ในฐานะลูกพรรคต้องปฏิบัติตาม ยันไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกับนายอภิสิทธิ์ ส่วนที่นายกฯเสนอแก้รัฐธรรมนูญนั้น ไม่เกี่ยวกับคดียุบพรรคอย่างที่วิจารณ์ ตนมั่นใจว่านายอภิสิทธิ์ไม่ใช่คน 2 มาตรฐาน ก่อนคิดทำอะไรคงไตร่ตรองดีแล้ว มั่นใจรัฐบาลไม่อายุสั้น (อ่านรายละเอียดหน้า 6)
ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในพรรคยังไม่หารือเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ตนกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ไม่ได้ขัดแย้งกัน แต่การแก้รัฐธรรมนูญต้องฟังสังคม เชื่อว่านายกฯตั้งกรอบไว้หมดแล้วว่าการแก้รัฐธรรมนูญทั้งหมดให้คำตอบสังคมได้ การนิรโทษกรรมต้องฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน และนักการเมืองต้องไม่ผูกขาดทางความคิด อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพรรค มั่นใจนายกฯวิเคราะห์ก่อนลงมือ และไม่ได้โดนบีบ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหนักใจเรื่องความต้องการของแต่ละพรรคที่แตกต่างกันมาก จึงไม่มั่นใจว่าท้ายที่สุดจะไปกันได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนที่เกรงว่าหากนิรโทษกรรมแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะถูกโดดเดี่ยวนั้น อย่ากลัว แต่ต้องคำนึงว่าสังคมจะได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ รวมทั้งการเสนอแก้รัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับหนีคดียุบพรรค (อ่านรายละเอียดหน้า 6)
"มาร์ค"จะรวบรวมแล้วสรุป
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมรัฐสภาว่า ความรู้สึกของสมาชิกไม่ว่าเรื่องอดีตหรือเหตุการณ์ที่ผ่านมา จะถูกหรือผิดอย่างไรถือเป็นเสียงสะท้อนที่ต้องนำมาแก้ไข ชี้แจง และรับดำเนินการในอนาคตเพื่อลบความรู้สึกที่เกิดขึ้น ขณะนี้รวบรวมไว้แล้ว วันนี้ตนจะรับฟังต่อและช่วงท้ายการประชุมร่วม ตนจะสรุปและชี้แจงทั้งหมด ขณะนี้จดไว้ทั้งหมด ฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ส.ว. ฝ่ายค้าน สมาชิกรัฐบาล รวมทั้งเสียงสะท้อนจากสื่อ แต่บทสรุปทางออกคงไม่ได้อยู่ที่ตนคนเดียว หลังการประชุม ตนจะสรุปว่าหลังจากฟังความคิดเห็นแล้วน่าจะเดินต่อไปอย่างไร แต่น่าจะเกี่ยวข้องกับสมาชิก รัฐสภาและกลไกรัฐสภาที่จะเดินต่อถ้าเห็นพ้องต้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าจะสร้างความสมานฉันท์ได้อีกหรือไม่ เพราะร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยระบุเลยจุดดังกล่าวแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นของร.ต.อ.เฉลิม แต่เท่าที่มีโอกาสพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภาหลายคนหลังอภิปรายแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า
ไม่เคยปิดประตูข้อเสนอ
เมื่อถามว่านายกฯปิดประตูตายสำหรับข้อเสนอยุบสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ผมไม่เคยปิดประตูข้อเสนอไหน แต่เรื่องจังหวะเวลาและเหตุผลต้องพูดคุยกัน ขณะนี้ผมได้อธิบายมาตลอดว่าการยุบสภา ผมไม่ได้ปิดช่องทางนี้ แต่แลกเปลี่ยนในเรื่องความเหมาะสม จังหวะเวลาและสถานการณ์"
ต่อข้อถามว่ามองเห็นทางออกของการแก้ปัญหาหรือยัง นายกฯกล่าวว่า คิดว่ามีช่องทางที่จะเป็นแนวทางที่พูดคุยกันได้ต่อไป เมื่อถามว่านายชวน หลีกภัย ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนิรโทษกรรมนักการเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตนถึงบอกว่าให้เอาทุกอย่างมาวางไว้ว่าอะไรบ้างเป็นปมของความขัดแย้งและมาดูถึงวิธีคลี่ คลาย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนิรโทษกรรมเป็นประเด็นหนึ่งในข้อเรียกร้อง และสะท้อนมาจากหลายฝ่าย ต้องดู เพียงแต่บางเรื่องที่ตนขีดเส้นไว้ว่าไม่น่าทำ เช่น เรื่องคดีอาญาเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าที่นายกฯเปิดทางตรงนี้เพราะกลัวพรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เมื่อถามย้ำว่าจะทำให้สังคมมั่นใจได้อย่างไรว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ใช่ทำเพื่อนักการเมือง นายกฯกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปเลยว่าจะแก้ประเด็นใดบ้าง เมื่อถึงเวลาแล้วต้องมีคำอธิบายชัดเจนว่าการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างไร ตนยังยืนยันที่จะให้พรรคร่วมรัฐบาลและทุกพรรคส่งแนวคิดการแก้รัฐธรรมนูญมาภายใน 2 สัปดาห์
บุญจงแจงเนวินไม่จูบปากเติ้ง
ขณะที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาด ไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตหากแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว พรรคภูมิใจไทยจะกลับไปรวมกับพรรคเพื่อไทยแล้วโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่จริง พรรคภูมิใจไทยมีแนวคิดแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อหยิบยกเรื่องแก้รัฐธรรมนูญและปฏิรูปการเมืองขึ้นมา พรรคพร้อมสนับสนุน ส่วนการนิรโทษกรรมนั้น ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม หลักการแล้วหากจะมีกฎหมายนิรโทษกรรมต้องใช้กับคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ส่วนข่าวที่ว่านาย เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย พูดคุยกับนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เพื่อผลักดันเรื่องนี้นั้นก็ไม่จริง การออกกฎหมายดังกล่าวสร้างความสมานฉันท์ให้กับประเทศไม่ได้ แต่เรื่องนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ทุกอย่างต้องเข้าที่ประชุมพรรคก่อน
พท.ประเดิมอภิปรายวันที่สอง
สำหรับการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 กรณีรัฐบาลขอเปิดอภิปรายทั่วไปเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองวันที่สอง หลังจากวันแรกประธานที่ประชุมสั่งพักประชุม เวลา 01.00 น. วันที่ 23 เม.ย. โดยการอภิปรายวันที่สอง เริ่มเวลา 10.00 น. น.พ. ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย อภิปรายพร้อมโชว์ภาพที่ระบุว่าเป็นประชาชนถูกทหารยิงว่า เหตุการณ์วันที่ 13-15 เม.ย. มีการสร้างเหตุการณ์ความเลวร้ายให้กลุ่มเสื้อแดง ตนไม่เชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดงทำอย่างนั้น ทหารออกมา 40 กองพัน รวมตำรวจทหารออกมานับหมื่นคน เป็นปฏิวัติเงียบ คนที่มือเปื้อนเลือดอยู่ไม่ได้
น.พ.ประสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้นายกฯเปิดพจนานุกรมเรื่องอภัย อย่าเอาแต่ป้ายสี กีฬามีรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย แต่นี่กลับมีแต่ตามล้าง ตามล่า ระบุทุจริต ทั้งลูกเมีย ครอบครัว ระวังกรรมมีจริงและตามทันเร็ว แต่คนทุจริตกล้ายาง หรือซีทีเอ็กซ์ คนทุจริตเรื่องต่างๆ ไปอยู่กับนายกฯหมดแล้ว ต้องจัดการด้วย ถ้านายกฯรู้จักให้อภัยอย่าทำ 2 มาตรฐาน
"ชำนิ"เสนอ 3 ทางแก้วิกฤต
ต่อมานายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนผ่านเหตุการณ์ต่อสู้ทางการเมืองมาหลายครั้ง ครั้งนี้มีความต้องการให้ใช้ความรุนแรงและให้รัฐบาลรับผิดชอบ มีคนอยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นเพื่อให้เกิดการเจรจาต่อรอง นิรโทษกรรม เพื่อกลับมาสู่วงการเมืองอีก แต่ปรากฏว่าไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งที่ความรุนแรงเกิดขึ้นและเกิดจลาจลแล้ว เหตุการณ์นี้ไม่เหมือน 14 ตุลา 16 เพราะยุทธศาสตร์การต่อสู้ของ 14 ตุลา ทำเพื่อประชา ธิปไตย ไม่มีผลประโยชน์ ไม่ได้เรียกร้องเพื่อตนเอง แต่ครั้งนี้มีคนอยากให้จบแบบพ.ค.35 ที่เสียเลือดเนื้อ แล้วต้องปฏิรูปการเมืองในที่สุด
นายชำนิกล่าวอีกว่า วันนี้มีความพยายามไล่ล่านายกฯ ลอบฆ่าองคมนตรี รวมถึงลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ซึ่งเป็นวิกฤตทางการเมืองที่จะหาข้อยุติไม่ได้ หากปล่อยไปเป็นปัญหาการลุกขึ้นสู้ในเมืองเผชิญหน้ากัน ทำให้วันนี้ประเทศเกิดสถานการณ์ร่วม 2 ด้าน คือ ปัญหาที่ไทยร่วมกับสากลคือวิกฤตเศรษฐกิจที่โลกได้รับผลกระทบ และสถานการณ์การเผชิญหน้าภายในประเทศของประชาชน
นายชำนิกล่าวต่อว่า ขอเสนอทางแก้วิกฤต 3 ประการคือ 1.รัฐสภาและประชาชนต้องร่วมกันเรียกความเชื่อมั่นของประเทศกลับคืนมา ต้องไม่ขัดขวางการทำหน้าที่เรียกความเชื่อมั่น 2.ต้องร่วมกันนำประชุมอาเซียนและคู่เจรจากลับมาเร็วที่สุด ประกาศวันประชุมที่ชัดเจน และ 3.ต้องร่วมกันแก้วิกฤตการเมืองด้วยการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมือง เพื่อสร้างกระบวนการความเห็นพ้องต้องกันในการแก้ปัญหา ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมเป็นฉันทามติว่าจะแก้ไขอย่างไร
ส.ว.ทหารเก่าสลดหดหู่
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในฐานะเคยเป็นทหารรู้สึกหดหู่เศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป ขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาและเยียวยาสังคมคือ รัฐบาลต้องหยุดไล่ล่าออกหมายจับผู้ชุมนุมทั่วประเทศแบบหว่านพืช เพราะจะทำให้เกิดความร้าวฉานมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมาย ที่สำคัญต้องยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยฉับพลันเพื่อเรียกความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องมุ่งสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักเมตตาธรรม ไม่เช่นนั้นประเทศจะล่มจมจนกู่ไม่กลับ และต้องเริ่มกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญโดยเร็ว
น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เหตุการณ์ที่เพชรบุรีซอย 5 และ 7 ดินแดง พัทยา เป็นการจัดฉากเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนออกมาต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีผู้อยู่เบื้องหลัง บางท้องที่มีสมาชิกสภาเขตกทม.เข้าร่วมด้วย นายกฯก็มีความจริงของนายกฯ ตนก็มีความจริงของตน เพื่อลดความแคลงใจซึ่งกันและกันอยากให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการพิสูจน์ความจริงว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วดำเนินการตามกฎหมาย เพราะจะอยู่อย่างนี้ไม่ได้ตราบที่ยังแคลงใจกันอยู่
โวยสื่อรัฐทำหน้าที่แย่มาก
น.พ.ชลน่าน กล่าวว่า สื่อของรัฐทำหน้าที่ได้แย่มาก เอาคนที่เชียร์รัฐบาลและเป็นปรปักษ์กับฝ่ายตรงข้ามมาออกรายการ อยากให้ชี้แจงว่าจริงหรือไม่ที่เชิญบรรณาธิการข่าวมาขอความร่วมมือเพื่อให้นำเสนอข่าวตามแนวทางรัฐบาล และยังนำศาสนามาเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างไม่ถูกต้อง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดกรณียูเออีประกาศห้ามพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศ วันนี้สะใจกันหรือยัง เพราะปลุกปั่นว่าพ.ต.ท.ทักษิณเกี่ยวข้องกับการทำร้ายศาสนาอิสลามหลายๆ ครั้ง ขอเรียกร้องรัฐบาลร่วมมือทุกฝ่ายออกจากอำนาจนอกระบบ โดยนายกฯลาออก พรรคเพื่อไทยก็จะไม่เป็นนายกฯ และหลังจากที่ตั้งรัฐบาลเสร็จแล้วให้แก้ฐธรรมนูญโดยทุกฝ่ายเข้าร่วม วันนี้รัฐบาลเป็นเหมือนไก่เหลือง พรรคเพื่อไทยเป็นเหมือนไก่แดง และยังมีไก่ขาวเข้ามาอยู่ในสุ่มเดียวกัน ซึ่งจิกตีกันตลอด หนำซ้ำยังมีไก่เขียวเข้ามาบงการอีก ทำไมต้องมาอยู่ในสุ่มนี้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องออกจากสุ่มนี้ให้ได้
