เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เข้ารายงานสถานการณ์การชุมนุมต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า ได้รายงานสถานการณ์ว่า ขณะนี้ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยล่าสุด ตัวเลขการชุมนุมอยู่ที่ 1,100 คน ส่วนการกำหนดดาวกระจายไปที่หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ยังคงเป็นเพียงกระแสข่าว แต่ได้เตรียมพร้อมหน่วยเคลื่อนที่เร็วไว้รับมือแล้ว ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะบุกมาชุมนุมที่พรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 6 เม.ย. ในงานทำบุญวันครบรอบ 63 ปี พรรคประชาธิปัตย์ ทางตำรวจพร้อมรับมือแล้วเช่นกัน ส่วนการเปิดทางให้ ครม. เข้าไปประชุมในทำเนียบฯเป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดี
“สุเทพ” ปิดปากอ้างพูดทุกวันน่าเบื่อ
ขณะที่นายสุเทพกล่าวถึงตำรวจว่า เป็นเรื่องปกติที่ลูกน้องตน ก็ต้องมาพบตนเป็นประจำ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศผ่านวีดิโอลิงค์ จะมานำการชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย. ด้วยตัวเอง นายสุเทพปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยบอกว่า ขอเว้นวรรคไม่พูดเรื่องการเมืองสักวัน วันนี้เป็นวันหยุด พูดทุกวันมันน่าเบื่อ ขอให้ไปสัมภาษณ์นายกฯที่กำลังจะเดินทางกลับจาก เชียงใหม่ดีกว่า เปลี่ยนหน้าบ้าง หน้าตนเห็นบ่อยแล้ว เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณประกาศจะนำการชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย.ด้วยตัวเอง นายสุเทพไม่ยอมตอบได้แต่หัวเราะ
“เทพไท” จวกเสื้อแดงล่วงเกินสถาบัน
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวโจมตี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี อย่างรุนแรงว่า องคมนตรีทุกคนที่ออกมาแสดงความเห็น ที่พาดพิงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกสมุนและลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณตำหนิอย่างรุนแรง ดูถูกเหยียดหยาม พยายามทำลายความน่าเชื่อถือ ทั้งที่องคมนตรีทั้ง 18 ท่านเป็นบุคคลที่สังคมยอมรับ และเป็นกลางทางการเมือง คำพูดที่ออกมาจากปากของบุคคลเหล่านี้เชื่อถือได้ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามแก้เกี้ยวโดยขู่ว่าจะฟ้องร้อง ซึ่งในทางกลับกันตัวเองขึ้นเวทีพูดจาเสียดสีอย่างเมามัน ไม่เห็นองคมนตรีคนใดจะฟ้องร้อง แต่เมื่อตัวเองถูกพาดพิงและพูดความจริงที่เกิดขึ้น ก็พยายามข่มขู่โดยหยิบเรื่องการฟ้องร้องขึ้นมา ก็เป็นสิทธิที่จะฟ้องได้ เพราะองคมนตรีก็เป็นบุคคลธรรมดา ไม่มีอำนาจเหนือกฎหมาย เป็นการพิสูจน์ในชั้นศาลว่า ข้อกล่าวหาขององคมนตรีต่อ พ.ต.ท. ทักษิณเป็นความจริง
คนมาร่วมชุมนุมเพราะอยากได้เงิน
นายเทพไทกล่าวว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามแสดงให้เห็นว่า ยังมีศักยภาพพอที่จะสนับสนุนการเคลื่อนไหว ด้วยการโชว์เครื่องบินราคา 1,500 ล้านบาท รวมถึงการพูดถึงเหมืองทองหลายแสนล้านบาทว่า พ.ต.ท. ทักษิณคงเข้าใจว่ากลุ่มคนที่มาเป็นคน 2 ประเภทคือ กลุ่มคนที่เคยได้ประโยชน์ และกลุ่มที่หวังจะได้ประโยชน์ จึงต้องตีปี๊บเพื่อเรียกความจงรักภักดี เพราะรู้ดีว่าคนเหล่านี้เห็นเงินแล้วจะตาลุกวาวเป็นประกาย ดังนั้น อยากขอเตือนประชาชนว่า อย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนเหล่านี้ อย่าเอาความลำบากตากแดดตากฝน มาเป็นฐานให้แกนนำคนเสื้อแดงเหยียบขึ้นไป สร้างความสำเร็จให้กับตนเอง ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณปลุกระดมว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นหลักแสน เพื่อทำลายสถิติ 14 ต.ค.16 และพฤษภาทมิฬนั้น จำนวนจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการจัดการและการโฆษณาชวนเชื่อ เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณถนัด แต่การที่พยายามพูดว่าเป้าหมายเพื่อล้มล้างระบอบอำมาตยาธิปไตยนั้น อยากให้สังคมกลับไปดูว่าใครคืออำมาตยาธิปไตยตัวจริง ระหว่างประธานองคมนตรีกับ พ.ต.ท. ทักษิณ เพราะวันนี้มีความพยายามป้ายสีให้คนอื่น
ยืนยัน “ทักษิณ” อยู่ที่กัมพูชาจริง
