"แม้ว"โผล่ประเทศไลบีเรีย หาช่อง ทางทำธุรกิจพลังงาน พร้อมเสนอตัวช่วยแก้จน ก่อนมีกำหนดเดินสายไป"ไอวอรีโคสต์" และอื่นๆ ในแอฟริกาขณะที่บัวแก้วร่างสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนกับยูเออีแล้ว คนเสื้อแดงในสีเสื้ออื่น จัดทำบุญที่อนุสาวรีย์ ชัยฯ เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีเหตุรุนแรง ส่วนการชุมนุมที่สมุทรสาครส่อเค้าเจอตอ ชาวสมุทร สาครรวมตัวร้องผู้ว่าฯ เพื่อต่อต้านแล้ว ขณะที่"ขวัญชัย ไพรพนา"โผล่มอบตัวคดีป่วนเมือง พร้อมประกาศชุมนุมใหญ่ที่อุดรฯ อีก ทางด้านทนาย 3 นปช.ร้องศาลปกครองให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา อ้างประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินมีปัญหาต้อง สิ้นสุดไปแล้ว แต่ศาลยกคำร้อง "ป๋าเปรม"ชูพระสยามเทวาธิราชมีจริง คุ้มครองประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤต ทั้งยังบันดาลให้คนไม่ดีพบความวิบัติ ญาติคนเจ็บ-ตาย จากเหตุการณ์จลาจล เข้ารับเงินช่วยเหลือจากพม. แม่หนุ่มนางเลิ้งที่สังเวยชีวิตปลื้มลูกชาย ยอมตายเพื่อปกป้องชุมชนนางเลิ้งและประเทศ
-เสื้อแดงหลากสีจัดทำบุญ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 เม.ย. กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุขจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่คาดว่าอาจเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่บริเวณด้านหน้าสวนสันติภาพ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมกันนี้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปได้ตามกรอบรัฐธรรมนูญ และยุติการดำเนินการสองมาตรฐาน
นายสมยศ กล่าวถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ประกาศใช้วิธีใต้ดิน จะติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของนายจักรภพที่อยู่เหนือการควบคุม และคงไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงภายใต้การนำของตน ตนยืนยันจะเคลื่อนไหวอย่างสงบสันติภายใต้รัฐธรรมนูญ และยังคงยืนยันชุมนุมใหญ่วันที่ 25 เม.ย. ที่ตลาดมหาชัยวิลล่า อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เวลา 17.00-23.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานดังกล่าวมีคนเสื้อแดงที่ใส่เสื้อสีต่างๆ มาร่วมงานกว่า 200 คน หลังจากเสร็จการทำบุญอุทิศส่วนกุศล นายสมยศ ได้นำขบวนเคลื่อนจากสวนสันติภาพ มายังทางคู่ขนานขาออก ถนนวิภาวดีรังสิต หน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ตรงข้ามด่านเก็บเงินทางด่วนดินแดง ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมเป็นจุดแรก เพื่อทำพิธีวางดอกไม้และปล่อยนกพิราบเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์วันดังกล่าว โดยพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 พร้อมกำลังเจ้าหน้า ที่ประมาณ 200 นาย มาดูแลความสงบเรียบร้อย พร้อมขอความร่วมมือจากแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ในการเคลื่อนย้ายของกลุ่มขอให้เป็นไปโดยสงบ ไม่กีดขวางการจราจร และไม่ให้ตั้งเวทีปราศรัย เนื่องจากอยู่ในช่วงการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
-ทนาย 3 แกนแดงร้องศาลปค.
เวลา 09.00 น. ที่ศาลปกครองกลาง นายเรืองเดช เหลืองบริบูรณ์ ทนายความในฐานะตัวแทนของนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.พ.เหวง โตจิราการ และพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางเข้ายื่นฟ้องต่อศาล เพื่อให้ดำเนินการกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ผู้ถูกฟ้องกรณีกระทำโดยมิชอบที่ประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถาน การณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อวันที่ 12 เม.ย. โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 5 อีกทั้งหลังจากประกาศใช้พ.ร.ก. ฉบับดังกล่าวยังไม่นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบภายใน 3 วัน จึงมีผลทำให้พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวต้องสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายเรืองเดชกล่าวว่า มายื่นคำฟ้องในฐานะประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และในฐานะตัวแทนของนายวีระ นายณัฐวุฒิ น.พ.เหวง และพ.ต.ท.ไวพจน์ ผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว ซึ่งเห็นว่าการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวส่งผลทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเกิดความหวาดกลัว จึงมายื่นคำฟ้องเพื่อให้เพิกถอนการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว และยื่นขอให้ไต่ สวนฉุกเฉิน เพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวและระงับการกระทำใดๆ อันเกิดจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว ขณะนี้ตนรออยู่ว่าศาลจะรับคำฟ้องไว้พิจารณาและไต่สวนฉุกเฉินหรือไม่
-จตุพรลั่นการต่อสู้ยังยาวไกล
ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัด ส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มนปช.พูดผ่านสื่อต่างประเทศ หลังจากนี้กลุ่มคนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวใต้ดินว่า เป็นเพียงความคิดของนายจักรภพ ตนยังไม่ติดต่อกับนายจักรภพ หากมีโอกาสจะบอกว่าแกนนำกลุ่มเสื้อแดงทั้งตน นายวีระ นายณัฐวุฒิ ไม่เห็นด้วย เพราะการใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การต่อสู้ต้องจบลงที่สันติภาพเท่านั้นที่คิดว่าจะแก้ไขได้