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ ชี้แจงว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายแทรกแซงสื่อ ส่วนที่ว่ารัฐบาลขอความร่วมมือบรรณาธิการข่าวเป็นเพียงแค่ขอเพิ่มพื้นที่ที่เป็นสาระมากขึ้น เพื่อใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูล ไม่ใช่สื่อสารด้านเดียว รัฐบาลอยู่ระหว่างคิดกลไกเพื่อเชิญทุกฝ่ายมากำหนดรูปแบบร่วมกัน
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ชี้แจงว่า ตนได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเป็นตัวแทนร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศไปดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ระหว่างวันที่ 19-21 เม.ย.นี้ เพื่อขอความร่วมมือกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลฎีกาสั่งจำคุกและติดตามเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งรัฐบาลยูเออี แจ้งพ.ต.ท.ทักษิณทราบแล้วว่าไม่ประสงค์ให้อยู่ในประเทศอีกต่อไป จึงขอให้ออกจากประเทศเพราะเกรงกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมกันนี้ยูเออีส่งร่างข้อตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาด้วย ซึ่งได้ส่งไปกระทรวงการต่างประเทศแล้ว
พท.ขอเปิดคลิป-ปธ.เบรก
เวลา 12.20 น. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายโดยขอนำคลิปและภาพผู้เสียชีวิต ภาพเหตุการณ์และญาติผู้ชีวิตชี้แจงต่อสภา พร้อมระบุว่าไปพบด้วยตน เอง หากประธานไม่อนุญาตจะลงไปแถลงข้างล่าง แต่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานประชุม ไม่อนุญาต ยืนยันว่านายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา วินิจฉัยแล้ว แต่นายวรวัจน์ พยายามขอให้เปิดเพราะเป็นภาพเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ถ้าสภาถูกปิดกั้นรัฐบาลจะเสียหาย ทำไมต้องปิดกั้นการให้ข้อมูล ขอเอาเกียรติของสมาชิกเป็นประกัน นายกฯจะเปิดกว้างหรือไม่
นายสาทิตย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงว่า รัฐบาลไม่มีปัญหา อยู่ที่ประธานตัดสินใจ นายวรวัจน์ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีภาพรุนแรง เพียงต้องการยืนยันว่ามีตัวตนจริงๆ แต่นายประสพสุขแนะนำให้นายวรวัจน์อภิปราย แต่ไม่อนุญาตให้เปิดเผยภาพ นายวรวัจน์ยังยืนยันขอเปิดนิดเดียว และเชื่อว่าสื่อไม่กล้าออก เพราะยังมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุมอยู่ เพราะจะเป็นการกระตุ้นยุยง
"ชัย"นั่งบัลลังก์ยอมให้เปิด
นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า รัฐบาลขอให้เป็นเรื่องของรัฐสภา เพราะมีการตกลงกันของวิป โดยให้ประธานและรองประธานวินิจฉัย อยากให้นำเรื่องนี้ไปตกลงกับประธานก่อนแล้วค่อยอภิปราย ขณะที่ นายวรวัจน์พยายามสอบถามว่าสิ่งที่จะอภิปรายสื่อจะนำไปออกได้หรือไม่ เพราะเกรงจะขัดต่อพ.ร.ก. และนายกฯจะอนุญาตให้เปิดหรือไม่ นายประสพสุขยังแนะนำให้อภิปรายต่อไปแต่ไม่อนุญาตให้เปิดภาพ
นายวรวัจน์อภิปรายว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุ การณ์ เป็นการ์ดนปช.ตัวใหญ่ถูกจับโยนลงน้ำ แพทย์ระบุว่าขาดอากาศหายใจ ระหว่างนั้นนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เข้ามาทำหน้าที่ประธานแทนนายประสพสุข และอนุญาตนายวรวัจน์เปิดภาพที่เตรียมมา 3 รายการ ประกอบด้วยภาพเหตุการณ์รุนแรง ภาพทหารทำร้ายประชาชน ภาพทหารนั่งดูกลุ่มผู้ชุมนุมถูกมัดมือ แต่คำสัมภาษณ์การ์ด ไม่อนุญาตให้เปิด เพราะฟังไม่ชัดเจน
นายวรวัจน์ชูภาพกลางที่ประชุม ระบุว่ารูปแค่นี้ทำไมต้องกลัวด้วย พร้อมยื่นภาพให้เพื่อนสมาชิกยื่นให้สื่อมวลชนดู เป็นภาพชายที่รอดชีวิตจากสลายการชุมนุม
ตู่งัดรูปอ้างจัดฉาก รถแก๊ส! เทือกเปิดคลิปโต้
หลายภาพโยงการ์ดนปช.ตาย
ภายหลังฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลโต้เถียงกันนานกว่า 30 นาที นายวรวจน์อภิปรายพร้อมเปิดคลิปวิดีโอที่มีการตัดต่อภาพเหตุการณ์ เริ่มจากรายงานข่าวช่อง 7 กรณีพบผู้เสียชีวิตในแม่น้ำเจ้าพระยา 1 ราย ถูกมัดแล้วโยนทิ้งแม่น้ำ จากนั้นเป็นภาพทหารใช้กำลังสลายการชุมนุมช่วงเช้ามืด ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นสถานที่ได และภาพทหารใช้เชือกมัดชายร่างท้วม เตะและใช้ไม้หวดหลายครั้ง ก่อนตัดมาเป็นภาพชายไม่สวมเสื้อถูกมัดมือไพล่หลัง จบด้วยภาพนิ่งของชายที่เสียชีวิตจากรายงานข่าวของช่อง 7 เปรียบเทียบกับชายที่ถูกทหารจับมือไพล่หลัง และภาพชายไม่สวมเสื้อถูกจับมือมัดไพล่หลังนอนคว่ำหน้าบนถนน โดยระบุว่าเป็นคนเดียวกันที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม
นายวรวัจน์กล่าวอีกว่า อยากถามนายบรรหาร ศิลปอาชา นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ว่ายังยอมเป็นรัฐบาลมือเปื้อนเลือดอีกหรือ ตอนนี้หมดเวลานายอภิสิทธิ์แล้ว เพราะมีคนหาย บาดเจ็บ และตายจำนวนมาก ขอเรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกฯที่ระบุว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงแต่กลับกระทืบผู้ชุมนุมขนาดนี้ ขอให้นายกฯลาออก และเอาคนกลางมาสอบหาข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบยังพบว่าเชือกที่มัดรปภ.ที่เสียชีวิตทั้งสองเป็นเชือกฟาสต์ โรป(เชือกที่ใช้โรยตัวจากที่สูง) ที่ใช้ในหน่วยงานทหารเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากฉายคลิป นายวรวัจน์นำรูปชาย 1 คน อ้างว่าบุคคลดังกล่าวอยู่ในเหตุการณ์บนรถยีเอ็มซีที่ขนศพผู้เสียชีวิต 10 คน ที่เตรียมไปจ.ลพบุรี และกระโดดหนีออกมาจึงมาให้ข้อมูลกับตน พร้อมทั้งถามว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่สื่อมวลชนและกรรมการสิทธิมนุษยชนจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมขอเปิดคลิปวิดีโอ
มาร์ค-เทือกให้ตั้งกก.สอบ