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช. เรียกร้องให้แสดงหลักฐานว่า พ.ต.ท. ทักษิณอยู่ในประเทศกัมพูชาว่า ถ้านายจตุพรอยากดูร่องรอย ให้ไปดูรอยล้อที่สนามบินกรุงพนมเปญว่ามีจริงหรือไม่ ตนไม่สามารถหาร่องรอยอื่นมายืนยันได้ แต่ที่ชัดเจนคือ พ.ต.ท.ทักษิณมาที่กัมพูชาจริง แต่พียงชั่วคราว และสังเกตว่าปกติในช่วงค่ำจะมีการวีดิโอลิงค์มายังการชุมนุมที่ทำเนียบฯ แต่คืนที่ผ่านมา กลับงดการวีดิโอลิงค์ที่ทำเนียบฯ แต่กลับไปโฟนอินที่ จ.อุดรธานีแทน แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่บนเครื่องบิน และใช้ โทรศัพท์มือถือโฟนอินเข้ามา เป็นการชี้ให้เห็นชัดเจนว่ากำลังเดินทางออกจากกัมพูชาในช่วงเวลานั้นหรือไม่
แขวะ “โอ๊ค” อย่าเลียนแบบคุณพ่อ
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ออกพ็อกเกตบุ๊กพร้อมประกาศจะลงเล่นการเมืองว่า เป็นสิทธิที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะส่งลูกชายเข้ามาเป็นตัวแทนทางการเมือง เพราะเคยคาดหวังให้คนตระกูลชินวัตรมาสู่การเมือง เมื่อลูกตัวเองมีความพร้อมก็น่าจะดีกว่าญาติคนอื่น แต่ใครก็ตามที่เข้ามาเล่นการเมืองไม่ว่าจะเป็นลูกใคร ต้องทำงานการเมืองภายใต้กฎหมาย นำบทเรียนของพ่อมาใช้กับแนวทางของตัวเอง อย่าเอาพฤติกรรมหรือแบบอย่าง ที่เห็นและซึมซับอยู่เป็นประจำ มาใช้ในวงการการเมือง เพราะอาจจะทำให้วัฏจักรทางการเมืองเสียหาย อยากสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์มีคุณภาพ หวังว่าคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาจะเป็นนักการเมืองที่สร้างสรรค์ และมีคุณภาพจริงๆ ควรจะศึกษาว่านักการเมืองที่ดีเป็นอย่างไร แต่คนที่กระชุ่มกระชวยนอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว คือสมาชิกพรรคเพื่อไทย อย่างน้อยนายห้างตัวจริงไม่มา ลูกนายห้างก็เข้ามาแล้ว
แย้มพันธมิตรฯใส่เสื้อ ปชป.ลงสนาม
ต่อข้อถามถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. เสนอให้กลุ่มพันธมิตรฯลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไปในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีอุดมการณ์ ทางการเมืองเหมือนกัน นายเทพไทตอบว่า กลุ่มพันธมิตรฯกับพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้พิสูจน์ว่า เป็นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน แต่การเคลื่อนไหวที่ผ่านมามีจุดร่วมและเห็นปัญหาเหมือนกัน คือเห็นภัยอันตรายของระบอบทักษิณ จึงต่อสู้ล้มล้างระบอบทักษิณ ซึ่งทำให้สอดคล้องกัน แต่ในทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่อยู่ในระบบรัฐสภา แต่กลุ่มพันธมิตรฯเป็นกลุ่มการเมืองภาคประชาชน เคลื่อนไหวนอกกฎเกณฑ์ของระบบรัฐสภา จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่กลุ่มพันธมิตรฯจะมาจับมือกับพรรค ประชาธิปัตย์ แต่ก็มีคนที่เคลื่อนไหวในกลุ่มพันธมิตรฯ และเป็นวิทยากรรับเชิญ อาจจะมาลงเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ใช่เป็นเรื่ององค์กร
โวยแหลก “จาตุรนต์” มีวาระซ่อนเร้น
นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เสนอตั้งคณะกรรมการสอบสวนเบื้องหลังเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 ก.ย. 49 ว่า อยากทราบว่ามีวัตถุประสงค์อะไร มีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ และหวังผลทางการเมืองอย่างไร เพราะจะไม่มีผลทางกฎหมาย และไม่มีหน่วยงานใดมาตั้งกรรมการสอบกลุ่มคนเหล่านี้ได้ เพราะถูกคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญชั่วคราว ฉบับปี 49 และ 50 มาตรา 309 ส่วนข้อเสนอที่ให้มีการเจรจา ระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับรัฐบาล หลังเทศกาลสงกรานต์นั้น จะมีผลดีต่อประเทศชาติอย่างไร เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประกาศแตกหักกับรัฐบาล สถาบันองคมนตรี และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมไทย ดังนั้นคิดว่าข้อเสนอเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า คนเหล่านี้ต้องการให้บ้านเมืองพังพินาศก่อน แล้วค่อยมาเจรจากัน ตรงกับเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น แล้วมีคนมาหย่าศึกเพื่อให้ทุกอย่างยุติ คนเหล่านี้มีความกระหายเลือด อยากเห็นเลือดนองแผ่นดิน เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น