"เชื่อมั่นว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาถูกทางแล้วที่ไม่ทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิต หากวันที่ 13 เม.ย.เราไปอยู่ท่ามกลางฝูงชน เราอาจเป็นฮีโร่แต่ต้องแลกกับชีวิตประชาชน วันนี้บอกได้เลยว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เวทีในสภาเป็นเพียงการต่อสู้อีกอย่างหนึ่ง แต่เส้นทางการต่อสู้ยังอีกยาวไกล ตอนนี้คนเสื้อแดงไม่ได้พ่ายแพ้ แต่อยู่ในฐานที่ตั้งพร้อมจะออกมาทุกเมื่อ หากเราถูกท้าทาย ถูก ไล่ล่า เอาผิดอย่างที่รัฐบาล ตำรวจทำกับแกนนำและคนเสื้อแดง พยายามบิดเบือน ป้ายสีความผิดมาให้เรา เราพร้อมออกชุมนุมมาด้วยจำนวนหมื่นแสน ยิ่งใหญ่กว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ส่วนเงื่อนไขเงื่อนเวลาว่าเราจะกลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่ อยู่ที่การกระทำของรัฐบาล จะทำ ให้คนเสื้อแดงทนไม่ไหวและออกมาต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมอีกครั้ง" นายจตุพรกล่าว
-ฟุ้งแม้วไม่ธรรมดา-จับไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงการอภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ยังไม่ได้ติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งภาพรวมการชี้แจงของฝ่ายค้านจะเชื่อมโยงให้ประชาชนได้เห็นข้อเท็จจริง แต่มองว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ไม่สามารถชี้แจงได้ ในหลายประเด็นทั้งการใช้อาวุธสงครามกับประชาชน และให้ตำรวจที่ จ.บุรีรัมย์ จ.ชัยภูมิ มาสวมเสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งประเด็นนี้เป็นจุดหนึ่งที่เรายอมรับว่า กลุ่มเสื้อแดงมีจุดแข็งคือ คนมาชุมนุมเองไม่ได้จัดตั้ง แต่มีจุดอ่อนคือมีช่องว่างทำให้คนมาสวมรอยได้ง่าย
เมื่อถามถึงกระทรวงต่างประเทศเตรียมจัด ทำร่างสนธิสัญญาระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อเตรียมจับตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี นายจตุพรกล่าวว่า เท่าที่ทราบรัฐบาลยังแค่ร่าง แต่มาให้ข่าวก่อน เชื่อว่าไม่สามารถจับ กุมพ.ต.ท.ทักษิณได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่ธรรมดา เป็นนกมีขน คนมีเส้น มีมิตรอยู่ทั่วโลก
เมื่อถามถึงหลายฝ่ายมองว่าสาเหตุที่นายจตุพรยังไม่ยอมมอบตัวโดยใช้เอกสิทธิ์สภาคุ้มครอง เพราะต้องการให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน นายจตุพร กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยกลัวติดคุก หากวิปรัฐบาลโหวตให้ตนมอบตัวตนก็พร้อมไปมอบตัวทุกเมื่อ หลังปิดสมัยประชุมสภาจะปิดลงในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ตนจะไปมอบตัวแน่นอน
-ป๋าชี้พระสยามฯคุ้มครองไทย
เวลา 10.00 น. ที่สโมสรทหารบกวิภาวดี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ "สานใจไทยสู่ใจใต้" รุ่นที่ 12 โดยมีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และกรรมการมูล นิธิสายใจไทย นอกจากนี้ ยังมีนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย มาร่วมพิธี โดยมีเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วมโครงการ 240 คน
พล.อ.เปรม กล่าวให้โอวาทกับเยาวชนว่า คนไทยที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต รู้จักการเสียสละ และจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ศาสน์ และพระมหากษัตริย์ ขอให้ภูมิใจว่าทุกคนเป็นสิ่งที่เราตั้ง ใจว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มุ่งมั่น ปรารถนาดูแลชาติบ้านเมืองให้มีความรักสามัคคีสมานฉันท์นำพาประเทศเจริญก้าวหน้า ทุกคนรู้จักพระสยามเทวาธิราชหรือไม่ ท่านไม่ใช่พระ แต่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ ท่านประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวัง คนไทยทุกคนถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะคุ้มครองประเทศชาติให้สงบร่มเย็น พระสยามเทวาธิราชแสดงให้เห็นตลอดว่า ท่านดูแลชาติบ้านเมืองเราจริง อยากให้เราระลึกถึงพระสยามเทวาธิราช และขอให้ท่านคุ้มครองเยาวชนและชาติบ้านเมืองของเราให้สงบร่มเย็น และโปรดดูแลคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศให้มีอันเป็นไป
-ท่านดูแลคนดี-ลงโทษคนไม่ดี
จากนั้น พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ถึงพระสยามเทวาธิราชสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมืองที่ปกป้องประเทศชาติให้รอดพ้นวิกฤตว่า พระสยามเทวาธิราชไม่ได้เป็นของศาสนาพุทธหรือศาสนาใด แต่เป็นของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็คุ้มครองทั้งนั้น พระสยามเทวาธิราชเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเรา ตนพูดว่าชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเรามองไปในอดีตเหตุการณ์อะไรที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย จะมีเรื่องเสียหายน้อยหรือสงบโดยเร็ว และคนไทยจะกลับมารักชอบพอกันเหมือนเดิม พระสยามเทวาธิราชเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่ามีจริง ถ้าใครศรัทธาเลื่อมใสจะรู้ว่าพระสยามเทวาธิราชจะคุ้มครองคนดีของประเทศเรา แล้วจะไม่คุ้มครองคนไม่ดี
เมื่อถามว่าคนที่คิดไม่ดีกับประเทศ พระสยามเทวาธิราชจะช่วยเหลือหรือจะมีผลกระทบลงโทษอย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า การช่วยเหลือคง ไม่ช่วย แต่คิดว่ามีผล แต่ต้องพิจารณาความ เป็นจริงจากการกระทำหรือผลจากการกระทำของเขา อย่างน้อยที่สุดจิตใจเขาคงไม่สบาย เพราะ เขากระทำการที่ไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง หรืออาจพูดว่าเป็นผลกรรมก็ได้ แต่อยากชักชวนให้คนไทยทุกคนเชื่อมั่นในพระสยามเทวาธิราชว่าท่านจะคุ้มครองคนดี และจะลงโทษคนไม่ดี
-เชื่อคนไทยจะกลับมารักกัน