นายสุเทพชี้แจงว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกจุดเริ่มเช้าตรู่วันที่ 13 เม.ย. ดำเนินการตลอดทั้งวัน เลิกปฏิบัติการเวลา 17.00 น. ที่ระบุมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ภรรยาผู้ตายยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ เราเป็นสมาชิกด้วยกันควรพูดบนพื้นฐานความจริง เรื่องนี้มีหลักฐานวันเวลาชัดเจนตรวจสอบได้ ตนพร้อมให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทุกกรณี ปฏิบัติการณ์ครั้งนี้หากมีอะไรสงสัยต้องทำให้ชัดเจน ไม่มีใครบิดเบือนได้ ให้กรรมาธิการทั้งสองสภาตรวจสอบอีกทางเพื่อเปรียบเทียบ
จากนั้นนายวรวัจน์นำภาพผู้เสียชีวิตจากเหตุ การณ์มาโชว์ เป็นภาพชายถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกที่ใช้ในราชการทหาร พร้อมระบุว่าจนถึงวันนี้มีการทำลายหลักฐานหมดแล้ว จึงไม่สามารถหาหลักฐานได้ แต่หากอยากรู้ว่ามีคนตายจริงหรือไม่ ตนพร้อมเปิดคลิปวิดีโอชี้แจง อยากเรียกร้องรัฐบาลอย่าปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร เพราะรัฐบาลพูดมาตลอดว่าไม่มีคนตาย
นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า การเปิดคลิปหรือไม่เปิดเป็นข้อตกลงของสภา แต่มี 2 ประเด็นหลักที่ต้องการชี้แจงคือการตายของประชาชนที่ถูกกล่าวหาว่าตนไม่เอาใจใส่ ไม่เป็นความจริง เพราะครั้งแรกที่พบศพที่แม่น้ำเจ้าพระยา ตนสั่งตรวจสอบและรายงานเข้ามา จากรายงานพบว่าคืนวันที่ 13 เม.ย.ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ จึงไม่เชื่อว่าเป็นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ เพราะเลยจากวันที่ 13 เม.ย.ไปแล้วเจ้าหน้าที่ไม่ได้สลายการชุมนุม หากมีข้อมูลพบการเสียชีวิตก็หาข้อมูลเพิ่มเติมมาร้องรัฐบาลได้ ส่วนภาพการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ดินแดงยืนยันว่ามีใครเห็นภาพอย่างนั้นแล้วก็ไม่สบายใจ เมื่อเสนอภาพเหล่านี้มาก็รับไปและเสนอผบ.ทบ.ว่าเห็นภาพหรือไม่ และต้องสอบสวนต่อไป หากไม่มั่นใจฝ่ายบริหาร องค์กรที่เป็นกลางสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ หากใช้กำลังต้องสอบเพื่อจะได้แก้ปัญหา
นายสุเทพกล่าวเสริมว่า ที่บอกว่าคนตายเป็นการ์ดนปช.แต่จากบันทึกคำให้การของภรรยาวันที่ 21 เม.ย. สน.จตุจักร ภรรยาผู้ตายยืนยันว่าสามีไม่ได้เป็นการ์ด หรือมาชุมนุมกับทั้งเสื้อแดงและเหลือง ในบ้านไม่มีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นคนเสื้อเหลืองหรือแดง นายวรวัจน์กล่าวสวนทันทีพร้อมกับชูภาพว่า นายสุเทพพูดแค่ครึ่งเดียว จากนั้นชูภาพผู้เสียชีวิตใส่เสื้อแดงร่วมการชุมนุมวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ กลางวันวันที่ 13 เม.ย.ก็ยังมีชีวิต แต่คืนวันที่ 13 เม.ย.ไม่มีใครรู้ว่ามีชีวิตหรือไม่
ปชป.ซัดเทือกพ่อพระเกินไป
จากนั้นนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ขอหารือประธานเพื่อเปิดคลิปวิดีโอให้กระจ่าง ซึ่งยังเหลืออยู่ม้วนเดียว จึงอยากให้ประธานถามสมาชิกว่าต้องการดูหรือไม่
ขณะที่นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านฟังแล้วคิดว่านายสุเทพ เป็นพ่อพระเกินไป เป็นมือปราบโจรไม่ได้ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายค้านพยายามหากินกับศพ ทำไมรัฐบาลไม่ชี้แจงผลตรวจสอบว่าผู้ตายได้ตอกบัตรการปฏิบัติหน้าที่รปภ.ช่วง 7 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม ขณะที่ฝ่ายค้านอ้างว่าเป็นเวลาที่ไปขึ้นเวทีเป็นการ์ดนปช. และข้อเท็จจริงพบศพผู้ตายเวลา 7 โมงเช้าวันที่ 15 เม.ย. ทั้งๆ เหตุการณ์จบลงแล้ว ภาพที่ผู้ตายมีเชือกใช้ในราชการทหารมัดหลังก็เป็นเพียงเชือกพลาสติกสีฟ้า คลิปวิดีโอที่มีภาพทหารรุมทำร้ายชายใส่เสื้อดำก็เป็น 9 แกนนำนปช. ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในการปราบจลาจลที่ต้องใช้กำลัง
นายจุติกล่าวว่า เชื่อว่าไม่มีคนตาย ผิดกับกรณียิงประชาชนที่กรือเซะ ยังไม่เห็นสมาชิกคนไหน ขอดูคลิป ขอร้องว่าหยุดหากินกับศพคนตายได้แล้ว หากตายด้วยฝีมือทหารจริงต้องมีหลายแผล แต่ที่ศพมีแผลเดียวที่ศีรษะ อย่าเอามาเป็นประ โยชน์ทางการเมืองโดยไม่ดูข้อเท็จจริงและพยา ยามทำให้รัฐบาลมือเปื้อนเลือด
นายวรวัจน์ตอบโต้ว่า ตนไม่ได้หากินกับศพ ผู้ตายเป็นคนจ.แพร่ ที่ตนเป็นส.ส. คำให้การของภรรยาขัดแย้งกันกับข้อมูลของรัฐบาล เพราะภรรยาผู้ตายถูกข่มขู่ แต่ญาติพี่น้องผู้ตายยืนยันว่าไปร่วมชุมนุมจริงและมีภาพประกอบชัดเจน ยืนยันว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรงกับประชาชน พร้อมทั้งเรียกร้องขอเปิดคลิปวิดีโออีกครั้ง จะได้เห็นความจริงและพฤติกรรมของรัฐบาล หากไม่มีความสามารถก็ลาออกไป พวกตนมีความสามารถทำแทนได้
เปิดชื่อเกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช
เวลา 14.30 น. นางอรุณี ชำนาญยา ส.ส. พะเยา พรรคเพื่อไทย ขออนุญาตนายประสพสุข ประธานที่ประชุมเปิดซีดีภาพชายคนหนึ่งกำลังกระชากผมผู้หญิงเสื้อแดงไปยังบริเวณที่ทหารตรึงอยู่ นอกจากนี้ยังมีภาพผู้หญิงเสื้อแดงคนดังกล่าวพร้อมผู้หญิงเสื้อแดงอีกหนึ่งมอบดอกไม้ให้กำลังทหาร
นายสุเทพชี้แจงพร้อมเปิดซีดีภาพผู้หญิงที่โดนกระชากผมกำลังด่าทอผู้สื่อข่าวว่าไม่เป็นกลาง นำเสนอข่าวด้านเดียว จากนั้นมีชายใส่เสื้อยืด สีเขียว กางเกงยีนส์ขายาว สะพายกล้อง กระชากผมผู้หญิงคนดังกล่าวไปยังแนวตรึงกำลังของทหาร นายสุเทพยืนยันว่าทหารไม่ได้ทำร้ายผู้หญิงคนนี้ แต่ทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วทหารห้ามไม่ให้ทำร้ายผู้หญิง
นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นแย้งว่าคนที่กระชากผมชื่อพ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผบ.พัน 2 ร. 12 รอ.