โฆษก ปชป.แฉค่าใช้จ่ายปลุกม็อบ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะแยกแยะได้ว่า การเคลื่อนไหวมวลชนที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่เบื้องหลัง มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือทำให้ตัวเองพ้นผิด การเรียก องคมนตรีว่า เป็นอำมาตยาธิปไตยนั้น เป็นการจงใจที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันองคมนตรี ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเอกสารจำนวน 2 แผ่น เป็นการเตรียมการเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัด และเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ จากจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ โดยมีการสรุปค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวน 289,000 บาท แต่สิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้คือ การแจกใบปลิววันนี้ขยับไปถึงขั้นโจมตีพระราชกรณียกิจ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะไม่ขอลงรายละเอียด ดังนั้น ขอฝากไปยังผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลอย่างเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.บุรณัชย์ได้แจกเอกสารให้กับสื่อมวลชนจำนวน 2 แผ่น ที่อ้างว่าได้รับมาจาก จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ เป็นเอกสารค่าใช้จ่ายเรื่องการระดมคนไปชุมนุมที่หน้าศาลางกลางจังหวัด และเข้ามาร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 7-10 เม.ย. รวมเป็นค่าใช้จ่าย 289,000 บาท.
ย้อน “ทักษิณ” ไม่จริงใจปิดช่องเจรจา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอสนับสนุนแนวทางการเจรจาเพื่อหาทาง ออกกับผู้ชุมนุม พ.ต.ท.ทักษิณหรือตัวแทนของ พ.ต.ท. ทักษิณ แม้จะได้รับการปฏิเสธ ดังนั้น ขอฝากไปยังกลุ่ม ผู้ชุมนุมเสื้อแดง ให้ช่วยไปถามแกนนำ นปช.หรือ พ.ต.ท. ทักษิณว่า หากต้องการทวงคืนประชาธิปไตยจริง ทำไมปิดช่องการเจรจา แต่กลับยื่นเงื่อนไข เสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรงด้วยการโค่นล้มอำนาจรัฐเพียงเพื่อให้ความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกไป อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณพักอยู่ที่ประเทศกัมพูชานั้น พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจความละเอียดอ่อนในเรื่องความสัมพันธ์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน แต่รัฐบาลจะต้องติดตามผู้ร้ายมาดำเนินคดี โดยหาแหล่งพักพิงหรือหลบหนี ดังนั้น ที่มีการระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปอยู่ที่กัมพูชานั้น เป็นเรื่องจริง โดยได้มีการสอบถามไปยังรัฐบาลกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.แล้ว
สาปแช่งคนคิดไม่ดีต้องมีอันเป็นไป
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การรวมพลใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย.นี้ เป็นวันครบรอบบิลบัญชีที่จะต้อง มีการวางกัน ส่วนที่มีข่าวการจ่ายเงินให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทยคนละ 2 แสนบาท ก็เป็นการวางบิลเมื่อครบรอบบิลบัญชี และไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามสร้างสถานการณ์ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกครองบ้านเมืองมีจริง คนที่คิดไม่ดีกับประเทศชาติ จงใจสร้างสถานการณ์ในวันที่ 8 เม.ย. มักจะมีอันเป็นไป ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ถ้า พ.ต.ท. ทักษิณอยากกลับมาประเทศไทย จะแนะนำให้มามอบตัวว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้มีมวลชนออกมาอยู่พอสมควร ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิมคงเห็นว่าสามารถใช้มวลชนเป็นตัวต่อรองได้ ในภาวะปกติ ร.ต.อ.เฉลิมคงไม่แนะนำอย่างนี้ หากสถานการณ์อยู่นิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาคงถูกจับติดคุกแน่นอน แต่วันนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ จึงมั่นใจว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะมาเรียกร้องให้ปล่อยตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าเห็นใจ พร้อมที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชน แต่คนที่ลำบากกลับเป็นประชาชน ตัวเขาอยู่บนวิมาน 1,500 ล้านบาท บินไปบินมาสบายใจเฉิบ
ข้อมูลจาก