เมื่อถามว่าคนไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองมีโอกาสจะกลับตัวกลับใจทันหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ยังทัน มีเวลาถมเถ เมื่อถามว่าสิ่งที่พ.ต.ท. ทักษิณ รับกรรมอยู่ที่ต่างแดน ไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ เพราะพระสยามเทวาธิราชลงโทษหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า "ผมไม่แน่ใจ มันตอบยาก"
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนที่แบ่งแยกสีเสื้อกลับมาเป็นหนึ่งเดียว พล.อ.เปรม กล่าวว่า คนเราหากตั้งอยู่ในศีลธรรมมีคุณธรรมจริง น่าจะรู้ตัวว่าการกระทำของตนนั้นดีหรือ ไม่ดี เมื่อถามว่าสถานการณ์จะเกิดการแบ่งแยกสีตลอดไปจนปรองดองไม่ได้หรือไม่ พล.อ. เปรม กล่าวว่า ตนคิดว่าทำได้ คนไทยรักชาติพอสมควร อาจจะผิดไปชั่วครู่ชั่วยาม แต่คิดว่าไม่ถึงขนาดดื้อรั้นจนเกินไป หรือกลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ความแตกแยกเกิดขึ้นแค่ชั่วครู่ชั่วยาม อีกหน่อยจะกลับมาเป็นพวกเดียวกัน
เมื่อถามว่าควรจะมีคนกลางเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดี เมื่อถามว่าหมดหวังหรือยังที่จะทำให้คนสองกลุ่มกลับมาสมานฉันท์กัน พล.อ.เปรม กล่าวว่า ยังไม่หมดหวัง อย่าบอกว่าหมดหวัง คิดว่าประเทศไทยไม่หมดหวังยังมีหวังอยู่ ซึ่งคน กลางอาจไม่ใช่มีแค่คนเดียว อาจเป็นคนครึ่ง ประเทศก็ได้ อาจเป็นสื่อมวลชนช่วยกันชี้แจงว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด สิ่งไหนดีหรือไม่ดี และหากเป็นผู้ใหญ่ก็ตักเตือน
-ไม่เชื่อตัวเองมีศัตรูปองร้าย
เมื่อถามว่ามองการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า "มันไม่ค่อยจะดี" เมื่อถามว่าปัญหาคือพ.ต.ท. ทักษิณ ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า "คุณคิดอย่างนั้นใช่ไหม" เมื่อถามว่าเงื่อนไขกลุ่มเสื้อแดงมองว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยเป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตย พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่ขอพูดเรื่องนี้
เมื่อถามว่าเชื่อมั่นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ จะนำพาประเทศชาติต่อไปได้หรือ ไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า วิเคราะห์เอาได้ แต่วิเคราะห์ผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่อง ส่วนตัววิเคราะห์ว่านายอภิสิทธิ์มีความมุ่งมั่นจะทำให้บ้าน เมืองสงบ คิดว่าความมุ่งมั่นของเขาเชื่อถือได้ ฉะนั้นตนคิดว่าจะมีคนที่ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก
เมื่อถามว่ามีข่าวองคมนตรีถูกลอบสังหาร กังวลหรือไม่ พล.อ.เปรม นิ่งคิดสักครู่ใหญ่ก่อนกล่าวว่า "ผมระวังตัวพอสมควร แต่ไม่คิดว่าจะมีศัตรูมากถึงขนาดต้องมีความรุนแรง" เมื่อถามว่าแสดงว่ายอมรับว่ามีคนคิดจะลอบสังหารท่าน พล.อ.เปรม กล่าวว่า โปรดเข้าใจให้ดี ตนพูดว่าไม่มีศัตรู และไม่ถือว่าใครเป็นศัตรู แม้แต่พ.ต.ท. ทักษิณ ก็ไม่ใช่ศัตรู
-ไม่ให้ดึงในหลวงเกี่ยวการเมือง
เมื่อถามว่าเป็นห่วงบ้านเมืองหรือไม่หลังมีการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร พล.อ.เปรม กล่าวว่า เรื่องชาติบ้านเมืองเป็นห่วงทุกวินาที บนกับพระสยามเทวาธิราชทุกวัน เมื่อถามว่าชีวิตท่านทำงานให้บ้านเมืองมาหลายตำแหน่งขณะนี้กำลังถูกโจมตีรู้สึกอย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า เป็นเรื่องสิทธิของเขาที่จะว่าตนอย่างไร ถ้าไม่ผิดกฎหมายก็ไม่เป็นไร ตนยินดีฟังและไม่ถือสา
เมื่อถามว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงสถานการณ์ และทรงให้คำแนะนำหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า โปรดอย่านำท่านลง มา เมื่อถามว่าขณะนี้บ้านเมืองพ้นวิกฤตหรือยัง พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่รู้ว่าวิกฤตอยู่ตรงไหน ขึ้นอยู่กับคนคิด แต่ประเทศไทยยังมีความรักใคร่และเห็นอกเห็นใจ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหมือนแต่ก่อน เมื่อถามว่าฝากอะไรให้กับผบ.ทบ.ในการดูแลสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ผบ.ทบ.โตแล้วไม่ต้องฝาก ท่านคิดของท่านได้
-ป๊อกยันสลายม็อบไม่มีตาย
ทางด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงรัฐสภาอภิปรายการทำงานของทหารในการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงว่า รัฐ บาลกำหนดกรอบให้ทหารปฏิบัติ ซึ่งกองทัพชี้แจงให้ฝ่ายการเมือง เพื่อนำไปชี้แจงในสภาแล้ว ยืนยันว่าขั้นตอนต่างๆ ไม่ได้ทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งโรงพยาบาลยืนยันว่าไม่มีผู้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนเอ็ม 16 ขั้นตอนปฏิบัติชี้แจงไปแล้วว่ากระสุนซ้อมรบยิงอย่างไร และกระสุนจริงใช้ในโอกาสใด
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุว่าใช้กระสุนจริงยิงกลุ่มคนเสื้อแดง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นว่าในรัฐสภาชี้แจงอย่างไร แต่การปฏิบัติกระสุนจริง กำลังพลสามารถใช้ได้ หากถูกคุกคามโดยตรงต่อชีวิต ทหารใช้ได้โดยจะมีการสั่งการจากผู้ที่ใช้ แต่กำลังพลที่ใช้ก็อยู่ในรูปขบวน แต่ไม่ใช่ใช้กระสุนจริงดำเนินการทันที
เมื่อถามว่าการปฏิบัติการของทหารใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่รถเมล์ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าคุกคามโดยตรงต่อชีวิตก็น่าจะใช้ได้ เหตุการณ์ในขณะนั้นมีการคุกคามโดยนำรถมาชนโดยตรงก็น่าจะใช้ได้ แต่ต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง การดำเนินการในขณะนี้และการยุติปัญหาได้โดยไม่สูญเสียน่าจะเป็นสิ่ง ที่สังคมได้รับ ทุกฝ่ายพยายามทำอย่างดีก็ชี้แจง ให้เกิดความเข้าใจ ถ้าใครคิดไปโต้เถียงกัน หรือไปกล่าวหาเลื่อนลอยไม่เกิดประโยชน์กับสังคม ทุกคนต้องดูเองว่าการดำเนินการเป็นอย่างไร ซึ่งทุกคนหวังว่าทุกอย่างน่าจะยุติกันในรัฐสภา และน่าจะลดความสับสนหรือความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น เมื่อถามถึงการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เป็นเรื่องฝ่ายการเมืองจะตัดสินใจ