กระทั่งเวลา 15.15 น. นายสุเทพชี้แจงพร้อมนำภาพถ่ายพ.ท.เกรียงศักดิ์มายืนยัน โดยระบุว่าเป็นคนละคนกัน เพราะวันดังกล่าว พ.ท.เกรียง ศักดิ์แต่งชุดทหารลายพรางและปฏิบัติหน้าที่อยู่ ไม่ได้สวมเสื้อยืดสีเขียว กางเกงยีนส์ขายาว ไม่ต้องการให้ประชาชนสับสนและนายทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่คงไม่สามารถเปลี่ยนชุดมาเพื่อทะเลาะกับผู้หญิงเพียงคนเดียว ตนบอกพ.ท. เกรียงศักดิ์แจ้งความดำเนินคดีและให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เรื่องนี้จำเป็นต้องพิสูจน์เพื่อให้เรื่องจบ
ส.ส.แพร่ออกมาแถลงต่อ
จากนั้นนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงข่าวด้านนอก โดยนำวีซีดี 2 ชุด รวมถึงซีดีอีกชุดที่ประธานสภาไม่อนุญาตให้เปิดในที่ประชุม ชุดแรกชื่อ "ความรุนแรง" เป็นคลิปภาพช่วงทหารเข้าสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ชายสวมเสื้อแดงคนหนึ่งถูกทหารรุมทำร้ายจากการสลายการชุมนุม พร้อมกับถูกมัดมือไพล่หลัง
หลังเปิดซีดีชุดแรก นายวรวัจน์กล่าวว่า รัฐบาลปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีความรุนแรง คนบาดเจ็บล้มตาย เพราะศพของการ์ดอาสามีบาดแผลเต็มไปหมด ใช้เชือกฟาสต์ โรป มัดมือไพล่หลังแล้วนำศพไปโยนทิ้งน้ำ หากเป็นโจรที่ต้องการแค่ชิงทรัพย์ก็คงแค่เอารถแล้วหนีไป รัฐบาลไม่มีความจริงใจเพราะผลชันสูตรศพก็ไม่มี ภรรยาก็ถูกขู่ให้รีบเผาศพ ทั้งๆ ที่ควรจะได้รับเงิน 4 แสนบาทจากการเสียชีวิตจากการชุมนุม
อ้างพยานแท็กซี่เห็นศพ
จากนั้นเปิดวีซีดีชุดที่สอง ชื่อ "ฆ่าไม่ตาย" เป็นคำให้สัมภาษณ์ของชายคนหนึ่ง นายวรวัจน์กล่าวว่า ขอเรียกชายคนดังกล่าวว่านายบุญ เป็นชาวบุรีรัมย์ อาชีพขับแท็กซี่ ถูกทำร้ายจากการสลายการชุมนุมช่วงเช้าวันที่ 13 เม.ย.ที่สาม เหลี่ยมดินแดง นายบุญสลบไป 36 ช.ม.ฟื้นขณะอยู่บนรถบรรทุก 6 ล้อ ที่ใช้ขนศพ มีนายทหาร 5 คนนั่งแถวหน้า มีศพอยู่ข้างๆ อีกเกือบ 10 ศพ หลังฟื้นคืนสติได้ตัดสินใจกระโดดรถหนีมาได้ ตอนแรกที่พบนายบุญก็ยังไม่เชื่อข้อมูล แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าจริง วีซีดีแค่นี้หากไม่มีอะไรเหตุใดรัฐบาลจึงไม่ยอมให้เปิด หากไม่จริงตนคงถูกซัดกลับกลางสภาไปแล้ว และเมื่อขอแผ่นดังกล่าวคืนที่ห้องโสตปรากฏว่าแผ่นดังกล่าวหายไปแล้ว ญาตินายบุญก็ถูกข่มขู่ ตนจึงนำนายบุญไปหลบซ่อนเพราะเกรงอันตราย เมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะให้พบกับสื่อมวลชน
โชว์ตัวสาวถูกกระชากผม
ต่อมานางอรุณี ชำนาญญา ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. และส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง นำหญิงที่ปรากฏในภาพซึ่งถูกชายฉกรรจ์ทำร้ายกระชากผม ระบุชื่อ น.ส.มินตรา โสรส มาแถลง
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า วันนี้นำน.ส.มินตรามายืนยันเพราะได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของนายกฯ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ผบ.สส. ผบ.ทบ. รวมทั้งชายที่กระทำทารุณโหดร้าย นายกฯต้องรับผิดชอบ โดยพรรคและทีมกฎ หมายจะนำน.ส.มินตราและญาติไปแจ้งความที่สน.ดุสิต เพื่อเอาผิดกับบุคคลทั้ง 5 คน ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขอฝากนายกฯและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงรับรองความปลอดภัยน.ส.มินตรา ในฐานะพยานปากเอก เนื่องจากถูกติดตามหากมีอันเป็นไปนายกฯต้องรับผิดชอบ
น.ส.มินตราเล่าเหตุการณ์ว่า วันเกิดเหตุบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตนถือธงไปกับผู้หญิงอีกคนเพื่อกราบขอร้องทหารไม่ให้ทำร้ายประชาชน แต่ชายคนในภาพถามว่า "ใครให้มึงมา ทักษิณใช่ไหม" จึงตอบว่ามาเพื่อประชา ธิปไตย เพราะทหารทำร้ายประชาชนมือเปล่า ชายคนเดิมโต้ตอบว่าทหารไม่มีปืน ไม่ฆ่าคน ตนจึงเถียงว่า ทหารฆ่าคน เพราะอยู่ในเหตุการณ์ ชายคนดังกล่าวจึงกล่าวว่ามีหลักฐานหรือไม่ ตนบอกว่าเห็นทั้งปืน ระเบิด มีดสปาร์ตา ชายคนดังกล่าวจึงกล่าวว่า "ปากดีนัก" พร้อมกระชากผมตนอย่างแรง
ส.ส.หญิงไม่พอใจด่านักข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยแถลงข่าว ในห้องประชุมร่วมรัฐสภา รัฐบาลนำภาพเหตุการณ์ฉบับเต็ม นาทีผู้หญิงด่าทอและถ่มน้ำลายใส่ทหารจริง ผู้สื่อข่าวจึงถามน.ส. มินตราว่าทำไมไม่รอรัฐบาลชี้แจงให้เสร็จก่อนแล้วจึงชี้แจงข้อเท็จจริง ปรากฏว่านางนฤมล ธารดำรงค์ ส.ส.สมุทรปราการ ไม่พอใจ ตะโกนด่าสื่อมวลชนว่า "คุณเป็นใครมาโกรธอะไรพวกเรา เราแค่มาแถลงข่าว" ผู้สื่อข่าวหลายคนพยายามชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับฟัง เมื่อผู้สื่อข่าวกลุ่มดังกล่าวเดินออกจากห้องแถลงข่าวเพื่อยุติการโต้เถียง นางนฤมลเดินตามออกมาต่อว่าแล้วยืนจ้องหน้า
