นายกฯ ขอความร่วมมือ ปชช. แจ้งเบาะแสแกนนำที่หลบหนี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (14 เม.ย.) ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

การดำเนินการคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ มีความคืบหน้า และเป็นไปด้วยดี โดยล่าสุด กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล ได้ยุติการชุมนุม และเดินทางกลับภูมิลำเนา แต่รัฐบาลยังคงไม่ประมาท และกำลังทหารยังคงต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ ที่มีการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการก่อเหตุขึ้นอีก ซึ่งประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนก โดยกำลังทหารจะเฝ้าดูแลสถานที่ราชการ และสาธารณูปโภค รวมทั้งจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังการยุติการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ยังคงเกิดการชุมนุมอยู่บ้าง

และกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำรุนแรง ฆ่าประชาชน แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลง คือ ไม่ได้ใส่เสื้อสีแดง ซึ่งรัฐบาลเข้าใจในความรู้สึก และจะพูดคุยเพื่อให้ยุติการชุมนุม พร้อมทั้งยืนยันว่า ปฏิบัติการที่ผ่านมา ไม่มีส่วนใดที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตของประชาชน นอกจากผู้เสียชีวิต 2 ราย จากการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม กับชาวบ้าน ดังนั้น จึงขอให้มั่นใจว่า ปฏิบัติการที่ผ่านมา มีความโปร่งใส มีสื่อมวลชนอยู่ในเหตุการณ์ และเวลาของปฏิบัติการส่วนใหญ่ เป็นเวลากลางวัน ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุข จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป


ส่วนการที่รัฐบาลมีมติเพิ่มวันหยุดราชการ คือ วันที่ 16-17 เม.ย.นั้น นายกฯ กล่าวว่า เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ ในการที่ยังต้องดูแลความสงบ


และตรวจสอบร่องรอยต่างๆ ในพื้นที่ที่มีการชุมนุม อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนได้ผ่อนคลายจากความตึงเครียด จากสถานการณ์ทางการเมือง ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ของไทย อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายหน่วยงานที่ให้บริการ พิจารณาถึงความเหมาะสม เพื่อความสะดวกของประชาชน รวมถึงประสานกระทรวงแรงงาน เพื่อให้การแจกเช็คช่วยชาติ ในวันที่ 16 เม.ย.สามารถเดินหน้าต่อไปได้


นายกฯ ยังย้ำอีกว่า ขณะนี้ ยังคงมีความจำเป็นในการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แม้ว่าเหตุการณ์ต่างๆ ได้คลี่คลายแล้วก็ตาม


แต่ภารกิจบางประการยังไม่เสร็จสิ้น จึงต้องคงอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมายพิเศษ เพื่อเร่งทำงานให้สถานการณ์กลับคืนสู่ปกติ ส่วนการดำเนินการที่เกี่ยวกับกฎหมาย และการเมืองนั้น นายกฯ กล่าวว่า ต้องดำเนินคดีกับกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุม โดยยืนยันว่า การดำเนินคดีจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้ว่ายังอยู่ในช่วงของการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม และจะไม่มีการตั้งธงว่าใครผิด หรือไม่ผิด รวมถึงรัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ให้แจ้งเบาะแส หากพบบุคคลที่ถูกออกหมายจับ และอยู่ระหว่างการหลบหนี


“แม้ว่าเหตุการณ์จะได้คลี่คลายไปในลักษณะนี้ ผมไม่ได้ถือเลยว่าสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของชัยชนะ หรือความพ่ายแพ้ของฝ่ายใด สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าจะเป็นชัยชนะ ก็คือชัยชนะของสังคม ซึ่งสามารถกลับเข้าสู่ความสงบได้ ไม่ได้เกี่ยวกับฝักใฝ่ หรือฝ่ายทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากจะย้ำ และผมขอเรียนครับ สำหรับผู้ชุมนุมซึ่งได้ก่อเหตุต่างๆ การกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้น กับทางตัวผม รัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ หรือสิ่งที่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการไป ในการปฏิบัติการ ผมอยากจะเรียนว่า เราอย่าถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เราอย่าถือเป็นเรื่องที่ต้องเก็บมาเป็นอารมณ์โกรธเคืองกันครับ ความขัดแย้งที่ผ่านมาอาจจะเกิดจากคนกลุ่มเล็กๆ ที่สร้างความเข้าใจผิด และทำให้เราต้องมาเผชิญหน้ากัน วันนี้ ผมไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของชัยชนะของฝ่ายใด ผมมองเพียงแต่ว่าถ้าเราร่วมกันทำให้สังคมสงบลง เรามาพูดคุยกันได้ง่ายขึ้นครับ”


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์