-มาร์คชี้ใกล้เลิกพรก.ฉุกเฉิน
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนการยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลว่า คาดว่าเร็วๆ นี้ ใกล้ที่จะอยู่ในฐานะจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวแล้ว ตอนนี้ก็ฟังความคิดเห็นรอบด้าน ได้เร่งรัดเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อย
เมื่อถามถึงกรณีกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศได้ประสานไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาไปดำเนินการอยู่ เพราะสิ่งหนึ่งที่เราทำอย่างน้อยที่สุดคือการขอความร่วมมือจากทุกประเทศ ว่าอย่าให้เข้าไปใช้พื้นที่เป็นฐานสร้างความไม่มีเสถียรภาพหรือกระทบกับความมั่นคงของเรา โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม เมื่อถามว่ามีข่าวถึงขนาดว่าทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พร้อมจับตัวส่งมาให้หากมีการไปเคลื่อนไหวจริง นายกฯ กล่าวว่า คงต้องดูว่าในทางปฏิบัติจริงเป็นอย่างไร
-เพื่อนส.ส.วอนส.ส.เหลือง-แดง
ที่รัฐสภา นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นคร ราชสีมา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พร้อมด้วยนายปุรพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศถอยหลังจนไม่รู้จะถอยไปอย่างไรอีกแล้วและมีปัญหาตลอดมา ซึ่งตนและเพื่อนส.ส.ทั้ง 2 คนอยากเห็นการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ปัญหาที่เกิดขึ้นมีคนในรัฐสภาที่เป็นส.ส.อยู่ 2 คน คือนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำเสื้อเหลือง และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ออกไปเคลื่อนไหวนอกสภา ซึ่งตนได้พูดคุยกับนายสมเกียรติให้ร่วมกันแก้ปัญหา ซึ่งทั้งนายสมเกียรติและนายจตุพร บอกว่าดีๆๆ แต่ ตนคิดว่าคำพูดนี้ไม่เป็นรูปธรรม จึงเรียกร้องให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เชิญแกนนำทั้ง 2 คนมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกของปัญหาของประเทศให้เป็นรูปธรรม ซึ่งทุกอย่างไม่มีคำว่าสายเกินไป
โผล่ไลบีเรีย แม้วเสนอตัวแก้จน
-ตร.ประชุมทำคดีพันธมิตรฯ
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ บช.น. พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ร่วมประชุมพนักงานสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปิดล้อมทำเนียบชั่วคราวสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณ ภูมิและรัฐสภา โดยพล.ต.ท.วุฒิ เพิ่งได้รับคำสั่งให้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวแทน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวว่า เดินทางมาวันนี้ในฐานะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพธม. ปิดล้อมทำเนียบชั่วคราวสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และรัฐสภา หลังจากพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้มาดูแลคดีนี้ ไม่ได้หนักใจแต่อย่างใด แต่ดีใจมากกว่าเพราะคดีนี้หลายท่านที่เข้ามอบตัวก็ประทับใจในหลายเรื่อง อันนี้พูดเรื่องจริง (หัวเราะ)
-ผบช.น.สั่งล่าพระทุบรถ
ถามว่ากดดันหรือไม่ที่มารับช่วงเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ พล.ต.ท.วุฒิกล่าวว่า ตนไม่ชอบให้ใครมากดดัน ชอบกดดันเองมากกว่า (หัวเราะ) ตำรวจต้องทำตามหน้าที่ ส่วนความคืบหน้าในคดีนี้ก็ยังไม่ทราบเพราะเพิ่งมารับเรื่อง อีกทางตั้งแต่ได้รับมอบหมายก็ยังไม่ได้พบหน้า ผบ.ตร.แต่อย่างใด ก็มาพูดคุยกับพนักงานสอบสวนว่าคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน ในฐานะที่เป็นตำรวจก็ต้องพยายามทำให้ถูกต้องที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีคำสั่งให้ตรวจสอบผู้เข้าร่วมประชุมอย่างละเอียด โดยให้เฉพาะพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ร่วมรับฟังเท่านั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง สื่อมวลชนก็ไม่อนุญาตให้เข้าไปบันทึกภาพและเสียงแต่อย่างใด และมีการสั่งห้ามบันทึกเทปและเสียงในที่ประชุมอย่างเด็ดขาด
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล (ผบช.น.) กล่าวกรณีทุบรถที่กระทรวงมหาดไทย มีพระทำร้ายและทุบรถสื่อมวลชน และเรื่องเข้ามหาเถรสมาคมแล้ว เหตุใดตำรวจไม่ออกหมายจับ ทั้งที่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดก่อนหน้านี้ ว่า เรื่องนี้จะให้พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ทำการตรวจสอบว่าเป็นพระวัดไหน
-พม.มอบเงินช่วยคนเจ็บ-ตาย
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) นายอิสสระ สมชัย รมว.พม. กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 8-14 เม.ย. และเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องว่า การตั้งศูนย์เยียวยาฯ เพื่อช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ วันนี้มีผู้มาแจ้งขอความช่วยเหลือจากศูนย์เยียวยาฯ 17 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 2 ราย รายละ 400,000 บาท ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 5 ราย รายละ 20,000 บาท และบาดเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่เกิน 20 วัน จำนวน 10 ราย รายละ 60,000 บาท เป็นเงิน 700,000 บาท รวมทุกกรณีเป็นเงินที่ช่วยเหลือ 1.5 ล้านบาท นอกจากนี้ศูนย์เยียวยาฯ ยังให้ทุนการศึกษาแก่บุตรผู้เสียชีวิตและทุพพลภาพจนจบปริญญาตรี ทั้งนี้ศูนย์เยียวยาฯ จะเปิดรับเรื่องขอรับความช่วยเหลือจนถึงวันที่ 16 มิ.ย.