ขณะที่ในห้องแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยนำบุคคลมาแถลง หากไม่เป็นความจริงจะรับผิดชอบอย่างไร นายพร้อมพงศ์ ไม่ตอบ เมื่อถามว่าทำไมไม่ประสานรัฐบาลเพื่อขอข้อมูลมาตรวจสอบความถูกต้องก่อนแถลงข่าว นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ขอแล้วจะให้หรือ ตนมีหน้าที่เพียงพาคนมาชี้แจง ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่ตอบและชี้แจงในส่วนของรัฐบาล กลุ่มผู้สื่อข่าวจึงกล่าวว่าหากเป็นเช่นนี้ก็เสนอข่าวด้านเดียว ซึ่งนายพร้อมพงศ์แถลงต่อจนจบ โดยตอนท้ายระบุว่าจะไปแจ้งความที่สน.ดุสิต ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งพูดขึ้นว่าเป็นสถานที่ที่ควรไปที่สุด ทำให้นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย พูดเสียงดังสวนกลับมาด้วยความไม่พอใจ ผู้สื่อข่าวชี้แจงว่าไม่ได้ว่าอะไร เพราะสิ่งที่พูดนั้นถูกต้องแล้ว แต่นางเปล่งมณียังไม่พอใจ ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่าหากมาแถลงข่าวแล้วไม่ฟังคำถามก็ไม่ควรแถลง
ปชป.-ภท.แถลงแฉ 9 โกหก
เวลา 17.25 น. ที่รัฐสภา น.พ.บุรณัชย์ สมุท รักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ร่วมแถลงการวิเคราะห์การอภิปรายครั้งนี้ น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า แนวทางการอภิปรายได้เปลี่ยนแปลงแนวทางจากการหาทางออกให้สังคม กลายเป็นความพยายามโกหก ใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นนายกฯ มือเปื้อนเลือด โดยโกหกในสภาทั้งหมด 9 เรื่อง คือ 1.กล่าวหามีทหารทำร้ายผู้หญิงด้วยการจิกหัวที่ดินแดง 2.กล่าวหามีการนำศพไปเผา ที่วัดสาครสุ่น ลาดพร้าว 71 3.กล่าวหามีการนำศพขึ้นรถทหารไปทำลายที่จ.ลพบุรี และมีคนหนีมาได้ 4.กล่าวหาการเตรียมการก่อวินาศกรรมด้วยรถแก๊สและถังแก๊สเป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า 5.กล่าวหาทหารยิงกระสุนจริงใส่ผู้ชุมนุม ทั้งที่ยิงใส่รถเมล์ที่ขับพุ่งชนเจ้าหน้าที่เพื่อระงับเหตุ 6.กล่าวหาสร้างสถานการณ์ทำร้ายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ 7.กล่าวหาทหารลากคนจากรถเมล์บริเวณหน้ากองทัพภาคที่ 1 แล้วยิงเสียชีวิต ทั้งที่ภาพเหตุการณ์ต่อเนื่องเห็นว่าชายดังกล่าวลุกขึ้นเดินได้ 8.กล่าวหามีพระมรณภาพ ทั้งที่ยังไม่มีการตรวจสอบ จึงเรียกร้องให้วัดที่มีพระภิกษุหายนำใบสุทธิมาแสดง 9.พยายามระบุว่าชาย 2 คนที่เสียชีวิตแล้วพบศพในแม่น้ำเจ้าพระยาถูกกระทำโดยทหาร ทั้งที่แพทย์ชันสูตรว่าเวลาเสียชีวิตของชายทั้งสองเป็นช่วงหลังสลายการชุมนุม อีกทั้งเชือกที่ผูกแขนของชายคนหนึ่งเป็นเพียงเชือกไนลอนธรรมดาไม่ใช่เชือกที่ใช้ในการทหาร เมื่อสรุปประเด็นการอภิปรายแสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านโกหกและพยายามใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านี้เพื่อผลทางการเมือง
น.พ.บุรณัชย์กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข ที่หลบหนีไปต่างประเทศ พรรคเห็นว่าควรยกระดับการติดตามตัว เพราะการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการตั้งกองกำลังติดอาวุธเพื่อล้มล้างรัฐบาล ทำให้นายจักรภพยกระดับตัวเองจากกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลเป็นกลุ่มที่พยายามก่อกบฏในราชอาณาจักร แม้ศักยภาพส่วนตัวของนายจักรภพไม่สามารถทำได้ แต่การแสดงตนเป็นกระบอกเสียงพ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มแดงโลก หรือแดงสยาม ทำให้ไม่อาจประมาทได้ จึงเสนอรมต. ที่เกี่ยวข้องพิจารณายกระดับการติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยแจ้งตำรวจสากลและมิตรประเทศที่คิดว่านายจักรภพไปหลบซ่อนอยู่โดยเร็ว
ได้เวลา"จตุพร"ออกโรง
ขณะที่การอภิปรายในห้องประชุมรัฐสภา นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า มีพระสงฆ์หายไปหลังจากมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช. สอบถามได้จากพระวินัย จิตโต แห่งสำนักสงฆ์ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อนกับพระรูปที่หายไป นอกจากนี้ยังมีคนเสื้อแดงจาก จ.อุดรธานี ที่ถูกอุ้มและถูกปล่อยตัวมาในที่สุด หลายคนบอกว่าเห็นศพคนเสื้อแดงด้วยกันบนรถของทหารด้วย
จากนั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า มีคนกระแนะกระแหนตนเรื่องเอกสิทธิ์ทั้งที่ตนไม่มีหน้าที่ขอเอกสิทธิ์คุ้มครองจากรัฐสภา เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 ระบุชัดเจนเป็นหน้าที่ของศาลที่จะทำเรื่องประสานมายังประธานสภาผู้แทนฯเอง ส่วนข่าวการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม อยากให้พิจารณากว่าจะรู้ว่ามีคนตายจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 ต้องใช้เวลาพิสูจน์หลายปีมีคนตาย 40 คน สูญหาย 40 คนผ่านไปแล้ว 17 ปีก็ยังมีญาติพี่น้องแบกโลงศพถามหาผู้สูญหายอยู่จนทุกวันนี้ หลังจากปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 ยิ่งทำให้พวกตนมั่นใจว่ามีการดำเนินการ 2 มาตรฐานกับพวกตน คนเสื้อเหลืองถูกดำเนินคดี 240 คดี คนเสื้อแดงถูกดำเนินคดี 103 คดี ขณะที่คนเสื้อสีน้ำเงินหนังเหนียวไม่มีสักคดี ทั้งที่เป็นตัวการของปัญหาทั้งหมด การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่พัทยาจะไม่ทำไม่ได้ เพราะมี 2 ชีวิตถูกยิงโดยไม่มีใครรับผิดชอบ ส่วนที่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ขัด ขืนระหว่างอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ซึ่งตนอยู่ในเหตุ การณ์ด้วย เพราะเครียด หลังจากไม่ทราบว่าจะถูกนำตัวไปที่ใดแน่ ไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าที่ไหนเพราะขนาดเฮลิคอปเตอร์ขึ้นแล้วคนขับยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน
เปิดข้อมูลจัดฉากรถแก๊ส
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ส่วนที่นายสุเทพต้อง การโยงรถแก๊สว่าเป็นรถของบริษัทสยามแก๊ส และโยงว่าเกี่ยวข้องกับพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร นั้น จากตรวจสอบพบว่าเป็นรถที่มีเจ้าของเดียวกัน แต่ต่างบริษัท คันแรกเป็นของบริษัทธนวินบริการ ทะเบียน 819629 นนทบุรี อีกคันเป็นของบริษัทตึกช้างบริการ ทะเบียน 966747 กทม. ซึ่งถูกยึดหลังจากเติมแก๊สเหมือนกัน น่าสนใจตรงคันที่นำไปจอดหน้าโรงแรมพลูแมน คิงส์เพาเวอร์ จอดอยู่เฉยๆ โดยไม่มีคนเสื้อแดงแม้แต่คนเดียว ตรงนี้ถือเป็นกระบวนการจัดฉากใส่ร้ายคนเสื้อแดง ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามจะนำไปจอดหน้าร.พ.สงฆ์ เพื่อให้คนเสื้อแดงขัดแย้งกับชาวพุทธ แต่ไม่ได้รับความสนใจ เลยขับกลับไปจอดที่คิงส์เพาเวอร์
นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนเหตุการณ์ยิงมัสยิด ย่านถ.เพชรบุรี ตนตั้งรางวัลนำจับไปแล้ว 5 แสนบาทเพื่อหาให้ได้ว่าใครยิง เพราะไม่มีเหตุผลที่คนเสื้อแดงจะยิงมัสยิดเนื่องจากขณะนั้นต้องการพรรคพวก คนอย่างพวกตนไม่เลวพอจะมีปัญหากับศาสนา คืนวันที่ 13 เม.ย. ตนได้รับรายงานว่าการ์ดนปช.ถูกยิงตาย 3 คนแล้วถูกย้ายศพหนี ซึ่งผู้เสียชีวิตคนหนึ่งเป็นใบ้มาจากจ.เลย โชคดีที่พี่ชายผู้เสียชีวิตระบุว่าผู้ตายอยู่ห่างจากที่ชุมนุม 300 เมตร และกระสุนถูกยิงมาจากด้านข้าง ระหว่างนี้ศพอยู่ระหว่างการชันสูตร เหตุที่ไม่มีญาติผู้บาดเจ็บและสูญหายมาแจ้งความกับรัฐบาลเพราะมองว่ารัฐบาลไม่มีความเป็นธรรม ฆ่าประชาชน จึงขอเรียกร้องรัฐสภาตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา สอบสวน
นายจตุพรกล่าวต่อว่า กรณียิงศาลรัฐธรรมนูญด้วยเอ็ม 79 นายสุเทพรีบออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจโยนว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง เมื่อมีการลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ยังมีหน้ามาบอกอีกว่าคนยิงเป็นคนเดียวกับที่ยิงศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนี้ตนตั้งรางวัลนำจับเช่นกัน 5 แสนบาทกรณียิงศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เกี่ยวกับนายสนธิ ต้องยอมรับว่าวันนี้เจอคนปลอมเป็นเสื้อแดงเต็มๆ นั่งรถอยู่ดีๆ กับน.พ.เหวง โตจิราการ สักพักก็กลายเป็นนายทหารยศพันโทคนหนึ่ง เมื่อดูภาพดีๆ จะพบว่ามีตำรวจทหารเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงเต็มไปหมด เหตุที่สลายการชุมนุมง่ายดายเพราะข่าวแจ้งว่าคืนวันที่ 13 เม.ย. เวลาตีสามครึ่ง จะสลายการชุมนุม จึงไม่ต้องการให้คนบาดเจ็บล้มตาย
ขู่"มาร์ค"เจอข้อหาฆ่าคนตาย
นายจตุพรกล่าวว่า ในประเทศไทยนอกจากตั้งข้อหาเฮงซวยแล้ว ยังเอารมช.พาณิชย์ไปจับผู้ต้องหา ทราบว่านายอลงกรณ์ พลบุตร กลายเป็นทูตพิเศษเพื่อไปจับตัวพ.ต.ท.ทักษิณ จึงอยากรู้ว่ามีหน้าที่อะไรเพราะรัฐบาลมอบให้ไปขายของ เมื่อไปที่บ้านพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่กล้าลงจากรถแต่ส่งคนอื่นไปถามแทน แล้วมาพูดว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่สามารถกลับดูไบได้แล้ว หรือเป็นเพราะขายของไม่ได้ ขอบอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีพาสปอร์ตของหลายประเทศเต็มไปหมด ขณะนี้อยู่นิการา กัว ได้เป็นทูตพิเศษ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้รุนแรงไม่น้อยกว่าวันที่ 7 ต.ค. 2551 เพียงแต่มันเกิดขึ้นกับคนสีแดงเท่านั้น ขณะนี้ปัญหาลามเป็น 3 มาตรฐานไปแล้วคือ แดงอย่างหนึ่ง เหลืองอย่างหนึ่ง และน้ำเงินอีกอย่างหนึ่ง เหตุผลที่ไม่ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะตำรวจขอเวลาออกหมายจับเพิ่มเติม
"อยากถามว่านายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ แล้วเดินทางไปทุกที่ทั่วประเทศไทยหรือไม่ บรรยา กาศแบบนี้จะจบลงได้อย่างไร การแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องทำให้มีมาตรฐานเดียวกัน ถ้าความยุติธรรมไม่เกิดความสงบไม่เกิด สุดท้ายผมไม่เรียกร้องนายอภิสิทธิ์ลาออกหรือยุบสภา เพราะนายอภิสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตาย" นายจตุพร กล่าว
จากนั้นนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ชี้แจงว่า ตนไปที่บ้านพักของพ.ต.ท.ทักษิณที่ดูไบจริง เมื่อตนไปเยือนยูเออี จึงไปหมู่บ้านเอเวอร์รี่ฮิลล์ซึ่งเป็นหมู่บ้านคนรวย เมื่อถึงหน้าบ้านได้ให้เจ้าหน้าที่สถานทูตลงไปสอบถามว่าเป็นบ้าน พ.ต.ท.ทักษิณจริงหรือไม่ แม่บ้านตอบว่าใช่ จึงสอบถามว่านายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ เลขานุการ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่หรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ ในบ้าน จากนั้นผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศแยกไป ที่อาบูดาบี และได้รับยืนยันจากรักษาการปลัดกระทรวงต่างประเทศของยูเออีว่าไม่ประสงค์ที่จะให้พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในประเทศ
ยอมรับตร.ภาค3มาสุวรรณภูมิ