นายอิสสระ กล่าวยืนยันว่า จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย สูญหาย 2 ราย หนึ่งรายกลับบ้านแล้ว ส่วนอีกรายยังไม่แน่ชัดว่าไปอยู่ที่ไหน แต่กระทรวงพยายามติดต่อประกาศตามหาทั้งทางวิทยุและหนังสือพิมพ์ เพื่อให้มารับความช่วยเหลือ จากข้อมูลของศูนย์เอราวัณแจ้งว่ามีผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว 158 ราย ดังนั้น ผู้ที่ยังไม่มาแจ้งขอความช่วยเหลือ ขอให้มาแจ้งที่ศูนย์เยียวยาฯ ได้ตลอดเวลา ซึ่งกระทรวงพม.ได้ของบประมาณจากครม.เพื่อใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน 56 ล้านบาท หากไม่เพียงพอคณะกรรมการเยียวยาฯ สามารถขออนุมัติงบจากครม.เป็นคราวๆ ไป ที่ผ่านมา กระทรวงพม.ได้เบิกจ่ายงบดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือ ผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบไปแล้ว 3 เหตุการณ์คือ เหตุการณ์วันที่ 29 ส.ค.2551 วันที่ 2 ก.ย.2551 และเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551
-แซว"จักรภพ"ก็เป็นคนสูญหาย
"รัฐบาลไม่ได้เลือกว่าใครเป็นสีไหน เพราะมีหน้าที่ช่วยเหลือทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่การชุมนุมทางการเมืองและการแสดงความเห็นทางการเมือง แม้จะห้ามไม่ได้เพราะเป็นสิทธิทางการเมือง แต่สิทธิที่เกิดขึ้นก็ไม่ควรเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นเช่นเดียวกัน เพราะจะทำ ให้เกิดปัญหาตามมา แต่รัฐบาลมีมาตรฐานเดียวในการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว" นายอิสสระ กล่าวและว่า ขณะนี้ยังมีคนโทร.มาแจ้งตนว่ามีอีกหนึ่งรายที่สูญหายคือ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช. แต่เท่าที่ทราบคือหนีไปต่าง ประเทศแล้ว ส่วนอีกหนึ่งคนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังไม่มาแจ้งที่ศูนย์เยียวยาฯ คือ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ รวมทั้งสื่อมวลชนอีกหนึ่งรายที่ได้รับบาดเจ็บ ขอให้มาแจ้งรับความช่วยเหลือ
ด้านนายมังกร บวรชิติกุล ชาวบ้านแฟลต 2 เขตดินแดง อายุ 33 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บและเดินทางมารับเงินเยียวยา กล่าวว่า เงิน 60,000 บาทที่ได้รับไม่คุ้มค่ากับบาดแผลทางกายและทางใจ โดยเฉพาะอาการทางสมองที่ถูกกลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายถืออาวุธไม้ทำร้ายระหว่างที่ร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงบริเวณแฟลตดินแดง ทำให้ต้องกลายเป็นคนป่วยกะโหลกศีรษะขวาแตกยุบ และรอการใส่กะโหลกเทียมอีกครั้ง ที่สำคัญหลังเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นมีชาวแฟลตดินแดงยังขวัญเสีย โดยเฉพาะคนที่เป็นเสื้อแดง เชื่อว่ามีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง แต่ถูกรัฐบาลปิดข่าว หากรัฐบาลต้องการรู้ความจริงก็ต้องลงพื้นที่มาถามคนแฟลตดินแดง
"รัฐบาลชุดนี้บริหารแบบสองมาตรฐาน คนเสื้อแดงจึงออกมาชุมนุมกันเยอะ เงินช่วยเหลือของศูนย์เยียวยาฯ เป็นแค่การแสดงความรับผิดชอบเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าตราบใดที่รัฐบาลยังไม่มีความยุติธรรม การชุมนุมของคนเสื้อแดงก็ยังต้องเกิดขึ้นอีก" นายมังกรกล่าว
-คนนางเลิ้งตายเพื่อชุมชน
นางบานเย็น ผลพันธ์บัว อายุ 42 ปี ภรรยานายป้อม ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ชุมชนนางเลิ้ง กล่าวว่า เงินที่ได้รับในวันนี้นั้นจะนำไปเก็บเข้าบัญชีไว้ ต่อไปจะวางแผนนำเงินมาเปิดร้านนวดเพื่อประกอบอาชีพ เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นตนไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครทั้งสิ้น เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนจะสูญเสียก็นำมาสู่ความเสียใจทั้งสิ้น
นางสุพัตรา โชติกมล อายุ 49 ปี มารดานายยุทธการ จ้อยชอยชด หรือโต๊ด อีกหนึ่งผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ชุมชนนางเลิ้ง กล่าวว่า อยากให้สังคมสงบโดยเร็ว ทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน จะแตกแยกกันไปก็ไม่มีความหมาย เหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีการพยายามทำให้สังคมแตก แยกและนำความสูญเสียมาสู่ครอบครัว ลูกชายตนอีกไม่นานจะเรียนจบและกำลังจะแต่งงาน แต่ต้องมาเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ รู้สึกเสียใจมาก แม้จะเสียลูกไป แต่เราก็ภูมิใจในการกระทำของเขาที่ช่วยปกป้องชุมชน ปกป้องผืนแผ่นดินที่อยู่อาศัย หากคนไทยช่วยกันปกป้องประเทศได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยแผ่นดินขวานทองนี้จะนำไปสู่ความสงบได้ อยากให้เห็นว่าลูกเป็นเพียงแค่วัยรุ่นอายุเพียง 19 ปี แต่เสียสละ จึงอยากให้คนไทยที่ทะเลาะกันดูไว้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อให้เกิดความรักชาติ รักแผ่นดินเกิด เพื่อนำไปสู่ความสงบโดยเร็ว สำหรับเงินที่ได้รับความช่วยเหลือในวันนี้ก็พอใจในความช่วยเหลือของรัฐบาล ทั้งนี้ จะนำเงินช่วยเหลือทุกภาคส่วนรวบรวมไปซื้อบ้าน
-พัทยาฝากขัง 3 มือทุบรถ
เมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมืองพัทยา นำโดยพ.ต.ท.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ รอง ผกก.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ส่วนหน้า นำตัว 3 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย น.ส.จิดาภา ธนหัตถชัย ซ้อโอ่ง อายุ 47 ปี นายวันเฉลิม กุนเสน และนายสมญศฆ์ พรมภา อายุ 47 ปี ที่ก่อเหตุร่วมกันทุบรถนายอภิสิทธิ์ ขณะเดินทางกลับจากการประชุมครม.สัญจรที่พัทยา เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา นำส่งศาลจังหวัดพัทยาเพื่อทำการฝากขัง ในขณะที่ทนายความของคนทั้ง 3 เตรียมนำหลักทรัพย์ในการขอประกันตัวที่ศาลจังหวัดพัทยา แต่เบื้องต้น พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้คัดค้านประกันตัว
ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. (ปป.2) พ.ต.อ.จำนงค์ รัตนกุล รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ธีรพล จินดาหลวง รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี รักษาการแทนผกก. สภ.เมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจคณะทำงานตำรวจภูธรภาค 2 เดินทางเข้าตรวจสอบห้องประชุมพีช โรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ที่ได้รับความเสียหายจากการกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมาขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียนระหว่างวันที่ 10-12 เม.ย.52 โดยมีนายยุทธนา เชิญโกรย ผู้จัดการฝ่ายบุคคลให้การต้อนรับและนำไปดูจุดเกิดเหตุ และส่วนของโรงแรมที่ได้รับความเสียหาย จากนั้นพล.ต.อ. ธานีเดินทางเข้ารับฟังสรุปเกี่ยวกับผลการสืบสวนสอบสวน ที่ห้องประชุมชั้นที่ 4 สภ.บางละมุง
พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า สำนวนการสืบสวนสอบสวนคืบหน้าประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์แล้ว การออกหมายจับนั้น ทางตำรวจต้องทำอย่างรัดกุม
-พัชรวาทสั่งคุ้มครองร้านปืน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งด่วนที่สุดผ่านทางวิทยุในราชการสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ ที่ 008.3/00155 ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชา การตำรวจภูธรภาค 1-9 (บช.ภ.1-9) กองบัญชา การตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชา การตำรวจสันติบาล (บช.ส.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) และกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) 1.เพิ่มความเข้มในการตรวจค้นยานพาหนะ หากตรวจพบอาวุธปืน โดยผิดกฎหมายให้ดำเนินการตามกฎหมายพร้อมขยายผลอย่างเคร่งครัด 2.ให้สอดส่อง ดูแลร้านค้าอาวุธปืนในพื้นที่รับผิดชอบ และร่วมวางแผนป้องกันมิให้เกิดการโจรกรรมอาวุธปืนโดยเด็ดขาด 3.ให้หน่วยงานในสังกัด ตร. ระมัดระวังการพกพาอาวุธปืนและการเก็บรักษาอาวุธปืนให้เป็นไปตามระเบียบอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะจุดตรวจ ด่านตรวจ ตู้ยาม สถานีตำรวจที่ห่างไกลและมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน น้อย รวมทั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ระมัดระวังดูแลรักษาอาวุธปืน เครื่องกระสุนตลอดจนวัตถุระเบิดเป็นกรณีพิเศษ 4.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นควบคุม กำกับ ดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในปกครองอย่างใกล้ชิด หากเกิดเหตุตามข้อ 2 และ 3 อันเนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อ จะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าหน่วย 5.กรณีมีเหตุสำคัญให้รายงาน ตร.โดยด่วนที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นผลมาจากที่คณะรัฐมนตรีได้ประกาศพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กทม.และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. แต่ทางการข่าวพบว่ามีความเคลื่อน ไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ในพื้นที่จ.สงขลา ยะลา นราธิวาส และปัตตานี มีผู้ก่อความไม่สงบ ทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่อง และปรากฏเหตุการแย่งชิงอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่ไปก่ออาชญากรรมอีกด้วย
-คนสมุทรสาครฮือต้านเสื้อแดง
เมื่อประมาณ 10.00 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีกลุ่มคนในนามประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาครประมาณ 200 คน มารวมตัวกัน ถือป้ายมีข้อความไม่เห็น ด้วยที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะมาเปิดเวทีปราศรัยในเย็นวันที่ 25 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ที่บริเวณลานตลาดนัด หมู่บ้านมหาชัยวิลล่า หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง สมุทรสาคร โดยนายดำรง ทับสุวรรณ บ้านเลขที่ 49/849 หมู่ที่ 4 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทร สาคร เป็นตัวแทนกลุ่มชาวบ้านในการอ่านหนังสือแถลงการณ์คัดค้านการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง และมอบหนังสือคัดค้านให้นาย วีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผวจ.สมุทรสาคร เพื่อส่งผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมใน วันนี้ได้ให้เหตุผลของการยื่นหนังสือคัดค้านการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยระบุว่า 1.ชาวสมุทรสาครไม่ต้องการเห็นการแตกแยกของประชาชนในพื้นที่ 2.เนื่องจากพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ทำให้เสี่ยงต่อการปะปนของแรงงานกลุ่มดังกล่าวในการร่วมชุมนุม ซึ่งเป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ ในการควบคุมความสงบเรียบร้อยกรณีเกิดเหตุจลาจลขึ้น 3.ชาวสมุทรสาครกังวลใจเกรงจะไม่มีความปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ดังเช่นชาวชุมชนนางเลิ้งที่ได้มีการสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตเกิดขึ้น จึงขอคัดค้านการชุมนุมของคนเสื้อแดง เพื่อให้เกิดความสงบสันติขึ้นในจังหวัดและประเทศของเรา
ด้านนายวีระยุทธ กล่าวชี้แจงต่อผู้ชุมนุมว่า กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะเข้ามาจัดตั้งเวทีปราศรัย เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นบุคคลกลุ่มใดก็ตาม แต่ไม่อนุญาตให้มาจัดตั้งเวทีปราศรัยในพื้นที่ของศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร หรือหน่วยงานราชการใดๆ ทั้งสิ้น และต้องเป็นการชุมนุมที่สงบและปลอดจากอาวุธรวมถึงความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น
-"ขวัญชัย ไพรพนา"โผล่มอบตัว
เมื่อเวลา 07.00 น. นายขวัญชัย สาระคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 714 หมู่ 7 ซอยบ้านดอนอุดม ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ในฐานะแกนนำชมรมคนรักอุดรฯ พร้อมด้วยนายยงยุทธ คงปฏิมากร อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/3 ถ.ร่วมจิตร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ในฐานะประธานกลุ่มสถาบันเสื้อแดงขอนแก่น เดินทางเข้าพบพล.ต.ต. พัฒนี ศิริวัฒนี ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ที่สภ.เมืองขอนแก่น ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่า "ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา โดยวิธีปิดกั้นถนนจราจร อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำ เป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำผิด ปิดกั้นทางหลวงหรือนำสิ่งใดมาขวางหรือวางบนทาง หลวงหรือกระทำการใดๆ ในลักษณะที่อาจเกิดอันตราย หรือเสียหายแก่ยานพาหนะ หรือบุคคลและจอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจร" โดยนายขวัญชัยและนายยงยุทธ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาที่ 2229/2552 ของสภ.เมืองขอนแก่น ลงวันที่ 23 เม.ย. 2552
นายขวัญชัยกล่าวว่า เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ มีนายตุล ประเสริฐศีล ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น จ.ขอน แก่น แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ให้จับกุมแกนนำคนเสื้อแดงปิดถนนมิตรภาพ บ้านกุดกว้าง อ.เมือง ขอนแก่น และปิดสถานีเอ็นบีที ขอนแก่น เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนจึงได้รีบมาแสดงตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ข่าวที่เสนอออกมาว่าตนไปปิดเอ็นบีที ขอนแก่นนั้น ตนยังไม่เคยไป และการปิดถนนมิตรภาพแยกบ้านกุดกว้าง ตนได้แค่ผ่านมา และแวะคุยกับคนเสื้อแดงขอนแก่นที่ดำเนินการปิดถนนในขณะนั้น
-จัดชุมนุมที่อุดรฯอีก25เม.ย.นี้
นายขวัญชัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนเป็นเป้าหมายของรัฐบาล จึงต้องออกมาเรียกร้องคนเสื้อแดงมาพบกันที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ โดยมีแนวทางที่จะต่อสู้ตามอุดม การณ์เดิมเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงคืนมา และเป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้อง คาดว่าจะมีคนมาชุมนุมมากกว่า 1 หมื่นคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การมอบตัวของนายขวัญชัย ไพรพนา นายยงยุทธ คงปฏิมากร รศ.น.พ. เชิดชัย ตันติศิรินทร์ แกนนำคนเสื้อแดง จ.ขอน แก่น ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยเฉพาะนายขวัญชัยพร้อมจะสู้คดีตามข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เตรียมจะออกหมายจับแกนนำคนเสื้อแดงขอนแก่นอีก 4 คน ในบ่ายวันนี้ คือ นายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ขอนแก่น นายสัญญา สิมมา นายยรรยง ผิวผ่อง และนางซาบีน่า ซาส์ แกนนำคนเสื้อแดงขอนแก่น
-ศาลปค.ชี้พรก.ถูกต้องแล้ว
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ที่นายคารม พลทะกลาง ทนายความ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัวนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และน.พ.เหวง โตจิราการ 3 แกนนำ นปช. โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฝ่ายผู้ร้องมีนายคารม ทนายความเบิกความเพียงปากเดียวไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน ซึ่งได้ความจากนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการครม. ยืนยันว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย นายกรัฐมนตรีได้ปรึกษา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาด ไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายถาวร เสนเนียม รมช. มหาดไทย มีมติเห็นชอบแล้ว และเมื่อวันที่ 17 เม.ย. มีการประชุมครม.วาระปกติที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ที่ประชุม ครม. รับทราบให้ความเห็นชอบและสนับสนุนการออกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ดังกล่าวแล้ว ถือเป็นการผ่านความเห็นชอบของครม. ไม่ได้เป็น การประกาศโดยอาศัยอำนาจนายกรัฐมนตรีเพียงลำพัง ที่จะต้องขอความเห็นชอบ ครม.ภายใน 3 วัน ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ม.5 ดังนั้นประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ดังกล่าว จึงยังไม่สิ้นสุดลงแต่อย่างใด การที่เจ้าพนักงานควบคุมตัวผู้ต้องหาจึงไม่ใช่เป็นการจับคุมคุมขังโดยไม่ชอบ คำร้องไม่มีมูล ให้ยกคำร้อง