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า ตนขอใช้เงินส่วนตัวตั้งรางวัลนำจับคนเผารถเมล์ขสมก.เช่นกัน โดยให้กับคนแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิด 1 แสนบาท ขณะที่นายจตุพรลุกขึ้นสวนทันควันว่า เหตุใดจึงให้ตำรวจและชาวบ้านจำนวนมากไปซ่องสุมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ และทำเพื่ออะไร นายโสภณชี้แจงว่า ตนยอมรับอย่างไม่อายว่ามีชาวบ้านไปสนามบินสุวรรณภูมิจริง แต่ไปเพื่อปกป้องสนามบิน ไม่มีการทำผิดกฎหมายแน่ เช่นเดียวกับตำรวจที่ไปอารักขาสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะเกรงม็อบเสื้อแดงเข้าไปปิดสนามบิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรัฐสภาอภิปรายเรื่องมีตำรวจไปซ่องสุมอยู่ที่สนามบินสุวรรณ ภูมิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ทราบว่าบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ต้องการกำลังมาช่วยเสริมที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่กำลังตำรวจพื้นที่ใกล้ๆ ไม่มี ตนให้ตรวจสอบกำลังจากที่อื่นจึงนำกำลังจากบช.ภาค 3 เข้ามา ดูแลความปลอดภัย ท่าอากาศยาน หากจะแต่งเครื่องแบบก็อาจทำให้ ผู้โดยสารตกใจ เสียบรรยากาศ มีรายงานมายังตนว่าจะหาเสื้อสีอื่นสวมใส่ ตนไม่ได้สอบถามรายละเอียด
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า แต่หลังจากนั้นกำลังส่วนนี้จะไปที่อื่นหรือไม่ต้องตรวจสอบ ทราบแต่ที่ได้รับรายงานว่ามีการระดมจากบช.ภาค 3 มาที่สนามบินสุวรรณภูมิ อย่างไรก็ตามสั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นกรณีที่กลุ่มเสื้อน้ำเงินวิวาทกับกลุ่มคนเสื้อแดงทราบว่าขณะนี้บช.ภาค 2 ดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินแล้ว 3-5 คดี
"เทือก"เปิดคลิปเสื้อแดง
ส่วนการประชุมร่วม 2 สภาที่รัฐสภา เวลา 19.00 น. นายสุเทพ รองนายกฯ ชี้แจงพร้อมฉายวีซีดีกลุ่มคนเสื้อแดงขับรถแท็กซี่ชนทหาร ขับรถเมล์พุ่งชนทหาร กรณีคนเสื้อแดงล้อมและทุบตีรถนายกฯ ที่กระทรวงมหาดไทย และช่วงที่ขว้างแก๊สน้ำตาและระเบิดขวดใส่หทาร โดยระบุว่าสิ่งที่นายจตุพรพูดว่าคนเสื้อแดงไม่ได้กระทำความรุนแรง จึงไม่จริง เพราะคนที่ทำล้วนเป็นคนของนายจตุพร ตนกำลังแกะภาพทีละคนเพื่อดำเนินคดี รวมถึงคนที่ไปปิดล้อมศาลอาญาด้วย ภาพอย่างนี้ตนสร้างไม่ได้ แล้วยังมีหน้ามาปฏิเสธและบิดเบือนสังคมเข้าใจผิดชัดเจน นอกจากนี้ยังมีภาพคนของนายจตุพรนำปืนของรปภ.นายกฯ ไปชูบนเวที อยากถามว่านายจตุพรมีสิทธิ์อะไรที่นำรปภ.นายกฯ ไปกักขัง สอบสวนหลังเวทีทั้งที่ไม่มีอำนาจ
ทหารบ้านแม่ทัพตายผิดปกติ
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวพลทหารเสียชีวิตที่บ้านของแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นช่วงที่ตนกับนายกฯ ไปนอนระหว่างวันที่ 12-13 เม.ย. นั้น ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเมือง เพียงแต่พลทหารนายนั้นเกิดลื่นล้มในห้องน้ำและเสียชีวิตเช้าวันถัดมา โดยเพื่อนทหารเห็นว่านอนผิดปกติจึงรีบนำส่งร.พ.และพบว่าเสียชีวิตแล้ว
นายจตุพรลุกขึ้นโต้ทันทีว่า การพูดของนาย สุเทพล้วนไม่จริง การตายของพลทหารที่บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่าตายผิดปกติ เพราะก่อนที่พลทหารนายนั้นจะเสียชีวิต ได้ส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือไปบอกแม่ว่านายอภิสิทธิ์อยู่ที่บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 จากนั้นหนึ่งวันถัดมามีข่าวว่าพลทหารนายนี้เสียชีวิตจากการหกล้มในห้องน้ำ และตอนนี้มีการข่มขู่ครอบครัวที่ จ.เลย แล้ว
เสนอทุกฝ่ายสาบานพระแก้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นส.ส.และส.ว.ต่างผลัดกันปราศรัย โดยไม่มีการประท้วงหรือสร้างความวุ่นวาย นายประเสริฐ ประคุณศึกษาภัณฑ์ ส.ว.ขอนแก่น เสนอทุกฝ่ายไม่ว่ารมต. ผู้นำทหาร และส.ส.เพื่อไทย เข้าอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดารามเพื่อดื่มน้ำสาบาน เพราะคนทั่วไปต่างสับสนข้อมูลเหตุการณ์วุ่นวายระหว่างวันที่ 12-14 เม.ย. โดยเฉพาะประเด็นเตรียมก่อวินาศกรรมด้วยรถแก๊ส จะได้ชัดเจนว่าใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง
"เหนาะ"ฉะ"แม้ว"ทำเจ็บปวด
เวลา 20.45 น. นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ขึ้นอภิปรายว่า วิกฤตทั้งหมดเกิดจากคนที่มีอำนาจแล้วหลงใหลอำนาจ ใช้อำนาจในทางไม่โปร่งใส ไม่ถูกต้อง ผู้หลักผู้ใหญ่เตือนก็ไม่ฟัง พ.ต.ท.ทักษิณคือหนึ่งที่ทำให้ตนเจ็บปวดที่สุดที่ผิดสัญญาว่าจะมาใช้หนี้แผ่นดินด้วยกัน การเปิดสภาครั้งนี้ครั้งแรกคิดว่าจะเป็นบันไดหาทางออก ไปๆ มาๆ เป็นการราดน้ำมัน เอาไฟมาจุดกันเต็มสภา อยากฝากนายกฯที่เป็นคนหนุ่มให้ไตร่ตรองที่มาของตัวเอง ดูให้ดี ความขัดแย้งที่ผ่านมาทำให้สถาบันหลักของบ้านเมืองต้องพังพินาศ ตนไม่อยากตอกย้ำ ขอกราบเท้าทุกคนไม่ว่าจะเป็นสมาชิกรัฐสภา หรือนายกฯ ขอให้คิดกันใหม่ เพราะการได้อำนาจมาไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน วันนี้ถ้าไม่หันหน้าเข้าหากันความสงบสุขคงเกิดไม่ได้
นายเสนาะกล่าวอีกว่า ถ้าไม่หันหน้าเข้ากันอย่างจริงจัง นายอภิสิทธิ์จะเป็นนายกฯที่ถูกจารึกไว้ว่าทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ จะหาจุดจบในทางที่ถูกต้องไม่ได้