-ทนายนปช.ลั่นสู้ถึงฎีกา
ภายหลังนายคารม กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้กระบวนการตามกฎหมายอย่างเต็มที่แล้ว และเคารพคำสั่งศาล แต่คดีนี้จะต้องมีการพิสูจน์กันต่อไปในชั้นศาลอุทธรณ์ และฎีกา ที่จะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าการประชุมครม.เกี่ยวกับเรื่องที่มีความร้ายแรง ประชุมกันแค่ 4-5 คน ได้ตามกฤษฎีกาตีความ แต่ขัดกับรัฐธรรมนูญซึ่งระบุ ไว้ต้องประชุมครม.จำนวน 1 ใน 3 ของครม. ทั้งหมดที่มีอยู่ โดยจะยื่นอุทธรณ์ภายในวันจันทร์หรืออังคารหน้า พร้อมขอให้ศาลอุทธรณ์มีหมายเรียกเอกสารการประชุมครม.เมื่อวันที่ 17 เม.ย. มาตรวจสอบว่ามีการนำเรื่องประกาศ พ.ร.ก.เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ทราบหรือไม่ เพราะนายสุรชัย เพียงให้การด้วยวาจาไม่ได้แสดงเอกสาร ซึ่งขัดแย้งกับหลักฐานที่ตนมี
นายคารมกล่าวว่า ถึงตอนนี้ก็คงจะต้องรอดูต่อไปว่านายอภิสิทธิ์ จะประกาศยกเลิกพ.ร.ก. เมื่อใด หรือจะใช้ต่อไปจนครบกำหนด 3 เดือน และจะคุมขังแกนนำไว้จนครบกำหนด 1 เดือน ตามพ.ร.ก.ให้อำนาจหรือไม่ โดยขอให้จับตาดู ว่าเมื่อครบกำหนด 1 เดือนแล้วเจ้าพนักงานจะปล่อยตัว 3 แกนนำนปช.หรือไม่ หรือว่าจะปล่อยตัวแล้วจับกุมคุมขังต่ออีก 1 เดือน ซึ่งคงหมด สิทธิประกันตัวเพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานที่จะอ้างว่ามีข้อสงสัยที่จะต้องสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหากไม่กระทำด้วยความตรงไปตรงมา ความสมานฉันท์ที่นายกรัฐมนตรีประกาศคงไม่เกิดขึ้น
-ไทย-ยูเออีร่าง"ผู้ร้ายข้ามแดน"
นายพนิช วิกิตเศรษฐ ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนเตรียมรอไว้เพื่อลงนามร่วมกับยูเออีแล้ว โดยส่งเจ้าหน้าที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมายไปยูเออี เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งกรมสนธิสัญญา กระทรวงต่างประเทศของยูเออีส่งร่างสนธิสัญญาฉบับของยูเออี กลับมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย เพื่อให้กรมสนธิสัญญาของไทยตรวจร่างดังกล่าว ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าร่างสนธิสัญญาดังกล่าวเข้าตามกรอบของพ.ร.บ.การส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 นายกรัฐมนตรีก็สามารถลงนามร่วมกันได้ทันที แต่ถ้ามีเนื้อหาที่ไม่เข้าข่ายตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็ต้องเข้าสู่กระบวน การตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่จะต้องส่งให้ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบ แล้วเสนอต่อไปยังรัฐสภาอนุมัติ ก่อนที่ผู้นำของไทยและยูเออีจะลงนามกันต่อไป
ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ต้องเร่งดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพราะทั้ง 2 ประเทศมีความต้องการใช้สนธิสัญญานี้ จากการที่ตนได้เดินทางไปยูเออีครั้งล่าสุด พบว่าทางยูเออีก็แสดงความต้องการตัวพลเมืองของยูเออี ที่กระทำความผิดแล้วเข้ามาอยู่ในไทยเพื่อนำกลับประเทศด้วย เชื่อว่าถ้านายกฯ เห็นวาระการพิจารณาเรื่องดังกล่าวก็จะรีบหยิบยกมาพิจารณาโดยเร็ว
-แม้วโผล่ไลบีเรียเสนอแก้จน
นายพนิช กล่าวว่า การส่งผู้ร้ายข้ามแดนในลักษณะที่ไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะทำได้ยาก รวมถึงการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณด้วย ดังนั้น การมีสนธิสัญญาออกมาใช้ การนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาก็ง่ายขึ้น ตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและจะทำอย่างเร่งด่วน อีกทั้งไม่ใช่เฉพาะการทำสนธิสัญญาฯ กับยูเออีเพียงประเทศเดียวเท่านั้น แต่ไทยยังต้องเร่งทำสนธิสัญญานี้กับอีกหลายประเทศที่เรายังไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนด้วย เพราะประเทศเหล่านั้นก็ต้องการตัวคนของประเทศนั้นๆ ที่อยู่ในไทยกลับไปเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีวิทยุสตาร์ ไลบี เรีย โดยนายจูเลียส คานูบาห์ รายงานว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย เดินทางเข้าพบรองประธานาธิบดีโจเซฟ โบอาไค ของไลบีเรีย เมื่อวันที่ 21 เม.ย. เพื่อหารือถึง การลงทุนในไลบีเรีย ในด้านการสำรวจและผลิตพลังงาน เหมืองแร่ การเกษตร โทรคมนา คม นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังเสนอว่า อยากให้ไทยและชาติแอฟริกามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พร้อมเสนอข้อมูลด้านความสำเร็จและล้มเหลวในด้านเกษตรกรรมและการขจัดความยากจนเพื่อเป็นประโยชน์ ซึ่งหลังจากการเยือนไลบีเรียแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณมีหมายไปเยือนไอวอรีโคสต์ในวันที่ 22 เม.ย. ตามด้วยประเทศชาติแอฟริกาอื่นๆ